เหรียญพระอุปคุต หลังยันต์แปดทิศ (หลวงพ่อชาญ ชาโน สำนักสงฆ์ป่ากลางบุญ)

 (( เหรียญพระอุปคุต ))

หลังยันต์แปดทิศ

(หลวงพ่อชาญ ชาโน )

สำนักสงฆ์ป่ากลางบุญ

++ จารในบล็อค ++

(( ด้านหน้า ))

เป็นรูปพระอุปคุตปางจกบาตร ซึ่งเป็นปางที่เชื่อว่ามีพุทธานุภาพด้านโชคลาภและป้องกันภัย

(( ด้านหลัง ))

เป็นยันต์อิติปิโสแปดทิศ ซึ่งช่วยคุ้มครองป้องกันภัยได้ครบทุกด้าน

(( การจาร ))

มีการจาร อักขระเลขยันต์ ลงในบล็อก ซึ่งเป็นการเพิ่มความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญ 

(( พุทธคุณ ))

เหรียญพระอุปคุตหลังยันต์แปดทิศนี้มีพุทธคุณครอบคลุมหลายด้าน ดังนี้:

++ ป้องกันภัย: ยันต์อิติปิโสแปดทิศมีพุทธานุภาพคุ้มครองป้องกันภัยจากสิ่งชั่วร้ายและภยันตรายทั้งปวง

++ เมตตามหานิยม: เสริมเสน่ห์เมตตามหานิยม ทำให้ผู้คนรักใคร่เอ็นดู

++ โชคลาภ: ช่วยเสริมด้านโชคลาภ ค้าขายดี และเรียกทรัพย์

++ คลี่คลายกรรม: หลวงพ่อชาญมีความเชี่ยวชาญเรื่องการคลี่คลายกรรมทางจิต ซึ่งจะช่วยลดผลกรรมไม่ดีให้เบาบางลง

++ ปราบมาร: พุทธคุณของพระอุปคุตปราบมารช่วยขจัดอุปสรรคและสิ่งไม่ดีต่างๆ ในชีวิต 

ถือเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความศรัทธาอย่างสูง เนื่องจากหลวงพ่อชาญเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐานและไสยเวทย์ 

เหรียญรุ่นนี้ ยังมีการจารในบล็อก ซึ่งเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ต้องการของนักสะสม 

*****************************

พระอุปคุต มหาเถระ (พระบัวเข็ม)

พระอุปคุต พระอรหันต์องค์หนึ่งที่มีพุทธคุณโดดเด่นในด้านการให้โชคลาภ ป้องกันอันตรายทั้งปวง และดลบันดาลให้ผู้ที่บูชาเป็นผู้มีเมตตากรุณา เป็นที่รักใคร่ของผู้คน

เชื่อกันมาว่า พระอุปคุตมีอิทธิฤทธิ์ปราบท้าววสวัตตี มีเรื่องเล่ามาว่าประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ กรุงปาฏลีบุตร (ปัจจุบันคือเมืองปัฏนา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้ฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ทั้งหมดที่พระองค์สร้างอย่างยิ่งใหญ่ ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน แต่ถูกพญามารมาผจญ ท่านจึงนิมนต์พระอุปคุตไปปราบพญามารจนยอมแพ้

ปัจจุบันยังมีความเชื่อในหมู่ชาวไทยวนว่า พระบัวเข็มหรือพระอุปคุตยังมีชีวิตอยู่ ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ ชาวไทยวนจะเรียกว่าเป็น "วันเป็งปุ๊ด" พระอุปคุตจะออกบิณฑบาตในร่างเณรน้อย และจะออกมาเวลาเที่ยงคืน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดประเพณีตักบาตรกลางคืนขึ้น

--------------

คาถาบูชาพระอุปคุต เป็นบทสวดมนต์ที่ใช้บูชาพระอุปคุต พระอรหันต์องค์หนึ่งที่มีพุทธคุณโดดเด่นในด้านการให้โชคลาภ ป้องกันอันตรายทั้งปวง และดลบันดาลให้ผู้ที่บูชาเป็นผู้มีเมตตากรุณา เป็นที่รักใคร่ของผู้คน

บารมีขององค์พระอุปคุต จะส่งเสริมให้เรามีความสุข ให้มีอายุยืนยาวสุขภาพแข็งแรง ความรักมั่นคงมีอำนาจบารมี และมีเหลือกินเหลือใช้ มั่งคั่งมั่งมีศรีสุข การสวดมนต์เพื่อขอพรพระอุปคุตนั้น ให้นำพระอุปคุตมาตั้งไว้เพื่อบูชา หรือสำหรับผู้ที่ไม่มีพระอุปคุต ให้ตั้งจิตถึงท่านแล้วสวดมนต์ตามบทได้เลย คาถาบูชาพระอุปคุต มีด้วยกันหลายบท ที่นิยมสวดกัน ได้แก่

--------------

คาถาบูชาพระอุปคุต

อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร สัมพุทเธ นะ วิยากะโต มารัญจะ มาระพะลัญจะ โสอิทา นิมะหาเถโร นะมัสสิตตะวา ปะติฏฐิโต

อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะมะหาเถรัง ยัง ยัง อุปะทะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ

คาถาบทนี้ สวดบูชาพระอุปคุตทุกวัน จะบัลดลให้บังเกิดโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทองมากมาย และป้องกันภัยอันตรายทั้งปวงแก่ผู้บูชา

------

คาถาบูชาพระอุปคุต (แบบย่อ)

(ท่องนะโม 3 จบ) 

อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โส ระโห ปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง ภะวันตุ เม ฯ

============================

(หลวงพ่อชาญ ชาโน) เกิดเมื่อวันอังคาร เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ปีมะโรง ณ บ้านบางรายได้ อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร นามสกุลเดิม “โตนุ่ม” เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง ทั้งหมด ๖ คน ของพ่อเฉลย และคุณแม่แหยม โตนุ่ม เมื่ออายุได้ ๘ ขวบ โยมพ่อได้นำไปไว้กับหลวงปู่เคลือบ วัดดงเสือเหลือง จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นองค์เดียวกับวัดหนองกระดี่ จังหวัดอุทัยธานี

เนื่องจากทางบ้านมีกรณีพิพาทกับเพื่อนบ้านเรื่องการถือครองที่ดิน และโยมพ่อได้รับการรดน้ำมนต์จากหลวงปู่เคลือบ จึงรอดพ้นจากภยันตรายจากกรณีดังกล่าวได้

ครั้งแรก หลวงพ่อชาญ ชาโน ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาฝ่ายมหานิกาย ณ วัดสุวรรณาราม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อมา หลวงพ่อชาญ ชาโน ได้เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาฝ่ายธรรมยุต ณ วัดบวรนิเวศน์วิหาร แขวง และเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ปัจจุบัน เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหารัชมงคลดิลก สมศักดิ์ในขณะนั้นเป็นพระธรรมสิริสารเวที เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และมีพระพรหมมุนี สมศักดิ์ในขณะนั้นเป็นพระเทพกวี เป็นพระอนุสาสนาจารย์ หลังอุปสมบทแล้ว หลวงพ่อชาญ ชาโนได้เฝ้าถวายงานรับใช้พระอุปัชฌาย์อยู่ระยะหนึ่งก็ได้ทูลลาองค์พระ อุปัชฌาย์ออกปลีกวิเวกแสวงหาแนวทางปฏิบัติเพื่อการหลุดรอดวัฏสงสารตาม อุปนิสัยดั่งเดิมของท่าน องค์สมเด็จพระอุปัชฌาย์ก็ทรงยินดี และอนุโมทนา ทรงอนุญาตให้ตามความประสงค์ของหลวงพ่อฯ จากนั้นท่านก็ได้ออกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆที่เห็นสมควรเพื่อปฏิบัติธรรม

หลวงพ่อชาญ ชาโน เมื่อสมัยท่านยังเป็นเด็กนั้น ท่านก็เป็นคนอยู่แถวๆจังหวัดนครสวรรค์กับโยมบิดาของท่าน และต่อมาโยมบิดาของท่าน และต่อมาโยมบิดาของท่านได้นำตัวท่านไปฝากถวายตัวเป็นลูกศิษย์พระเกจิอาจารย์ ดังรูปหนึ่งก็คือ หลวงปู่เคลือบ วาจาสิทธิ์ แห่งวัดหนองกระดี่ จังหวัดอุทัยธานี และแห่งวัดดงเสือเหลือง จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นองค์เดียวกัน

หลวงปู่เคลือบนั้น เท่าที่ทราบจากหลวงพ่อชาญ ชาโน ท่านบอกว่า เป็นพระที่เก่งมากทั้งทางกรรมฐาน และหยั่งรู้ดิน ฟ้า และมีอาคมแก่กล้ามาก แม้แต่เวลาหลวงปู่เคลือบเดินฝ่าสายฝนที่โปรยลงมาอย่างหนักก็ไม่ทำให้จีวรของ ท่านเปียกฝนแต่อย่างใด ไม่เพียงแต่เท่านี้หลวงปู่เคลือบยังมีวาจาศักดิ์สิทธิ์เอามากๆ จะเห็นได้จากผู้คนที่เคารพเลื่อมใสในหลวงปู่เคลือบย่อมจะรู้กิตติศัพท์ของ ท่านดี ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และเข้มขลังจะเห็นได้จากผู้คนที่บนบานศาลกล่าวหลวง ปู่เคลือบนั้น แล้วแต่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี จะเห็นได้จากครอบครัวของผู้เขียนตั้งแต่เกิดมาจำความได้ บิดา และมารดาของผู้เขียนจะบนบานศาลกล่าวกับหลวงปู่เคลือบปีละ ๑ ครั้ง คือวันสงกรานต์ในวันที่ ๑๓ เมษายน ของทุกปี โดยจะแก้บนด้วยเหล้าขาว ๔๐ ดีกรี จำนวน ๑๐ ขวด พร้อมมะขามเปียกและเกลือเม็ด จำนวนหนึ่งตลอดมา จนกระทั่งผู้เขียนจะเกษียณอายุราชการแล้ว มารดาผู้เขียนก็ยังปฏิบัติมาตลอด (บิดาได้ถึงแก่กรรมปี ๒๕๔๒ แล้ว) โดยจะขอบนบานศาลกล่าวให้ครอบครัวมีความสุข ความเจริญ สิ่งที่เป็นอัปมงคลอย่าได้มากล้ำกราย เป็นต้น ตอนเล็กๆ อยู่หลวงพ่อชาญฯ ท่านไว้ผมจุก หลวงปู่เคลือบจะเรียกท่านว่า “ไอ้จุก”

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจะ เห็นได้ว่า อาจารย์ของท่านทั้ง สามรูป คือ หลวงพ่อเคลือบ, หลวงพ่อผล หลวงพ่อคง ล้วนเป็นผู้หยั่งรู้ดิน ฟ้า และเป็นผู้หยั่งรู้ล่วงหน้าถึงอนาคตของหลวงพ่อชาญฯ เป็นอย่างดี ในเรื่องเกี่ยวกับการบวชเป็นพระของหลวงพ่อชาญฯ แน่นอน นอกจากนี้หลวงพ่อชาญฯ ได้บอกกับผู้เขียนว่า “อาจารย์ของท่านที่ท่านได้เรียนวิชาอาคมต่างๆมานั้นมีทั้งหมด ๕๔อาจารย์