จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 1 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | พระเกจิอาจารย์ ยุคปัจจุบัน |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
(( เหรียญครูบาธรรมชัย ))
วัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่
++ เสาร์ห้า ปี2535 ++
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
(( เหรียญครูบาธรรมชัย ))
วัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่
++ เสาร์ห้า ปี2535 ++
- (ด้านหน้า) เป็นรูปพญานาค 7 เศียร
- (ด้านหลัง) เป็นรูปครูบาธรรมชัยและยันต์
- จัดสร้างในวันเสาร์5 ปี2535
(( พุทธคุณ ))
พุทธคุณครบทุกด้าน เมตตา โชคลาภ ค้าขายดี แคล้วคลาด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง
======================================
“วันเสาร์ 5 ตามตำราโบราณถือเป็นวันแรงที่พระเกจิมักใช้วันนี้ในการทำพิธีกรรม เป็นวันที่เกิดขึ้นได้ยาก
ทางไสยเวท การทำพิธีกรรมในวันเสาร์ 5 ถือเป็นวันแข็ง และพอขึ้น 5 ค่ำ ก็ได้อิทธิพลของวันครู บวกกับเดือน 5 แบบไทยที่เป็นวันครู
จึงเหมาะที่จะประกอบพิธีกรรม เช่น ปลุกเสกวัตถุมงคล เชื่อว่า จะเพิ่มพูนฤทธิ์ให้ทบทวีมากขึ้น
======================================
คาถาพระพุทธเจ้าห้ามทุกข์ หลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง
ตั้ง นะโม3จบ
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง จาติกันตัง มะระณะกัน ปาณาติกัน สารพัดกันกัน
พุทธัง อะระหัง จังงัง ภาเว สัมปะฏิจฉามิ เม สัมมุขา สัพพาหะระติ เต สัมมุขา
อิอะระนัง อะระหัง กุสะลา ธัมมา สัมพุทโธ ทุ สะ นะ โส นะโม พุทธายะ
-พระคาถานี้มีคุณวิเศษ ดลให้ชีวิตรุ่งเรือง -แคล้วคลาด จากสิ่งร้าย อันตรายต่างๆ -เป็นที่รักชื่นชมของผู้คนทั่วไปทุกแห่งหน
===========================
ครูบาธรรมชัย ธมฺมชโย วัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง เชียงใหม่
ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่เป็นที่กราบไหว้ของชาวเหนือ ท่านเป็นศิษย์ท่านหนึ่งของครูบาเจ้าศรีวิชัย
เป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก ,หลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูล , หลวงปู่คำแสน วัดสวนดอก ,
หลวงปู่ครูบาน้อย วัดบ้านปง ,ครูบาชัยวงศา วัดพระบาทห้วยต้ม ,และ หลวงพ่อท่านมหาวีระ ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ,
และท่านครูบาอาจารย์ทั้งหลายอีกมากรูปทั่วล้านนา
ครูบาท่านนั้นสำเร็จวิชาชั้นสูง สำเร็จฌาณสมาบัติชั้นสูง มีสมาธิจิตแรงกล้า ขนาดท่านมหาวีระ วัดท่าซุงนั้นกล่าวยกย่อง วัตถุมงคลของท่านนั้นดีเด่นสารพัด
#สรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย พระดีน่าใช้
1 ในอริยสงฆ์ของเมืองเหนือศิษย์สายครูบาเจ้าศรีวิชัย
ศิษย์ผู้อุปัฏฐาก รักษาอาการอาพาธ ของครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา เมื่อคราวที่ครูบาเจ้าศรีวิชัย มาบูรณะ วัดจามเทวี ลำพูน
จนได้รับการยกย่องจากครูบาเจ้าศรีวิชัย ว่า เป็นหมอยาเทวดา ผู้มีอาคมเป็นเลิศ เป็นศิษย์ที่หาได้ยาก
โดยหลวงปู่ครูบาธรรมชัย ได้รับสมณะศักดิ์ ในทินนาม ว่า พระครูวรเวทย์วิสิฐ (ผู้มีอาคมตั้งอยู่เป็นกำลัง)
Cr: หนังสือประวัติหลวงปู่
****************************
(( ประวัติโดยย่อ ))
หลวงปู่ครูบาธรรมชัย ธมฺมชโย
วัดทุ่งหลวง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
หลวงปู่ครูบาธรรมชัย เกิดที่บ้านป่าสักหมู่ที่6 อ.เมือง จ.ลำพูน เกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจน อันมีพ่อหนานพรหมเสน และแม่คำป้อ เรืองศักดิ์ เป็นบิดามารดา ประกอบอาชีพทำนา ช่างไม้ และขายยาสมุนไพร อยู่กินกันมาจนกำเนิดบุตรสาวคนแรก และบุตรชายคนที่ 2 ครั้นในปีต่อมาเมื่อวันเสาร์ที่ 6 มิ.ย.2457 ขึ้น14 ค่ำเดือน 9 ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ยังความชุ่มฉ่ำไปทั่ว แม่คำป้อก็ได้กำเนิดบุตรชายออกมาด้วยผิวพรรณที่ผ่องใส ไม่ร้องไห้ ยิ้มแย้มและเบิกบาน ฝ่ามือทั้งสองข้างแบออก ไม่กำแน่นเช่นทารกอื่นๆทั่วไป สายรกพาดเฉวียงบ่าคล้ายสายสังวาลย์ ส่วนถุงรกก็คลุมศีรษะทารก คล้ายสวมหมวก ทางคนเฒ่า คนแก่ และชาวบ้านสมัยนั้นเมื่อได้ทราบข่าวอัศจรรย์ ต่างพากันมาดูทุกคนต่างร้องสาธุ
โจษขานเล่าลือกันว่า ทารกน้อยคนนี้เมื่อเติบโตจะเป็นที่พึ่งของคนทั้งหลาย เพราะเป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด และต่างขนานนามว่า เด็กชายหมวก เรืองศักดิ์ พออายุได้ 15 ปี ก็ได้ไปสมัครเป็นลูกศิษย์วัดสันป่าสัก โดยมีสามเณรปินตา เป็นผู้ดูแลตลอดระยะเวลา 3 เดือนครึ่ง เด็กชายหมวกสามารถท่องจำบทสวดมนต์ต่างๆข้อวัตรปฏิบัติตลอดไป จนถึงการฝึกฝนสมลกรรมฐานเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี และมักจะออกแสวงหาความสันโดษ สงบจิตใจ ตลอดเวลาเท่าที่โอกาสจะอำนวย
จากนั้นต่อมาทางคุณพ่อ ก็ได้พาไปสอบความรู้จาก พระปลัดปัน เจ้าคณะแขวงวัดพระยืน ด.ช.หมวก ก็ได้แสดงความสามารถ จนได้รับการยกย่องและได้มอบผ้าจีวร จากเจ้าคณะแขวง และได้เข้าร่วมในการบรรพชาในครั้งนั้นด้วย โดยมีท่านครูบาคำมูล ธมุมวงโส พระอุปัชฌาย์ วัดบ้านตอง มาเป็นประธาน เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มี.ค.2471 ณ.วัดป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน นามว่า สามเณรกองแก้ว เรืองศักดิ์
หลังจากนั้นไม่นาน บิดาสามเณรกองแก้วก็จากไปอย่างสงบ เมื่อจัดการบำเพ็ญกุศลศพเรียบร้อย พร้อมน้อมถวายเมื่อครั้งบรรพชาสามเณรทั้งหมด อุทิศให้ดวงวิญญาณของคุณพ่อให้มีความสุขในสัมปรายิกภพ หลังจากนั้นจึงตัดสินใจไปกราบลาครูบาคำมูล พระอุปัชฌาย์ แล้วออกเดินทางไปปฏิบัติธรรมในป่าห้วยน้ำดิบ ซึ่งห่างจากวัดสันป่าสักประมาณ 6 กม.พร้อมกับอัฏฐบริขารที่จำเป็น
สามเณรกองแก้ว ได้หมั่นฝึกสมถะวิปัสสนากรรมฐานอย่างสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกันก็ได้ศึกษานักธรรมชั้นตรี ที่วัดพระยืนและชั้นโทที่วัดมหาวัน เมื่ออายุได้ 20 ปี ก็สามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ และได้รับการอุปสมบทเมื่อวันศุกร์ที่ 23 มี.ค.2476 โดยท่านครูบาคำมูล เป็นพระอุปัชฌาย์ พระชัยยะเสนา เป็นพระกรรมวาจา พระคำปัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีพระอันดับสงฆ์ 50 รูป ณ พัทธสีมาวัดหนองหล่ม ต.ทุ่งยาว อ.เมืองลำพูน นามฉายาว่า ธมมชโย ภิกขุ ต่อมาท่านได้ทราบกิตติศัพท์อันเลื่องลือของนักบุญแห่งล้านนาคือ ท่านครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย ซึ่งท่านได้มาอำนวยการสร้างอุโบสถ วิหาร วัดจามเทวี พระกองแก้ว จึงเข้ากราบขอมอบตัวถวายเป็นศิษย์เพื่อศึกษาสมถะ วิปัสสนากรรมฐาน จากท่านครูบาศรีวิชัย เมื่ออายุได้ 21 ปี
ด้วยความสามารถพิเศษในการเป็นพระนักพัฒนา เพื่อประโยชน์ส่วนรวม จนทำให้ชื่อเสียง คุณความดีกระจายไปทั่ว ทั้งที่ยังเป็นพระหนุ่ม กิตติศัพท์ดังกล่าวทราบถึงชาวบ้านบ้านอินทขิล มีความศรัทธา จึงได้พร้อมใจกันสร้างอารามขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการทำบุญตามจารีตประเพณีฯ ท่านได้อยู่และพัฒนาวัดอินทขิล(สันป่าตอง) จนเรียบร้อยและได้อบรมชาวบ้านให้มีสัมมาทิฏฐิ ประกอบสัมมาอาชีวะ จากนั้นท่านจึงปรารถนา ที่จะบำเพ็ญเพียรในสถานที่อันสงบอีกครั้ง จึงบอกลาศรัทธาและขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลวัดและมาทำบุญเช่นเดิม
จากนั้นได้ไปกราบลาครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือหลายรูป ทางครูบาอาจารย์ต่างๆก็อวยพรให้การเดินทางไปปฏิบัติธรรมจงสัมฤทธิ์ผล พระกองแก้วจึงออกเดินทางขึ้นสู่ อ.เชียงดาว อ.ฝาง อ.พร้าว ผ่านสถานที่ต่างๆอันเป็นโบราณสถาน วัดร้าง ป่าช้า ถ้ำ ท่านก็แวะพักปฏิบัติธรรม แผ่กระแสเมตตาธรรม อุทิศให้สัมภเวสี วิญญาณที่สิงสถิตตามสถานที่เหล่านั้น พระภิกษุธรรมชัยหรือ(พระกองแก้ว)ท่านได้ออกปฏิบัติธรรม จนกระทั่งถึงวัดตับเต่า อ.ไชยปราการ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ตามตำนานเล่ากันว่า เคยเป็นสถานที่พระโยคาวจรเจ้า จำนวน 500 รูป มาปฏิบัติธรรมและดับขันธ์นิพานในถ้ำตับเต่าแห่งนี้
ท่านจึงเข้าไปปฏิบัติธรรมในถ้ำแห่งนี้ เมื่อปี 2492 จนถึง2497 ดังปรากฏอยู่ในถ้ำจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาทางศรัทธาชาวบ้านทุ่งหลวง อ.แม่แตง ได้ทราบกิตติศัพท์คุณงามความดีของท่าน จึงพากันมาขออารา ธนาท่านครูบาธรรมชัย ให้มาโปรดเมตตาชาวบ้านทุ่งหลวง ท่านจึงรับอาราธนาและเดินทางมายังวัดทุ่งหลวง เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2497 ท่ามกลางความอาลัยของชาวบ้านวัดตับเต่ายิ่งนัก
นี่เป็นส่วนหนึ่งของหลวงปู่ครูบาธรรมชัย ธมมชโย ที่ได้ปฏิบัติภารกิจต่างๆตลอดเวลาที่ดำรงชีพอยู่ แล้วท่านก็ได้มรณภาพ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2530
===========================
#เรื่องเล่าจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
“..หลวงปู่พระครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านมรภาพเมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ ก่อนหน้านี้มีคนแจ้งข่าวให้อาตมาทราบว่า หลวงปู่ธรรมชัยท่านไม่สบายมาก เข้าโรงพยาบาล อาตมาฟังแล้วก็คิดในใจว่าวันนี้ตรงกับวัน ๑๒ ค่ำ ตามตำราโบราณถ้าป่วยวันนี้มันหายยาก หลังจากนั้นถัดไปอีก ๑ วัน จากวันที่ได้รับข่าวว่าท่านมรภาพแล้ว ก็คิดว่าเคยทำงานคู่กันในด้านสาธารณประโยชน์เหมือนกันแต่คนละด้าน ท่านไปแล้วก็เหลือแต่เรา จึงคุมกำลังใจตนเอง นอนภาวนาบ้างพิจารณาบ้าง พอจิตรวมตัว จิตรวมตัวนี่ไม่ต้องบงคับ พอจิตทรงตัวดีก็ไปหาพระ พอไปถึงก็กราบพระ ถ้าจิตมีกำลังอย่างนี้ตายเมื่อไรก็มาที่นี่ นึกถึงหลวงปู่ธรรมชัยขึ้นมาได้ จึงกราบเรียนถามพระท่านว่า “เวลานี้หลวงปู่ธรรมชัยอยู่ไหน” ท่านก็ตอบว่า "หลวงปู่ธรรมชัยอยู่ชั้นดุสิต" ก็ตกใจเพราะว่าหลวงปู่ธรรมชัยเดิมท่านเป็นพุทธภูมิ ต่อมาก็ลาพุทธภูมิต้องการเป็นอัครสาวกของพระศรีอาริย์ ท่านเคยบอกว่า "ขอเกิดอีกชาติ ต้องการเป็นอัครสาวกของพระศรีอาริย์" อาตมาจึงกราบถามพระว่า "ในเมื่อหลวงปู่ธรรมชัยไม่ได้เป็นพุทธภูมิ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าชั้นดุสิต เพราะชั้นดุสิตผู้ที่จะเข้าได้ต้องเป็นพระอริยเจ้าขั้นพระโสดาบันขึ้นไป และในเมื่อหลวงปู่ธรรมชัยปรารถนาเป็นอัครสาวกของพระศรีอาริย์ ก็เป็นพระอริยเจ้าไม่ได้จึงไม่มีสิทธิ์เข้าชั้นดุสิต
และอีกประการหนึ่งหลวงปู่ธรรมชัยลาจากพุทธภูมิแล้ว และไม่ใช่บิดามารดาของพระโพธิสัตว์ ทำไมเข้าชั้นดุสิตได้" พระท่านก็บอกว่า "งานของหลวงปู่ธรรมชัยเป็นงานพุทธภูมิ มีเมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร ไม่มีขอบเขต ใครไปก็สงสารมีเงินหรือไม่มีไม่สำคัญ ต้องการสงเคราะห์อย่างเดียว ด้านมุทิตา ท่านไม่เคยอิจฉาริษยาใคร ใครได้ดีพลอยยินดีด้วย อุเบกขา วางเฉย คนที่ไม่ชอบใจเขาก็ว่าท่าน เขานินทาท่าน ท่านก็เฉย รวมความว่าท่านครบถ้วน บริบูรณ์ด้วยพรหมวิหาร ๔ ไม่มีขอบเขต อย่างนี้เขาเรียกเป็น อัปปมัญญา อัปปมัญญา นี้ไม่มีขอบเขต ถือว่างานประเภทนี้เป็นงานพุทธภูมิไม่ใช่งานสาวก และทำไมจะถือว่าเขาไม่มีสิทธิ์เข้าชั้นดุสิต" พอพูดจบท่านก็เรียกหลวงปู่ธรรมชัยเข้าไปนั่งคู่กับอาตมา อาตมาถามหลวงปู่ธรรมชัยว่า "หลวงปู่ออกจากร่างกายแล้ว รู้สึกเสียดายร่างกายไหม อยากกลับเข้าไปไหม" หลวงปู่ทำหน้าเบ้ปั้นไม่ถูกเลยตอบว่า "รังเกียจร่างกายจริงๆ" ถามว่า "อายุกาลมันสมควรหรือเปล่าในการตายครั้งนี้" ท่านบอกว่า "เป็นการตายที่ไม่สมควรแก่เวลาที่ควรจะตาย" พระท่านบอกว่า "สงสารเธอ กาลเวลามันเลยมาแล้ว เรื่องการก่อสร้างก็เหลือไม่มาก คนอื่นเขาทำต่อไปได้ ควรไปให้ได้มีความสุขบ้าง" หลังจากนั้นพระท่านก็เรียกพระศรีอาริยเมตไตรยขึ้นไป พอท่านขึ้นไปอาตมาก็กราบเรียนถามว่า "เวลานี้วิมานของหลวงปู่ธรรมชัยอยู่ที่ไหน" ท่านบอกว่า "เขาปรารถนาเป็นอัครสาวกของฉันก็อยู่ที่ฉัน"
ใครฝึกมโนมยิทธิได้ก็สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง เวลาจะพิสูจน์ก็ต้องทิ้งความจำที่รู้มาก่อน อย่างพระท่านบอกว่า "หลวงปู่ธรรมชัยอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต" ต้องทิ้งอารมณ์นี้เสียก่อน ให้จิตมีความทรงตัวเป็นอุเบกขา อย่าให้อารมณ์เก่าที่เราได้ยินมามีในจิต จึงเริ่มภาวนา แล้วขึ้นไปหาพระแล้วก็กราบถามท่าน อย่างนี้จะไม่ผิด.."
เรื่องที่ ๔๓ หลวงปู่ธรรมชัย มรภาพแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต
ที่มา https://sites.google.com/site/sphrathewtheph/
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |