จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 1 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | พระเกจิอาจารย์ ยุคปัจจุบัน |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
((เหรียญกลม พระครูจันทสมาน))
(หลวงปู่หล้าตาทิพย์)
วัดป่าตึง จ.เชียงใหม่ ปี2529
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
((เหรียญกลม พระครูจันทสมาน))
(หลวงปู่หล้าตาทิพย์)
วัดป่าตึง จ.เชียงใหม่ ปี2529
พุทธคุณเด่นด้าน เมตตามหานิยม และโชคลาภ แคล้วคลาด คุ้มครองจากภัยอันตรายต่างๆ
ท่านบริกรรมปลุกเสกเดี่ยว ด้วยอำนาจจิตของหลวงปู่ ท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญา มีทิพยจักษุมีเจโตปริยญาณ แก่กล้า ใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไรอย่างไรท่านรับรู้ได้ด้วยสมาธิทั้งหมด
ครั้งหนึ่งมีตนนับถือศาสนาคริสต์ตามเพื่อนไปกราบเยี่ยมท่านที่วัด พอถึงตอนรับแจกวัตถุมงคล ท่านได้เอ่ยขึ้นเชิงหยอกล้อเล่นๆว่า"เฮาเป๋นคนคริสต์ ถือพระไหว้พระได้กา จะเอาไปยะใด"
แต่ท่านก็เมตตาแจกให้ สร้างความแปลกประหลาดใจแก่คนผู้นั้นมากว่าท่านทราบได้อย่างไรเพราะมิได้เอ่ยบอกใครเลย หลวงปู่ท่านมีพุทธาคมแก่กล้ามาก เชี่ยวชาญการทำน้ำพระพุทธมนต์ธรณีสารหลวงมาก
ใครไปกราบท่านก็อยากให้ท่านรดน้ำมนต์ให้ เพราะน้ำมนต์ท่านศักดิ์สิทธิ์แก้ล้างขับอาถรรพ์ภูติผีปีศาจเสนียดจัญไรได้ดีเยี่ยมแม้ครูบาวัดปากกองสารภี หรือครูบาผีกลัวก็ยังให้ความเคารพท่านมากๆ ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ
อีกทั้งหลวงปู่หล้าท่านยังเก่งเรื่องของเมตตามหานิยม จะเก็นได้ว่าพระคาถาที่ท่านมักใช้จารหรือลงในวัตถุมงคล นอกจากเป็นยันต์ทางคงกระพันแคล้วคลาดเช่นยันต์ปถมังสี่ด้าน หรือยันต์นาคคอคำ ที่ท่านใช้ลงตะกรุดแล้ว
ท่านมักจะลงด้วยคาถามูตูตังแปด ดอกไม้เมืองสวรรค์ หัวใจ๋ปิติธรรมทั้งสี่ สิมป๊ะลีเรียกโชค พระจันทร์ขว้ำพระจันทร์หงาย อยู่เสมอๆเพราะท่านชำนาญทางพระคาถาเมตตามาก ของดีหลวงปู่ท่านมักแจกมากกว่าจำหน่าย
พระของท่านแม้ราคาค่าบูชาไม่แพงนักแต่มีพุทธคุณสูง มีประสบการณ์มากมาย เป็นที่เคารพนับถือโดยทั่ว
===========================
💥ปาฏิหาริย์บังเกิด!! ... เมื่อ "#หลวงปู่หล้าตาทิพย์" ตั้งใจส่งกระแสจิตถวายพระพร "ในหลวง" อย่างสุดพลัง!!💥💥
🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺🌺
🏵️"หลวงปู่หล้า จันโทภาโส" เกจิชื่อดังแห่งวัดป่าตึง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ผู้คนทั่วไปมักจะเรียกท่านว่า "หลวงปู่หล้าตาทิพย์" เนื่องจากปฏิปทาของท่านที่อัศจรรย์เสมือนมี "อภิญญา" คือ "ตาทิพย์-หูทิพย์" ซึ่งทำให้รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้
💐 ที่มาของชื่อ "หลวงปู่หล้าตาทิพย์" นั้น เล่ากันว่า ครั้งหนึ่งฝนตั้งเค้าว่าจะตกหนัก หลวงปู่หล้าจึงบอกให้พระเณรรีบออกจากกุฏิ เพราะกุฏิเก่าทรุดโทรมและมีต้นลานใหญ่อยู่ข้างๆ ปรากฏว่า วันนั้นฝนตกหนัก กิ่งต้นลานก็หักโค่นลงมาทับกุฏิจนพังเสียหาย แต่ทุกคนปลอดภัย เหตุการณ์นี้จึงทำให้ผู้คนพากันสรรเสริญท่านว่า "ตาทิพย์"
💐อีกเหตุการณ์หนึ่งคือ ครั้งหนึ่งมีคณะผู้มากราบนมัสการหลวงปู่หล้าเกินจำนวนที่แจ้งความประสงค์จะขอของขลังจากท่าน แต่ท้ายที่สุดก็ได้รับแจกกันครบทุกคนอย่างน่าอัศจรรย์ ... จึงเชื่อกันว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของท่าน
💐ไม่เพียงเท่านั้น อดีตครูใหญ่ของโรงเรียนบ้านป่าตึงท่านหนึ่งเล่าเพิ่มเติมว่า เช้าวันหนึ่งประมาณตี ๕ หลวงปู่หล้าได้ให้พระเณรรีบทำความสะอาดวิหาร (ราวกับว่าจะมีแขกมาหาที่วัด) ปรากฏว่า พอถึง ๖ โมงเช้า พระศรีธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดสันป่าข่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ก็นำคณะญาติโยมมาหาท่านที่วัดจริงๆ
💐หรือเวลาที่มีชาวบ้านทำของหายหรือถูกลักขโมย เมื่อมาถามหลวงปู่หล้า ท่านก็จะบอกให้ไปตามทิศนั้นทิศนี้ จนกระทั่งได้ของคืนมาทุกครั้ง แต่หากท่านห้ามว่า ไม่ต้องไปตามเพราะจะไม่ได้คืน...ก็จะเป็นจริงตามนั้น
💐ปาฏิหาริย์ครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งก็คือ เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ หัวเมืองเหนือ พระองค์ท่านได้เสด็จนมัสการหลวงปู่หล้าที่วัดจนเป็นที่เอิกเกริก ประชาชนจำนวนมากแห่แหนไปต้อนรับพระองค์อย่างมืดฟ้ามัวดิน เมื่อพระองค์ท่านจะเสด็จกลับ หลวงปู่หล้าก็ได้ถวายพระพรแด่พระองค์ ซึ่งคราวนี้ดูหลวงปู่จะตั้งใจเป็นพิเศษ
💥ปรากฏว่า หลังจากล้างรูปขณะที่หลวงปู่หล้าถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่นั้น...มีแสงสีส้มแดงที่หน้าผากของหลวงปู่!! อันแสดงถึงกระแสจิตของหลวงปู่ที่ตั้งใจและอัดอย่างเต็มที่แก่พระราชาผู้เป็นธรรมราชาแห่งแผ่นดินสยาม ...
==========================
ชื่อเสียงของหลวงปู่หล้า เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปก็เนื่องด้วยท่านเป็นพระที่ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในหลักศีลธรรมอันงดงาม หลวงปู่หล้าท่านได้รับสมญานามจากศรัทธาญาติโยมว่ามีญาณวิเศษที่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ข้างหน้าได้ จนชาวบ้านทั่วไปเรียกท่านว่า "หลวงปู่หล้าตาทิพย์"
หลวงปู่หล้า (พระครูจันทสมานคุณ) ท่านเกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ซึ่งอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่สมัยของเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 (พ.ศ.2426-2439) กับเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 8 (พ.ศ.2442-2452) หลวงปู่หล้าเกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 7 ค่ำเดือน 11 ตรงกับวันที่ 22 กันยายน 2441 ที่บ้านปง ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โยมพ่อชื่อ นายเงิน โยมแม่ชื่อ นางแก้ว นามสกุล บุญมาคำ เหตุที่มีนามสกุลนี้ หลวงปู่หล้าเล่าว่า "เพราะพ่ออุ้ย(ปู่) ชื่อบุญมา แม่อุ้ย(ย่า) ชื่อคำ เมื่อมีการตั้งนามสกุล กำนันจึงตั้งให้เป็น บุญมาคำ " หลวงปู่หล้าเป็นบุตรคนสุดท้องของครอบครัวจากจำนวนพี่น้อง 4 คน เมื่ออายุได้ 1 ขวบ ต้องกำพร้าพ่อ โยมแม่จึงได้เลี้ยงดูลูกทั้งหมดเพียงลำพัง หลวงปู่หล้าเล่าให้ฟังว่า "การเลี้ยงลูกสมัยก่อน ต้องช่วยกันทำงาน ช่วยเลี้ยงวัว หากใครทำผิดก็จะถูกเฆี่ยน ทำพลาดก็ถูกเอ็ด"
เมื่อหลวงปู่หล้าอายุได้ 8 ขวบ โยมแม่ก็นำไปฝากกับครูบาปินตา เจ้าอาวาสวัดป่าตึงให้เป็นเด็กวัด หลวงปู่หล้าจึงได้มีโอกาสเรียนหนังสือเป็นครั้งแรกกับครูบาอินตา ซึ่งสมัยนั้นจะเรียนหนังสือพื้นเมือง จนอายุได้ 11 ขวบก็ได้บวชเป็นสามเณรในช่วงเข้ารุกขมูล เข้ากรรมอยู่ในป่า การเข้ากรรม หรือ อยู่กรรม เรียกว่า ประเพณีเข้าโสสานกรรมซึ่งเป็นประเพณีที่สำคัญอย่างหนึ่งของพระพุทธศาสนาที่ถือพระสงฆ์จะต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งมักจะกระทำกันในบริเวณป่าช้าที่อยู่นอกวัด พระสงฆ์และผู้ที่เข้าบำเพ็ญโสสานกรรมจะต้องถือปฏิบัติเคร่งครัดเพื่อต้องการบรรเทากิเลสตัณหา
ขณะที่บวชเป็นสามเณรอยู่นั้น หลวงปู่หล้าไม่ได้เรียนแต่เพียงหนังสือพื้นเมืองเท่านั้น แต่ยังได้เรียนหนังสือไทยไปด้วย โดยเรียนกับพระอุ่นซึ่งเคยไปจำพรรษาที่วัดอู่ทรายคำในเมืองเชียงใหม่ และเรียนหนังสือไทยที่โรงเรียนประจำมณฑลพายัพ ปัจจุบันคือโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย แต่ครูบาปินตาไม่สนับสนุนให้พระเณรเรียนหนังสือไทย ในที่สุดพระอุ่นจึงต้องเลิกสอน หลวงปู่หล้าศึกษาเล่าเรียนทั้งอักขรวิธีและธรรมปฏิบัติกับครูบาปินตาเรื่อยมาจนกระทั่งอายุได้ 18 ปี จึงเดินทางเข้าไปจำพรรษาอยู่ในเมืองเชียงใหม่ เพื่อเรียนนักธรรมที่วัดเชตุพน หลวงปู่หล้าเรียนนักธรรมที่วัดเชตุพนเพียง 1 ปียังไม่ทันสำเร็จก็ต้องเดินทางกลับวัดป่าตึง เพื่อปรนนิบัติครูบาปินตาที่ชราภาพ หลวงปู่หล้าอยู่ปรนนิบัติครูบาปินตาจนกระทั่งล่วงเข้าปี พ.ศ.2467 ครูบาปินตาก็มรณภาพด้วยวัย 74 ปีซึ่งขณะนั้นหลวงปู่หล้าอายุ 27 ปีเท่านั้น หลวงปู่หล้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าตึงต่อจากครูบาปินตา เมื่อปี พ.ศ.2467 และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลออนใต้เมื่อปี พ.ศ.2476 ปี พ.ศ.2477 เมื่อครูบาศรีวิชัย ได้สร้างถนนขึ้นสู่ดอยสุเทพ โดยเริ่มสร้างตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2478 รวมเป็นเวลา 5 เดือนกับ 22 วัน ในครั้งนั้นหลวงปู่หล้าได้เดินทางไปร่วมสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพด้วย หลวงปู่หล้าเล่าถึงความยากลำบากในการสร้างถนนไว้ในหนังสือ ประวัติวัดป่าตึงว่า "การสร้างถนนมีการแบ่งงานกันตามกำลังของคน ผู้คนที่ไปร่วมเป็นชาวบ้านจากวัดป่าตึงทำได้ 5 วาใช้เวลา 14 วันส่วนพวกที่มาจากเมืองพานทำได้ 60 วา"
จนเมื่อปี 2504 หลวงปู่หล้าได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็น พระครูจันทสมานคุณ ซึ่งขณะนั้นท่านอายุ 63 ปีมีคนพากันยกย่องหลวงปู่หล้าว่าท่านสามารถรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ มีเรื่องเล่าว่าวันหนึ่งฝนตั้งเค้าจะตกหนัก หลวงปู่บอกให้พระเณรรีบออกจากกุฏิ เพราะกุฏิเก่าและทรุดโทรมมากและมีต้นลานขนาดใหญ่อยู่ข้างกุฏิ ปรากฏว่าวันนั้นฝนตกหนักกิ่งต้นลานก็หักโค่นลงมาทับกุฏิพัง พระเณรที่อยู่ในวัดทุกคนปลอดภัยและพากันสรรเสริญว่าท่านมีตาทิพย์ นอกจากนั้นยังมีเรื่องเล่าอีกว่า เช้าวันหนึ่งเวลาประมาณตี 5 หลวงปู่หล้าให้พระเณรรีบทำความสะอาดวิหารเพราะจะมีแขกมาหาที่วัด ครั้นพอถึงเวลา 6 โมงเช้า พระศรีธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดสันป่าข่อยนำญาติโยมมาหา ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงพากันเรียกท่านว่า "หลวงปู่หล้าตาทิพย์"
หลวงปู่หล้าเจริญอายุมาถึง 97 ปีก็ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2536 ยังความเศร้าสลดใจมาสู่พระสงฆ์ สามเณร ศรัทธาญาติโยมทั่วไป และต่างก็มาเคารพศพตั้งแต่วันที่ท่านมรณภาพ จวบจนปัจจุบันนี้ศพของหลวงปู่หล้าถูกบรรจุไว้ในโลงแก้วที่ประดับประดาด้วยดอกไม้ ตั้งอยู่บนกุฏิไม้สักที่งดงามในวัดป่าตึง หลวงปู่หล้าเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านถือปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้โปรดฯ เกล้าพระราชทานน้ำสรง ซึ่งยังความปราบปลื้มปิติยินดีมาสู่ศิษยานุศิษย์
แม้ว่าหลวงปู่หล้า จะมรณภาพจากไปแล้ว ก็เป็นเพียงการจากไปแต่สรีระร่างกายเท่านั้น ส่วนคุณงามความดีที่ท่านได้สร้างเอาไว้หาได้ดับไป ด้วยคุณงามความดีที่หลวงปู่หล้าได้บำเพ็ญมาก็ดี คุณงามความดีที่ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายได้บำเพ็ญมาก็ดีและคณะศรัทธาญาติโยมบำเพ็ญมาก็ดี ขอจงเป็นพลวะปัจจัยให้ดวงวิญญาณของหลวงปู่ได้ประสบสุขในสัมปรายภพนั้นด้วย.
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |