จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 1 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | พระปิดตา พระสังกัจจายน์ พระสีวลี พระอุปคุต |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
(( พระปิดตายันต์ยุ่ง รุ่นแรก ))
หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ประจวบคีรีขันธ์
♦สวยเดิม (โค๊ต ว น จ) ชัดเจน
♦กล่องเดิม
⭐⭐⭐ พระปิดตา ยันต์ยุ่ง >>> มีพุทธคุณโดดเด่นทุกด้าน ครอบจักรวาล ทั้งเมตตามหานิยม
ค้าขาย โชคลาภ โภคทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา มหาอุด คงกระพัน ฯลฯ เหมาะแก่การหามาไว้บูชา
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
(( พระปิดตายันต์ยุ่ง รุ่นแรก )) หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ประจวบคีรีขันธ์
♦สวยเดิม (โค๊ต ว น จ) ชัดเจน ♦กล่องเดิม
⭐⭐⭐ พระปิดตา ยันต์ยุ่ง >>> มีพุทธคุณโดดเด่นทุกด้าน ครอบจักรวาล ทั้งเมตตามหานิยม ค้าขาย โชคลาภ โภคทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา มหาอุด คงกระพัน ฯลฯ เหมาะแก่การหามาไว้บูชา
🙏ประวัติ หลวงพ่อ ยิด วัดหนองจอก🙏
หลวงพ่อยิดท่านเกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2476 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 7 ปีชวด มีนามเดิมว่ายิด ศรีดอกบวบ บิดาชื่อ แก้ว มารดาชื่อพร้อย มีพี่น้องร่วมสายโลหิต 7 คน ท่านเป็นคนที่ 4 อุปสมบทเมื่ออายุ 6 ขวบ บิดามารดาได้นำไปฝากเป็นศิษย์ พระอาจารย์หวล วัดนาพรม (ท่านเป็นน้าของ ด.ช.ยิด) และเห็นว่าเป็นเด็กที่ชอบอยู่วัด และจะเดินตามหลวงน้าไปวัดทุก ๆ วัน ในตอนเช้าหลังจากใส่บาตรแล้ว ครั้นอายุได้ 9 ขวบได้บวชเป็นสามเณร ณ.วัดนาพรหม โดยมีพระอธิการหวล (หลวงน้า) เป็นอุปฌาย์ ได้ศึกษาอักขระเลขยันต์และฝึกปฏิบัติสมาธิกับพระอธิการหวล และครูหลี แม้นเมฆ
มีความสนใจในด้านวิชาอาคม สักยันต์และร่ำเรียนศึกษาพระธรรมวินัย ควบคู่กันไป และได้ขออนุญาติออกธุดงค์วัตรกับพระอุปฌาย์ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร โดยออกธุดงค์เป็นเวลา 4ปี และได้ลาสิกขามาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนาตอนอายุ 14 ปี และในช่วงนี้นี่เองที่หลวงพ่อเริ่มมีชื่อเสียงจากการสักยันต์ เนื่องจากเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน ได้ลองให้หลวงพ่อสักให้แล้วเกิดมีประสบการณ์ จึงเล่ากันปากต่อปากและมีผู้มาสักยันต์มากขึ้น (ขณะนั้นอายุประมาณ 17-19 เท่านั้น)เมื่ออายุได้ 20 ปีก็ได้อุปสมบทตามประเพณี โดยมีหลวงพ่ออินทร์ วัดยางเป็นพระอุปฌาย์ พระอธิการหวล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับ ฉายาว่า จันทสุวัณโณ
และได้ศึกษาด้านวิชาอาคม เพิ่มเติมโดยฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อศุข วัดโตนดหลวง และได้ออกธุดงค์ศึกษากรรมฐานหายเข้าป่าหลายปีจนได้กลับมาวัดนาพรหม ในปี พ.ศ. 2487 ก็ได้ทราบข่าวการป่วยของบิดา จึงคอยดูแลจนกระทั่งบิดาเสียจึงลาสิกขาออกมาดูแลมารดาซึ่งแก่ชรามาก และได้แต่งงานมีครอบครัว ส่วนลูกศิษย์เก่า ๆ ที่ได้จากการสักจากหลวงพ่อ พอรู้ข่าวก็ได้มาสักกันเพิ่มขึ้นจนมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่มีบางคนที่ได้รับการสักยันต์จากหลวงพ่อแล้วกลับประพฤติตนเป็นอันธพาล จนทางตำรวจท้องที่ต้องขอร้องอาจารย์ยิด(ขณะนั้น) ให้เพลา ๆ การสักยันต์ลง ต่อมาจึงมีการเลือกเฟ้นจนแน่ใจแล้ว จึงจะทำการสักให้ จนกระทั่งปี 2518 จึงได้อุปสมบทอีกครั้งที่วัดเกาะหลัก โดยมีหลวงพ่อเปี่ยมเป็นพระอุปฌาย์ ได้รับฉายา จันทสุวัณโณ เช่นเดิม ซึ่งขณะนั้นท่านอายุ 51 ปี เมื่ออุปสมบทแล้วก็เดินทางไปจำพรรษาเป็นพระลูกวัดที่ วัดทุ่งน้อย อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ ได้พบกับอุบาสิกาใจบุญ 2 ท่าน ยกพื้นที่ดินว่างเปล่าพื้นที่ 21 ไร่ 2 งาน ให้โดยปรารถนาให้ท่านสร้างวัดขึ้น ที่ดินผืนนี้เต็มไปด้วย ป่าไผ่ และดงต้นหนาม ซึ่งหลวงพ่อได้ปลูกกระต๊อบหลังเล็ก ๆ ไว้ และก็เริ่มถางป่าไผ่ พัฒนาไปเรื่อย ๆ จนพื้นที่รกทึบเริ่มโล่งมากขึ้น จนกระทั่งบรรดาลูกศิษย์ที่ได้รับการสักยันต์ และพวกที่เคยได้รับการรักษายาสมุนไพร ได้รู้ข่าวการสร้างวัดใหม่ของหลวงพ่อก็ได้มาร่วมกันสร้างวัดด้านผู้ชายก็ช่วยถากถาง ผู้หญิงก็ช่วยหุงหาอาหาร แจกจ่ายและได้รวมกันสร้างกุฏิขึ้นเป็นสำนักสงฆ์ ในขั้นแรก และต่อมาได้พัฒนาเป็นวัดต่อมาจึงมีการเลือกเฟ้นจนแน่ใจแล้ว
หลวงพ่อยิดได้มรณะภาพเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2538 สิริอายุ 71 ปี 30 พรรษา
หลวงพ่อยิดได้เริ่มสร้างวัตถุมงคลแบบทดลองสร้างดูพุทธคุณตั้งแต่สมัยเป็นอาจารย์ยิด โดยสร้างเป็นตะกรุดเพียงไม่กี่ดอก ได้มาเริ่มสร้างวัตถุมงคลแบบจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนสร้างวัดหนองจอกนี่เอง โดยสร้างเป็นเหรียญรูปหล่อ และปลัดขิก และสร้างเรื่อยมา เพราะลูกศิษย์ลูกหาต่างแสวงหา เพราะต่างก็เชื่อมั่นในพุทธคุณของวัตถุมงคลที่หลวงพ่อจัดสร้างขึ้น
👉 ปัจจุบัน วัตถุมงคลของหลวงพ่อยิดได้รับความนิยมมาก แต่ราคายังถูกอยู่คือ จะอยู่ประมาณ หลักร้อยถึงหลักพันต้น ถ้าสนใจอยากบูชาไว้คุ้มครองตัว ให้จดจำลักษณะให้ดีแล้วจะได้ของดีไว้บูชาครับ เมื่อพูดถึง “ปลัดขิก” นับเป็นเครื่องรางของขลังที่พระเกจิอาจารย์ดังในอดีตหลายองค์นิยมสร้างกันอาทิ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา,หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ชลบุรี,หลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก เพชรบุรี, ฯลฯ ปลัดขิกของแต่ละท่าน ล้วนโด่งดัง-เข้มขลังด้วยประสบการณ์ เล่าขานสืบมาจนทุกวันนี้ หนึ่งในเกจิอาจารย์ที่สร้างตำนาน “ปลัดขิก” จนดังสะท้านประเทศก็คือ “หลวงพ่อยิด จนฺทสุวณฺโณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ วิทยาคมของท่านนั้นแก่กล้าขนาดที่ว่า สามารถเสกปลัดขิกบินรอบวัด ก่อนจะแจกจ่ายให้ญาติโยม นี่คือเรื่องจริงที่หลายๆ คนได้ประจักษ์กับสายตามาแล้ว
👉 ท่านมักจะสอนศิษย์เสมอว่า การที่จะปลุกเสกวัตถุมงคลให้ขลังนั้นจะต้องมีสมาธิ และสัจจะ โดยเฉพาะสัจจะสำคัญมาก เพราะฉะนั้น วัตถุทุกชนิดเมื่อผ่านการปลุกเสกจากท่าน จึงเชื่อถือกันว่ามีความขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก ที่โด่งดังและรู้จักกันดีทั่วประเทศก็คือ “ปลัดขิก” ซึ่งท่านปลุกเสกจนกระดุกกระดิกเคลื่อนไหวได้ เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้พบเห็น แม้แต่ผู้ที่มีความรู้เป็นถึงนักเรียนนอกอย่าง ม.ล.ปาณสาร หัสดินทร อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ยังนับถือ เพราะได้ประสบมากับตาตนเอง คุณวิเศษในปลัดขิกที่ผ่านการปลุกเสกจากท่าน ใช้ดีในทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ค้าขาย เรื่องแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น ตะขาบ แตน ต่อ แมงป่อง เอาไปวนบริเวณที่กัดจะหายเป็นปลิดทิ้งทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อความศรัทธาเป็นที่ตั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่ฝังอยู่ในใจศิษย์ตลอดมาก็คือภาพอดีตที่ฉายให้เห็นถึงคุณงามความดีที่ท่านสร้างไว้ให้วัดหนองจอก,พระพุทธศาสนา และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ซึ่งไม่มีวันลบเลือนไปง่ายๆ เด็ดขาด
====================================
พระปิดตา มีพุทธคุณ ครบถ้วน ทั้งพุทธคุณทางเมตตา ค้าขาย โชคลาภ ทั้งแคล้วคลาด ปลอดภัย และยังเชื่อกันว่ามีพุทธคุณในการปิดกั้นสิ่งไม่ดี รวมถึงภัยอันตรายต่างๆ อีกด้วย
คาถาบูชาพระปิดตา นะโม ๓ จบ คะวัมปะติ จะ มหาเถโร ลาภะ ลาโภ นิรันตะรัง คะวัมปะติ จะ มหาเถรัง ลาภะ สุขัง ภะวันตุเม สวด 3-7-9 จบ
====================================
พระปิดตา หรือพระควัม หรือพระควัมปติ เป็นพระเครื่องที่ได้รับความนิยม หวงแหน และใฝ่หามาบูชากันมาก ด้วยเชื่อว่าพระปิดตา มีพุทธคุณ ครบถ้วน ทั้งแคล้วคลาด ปลอดภัย และพุทธคุณทางเมตตา ค้าขาย โชคลาภ อย่างหลังคือ พุทธคุณทางเมตตานั้นมีความศรัทธามาก ตามตำนานว่า พระควัมปติหมายถึง พระสังกัจจายนะ หมายถึง พระมหากัจจายนะ พระสาวกของพระพุทธเจ้า
ประวัติความเป็นมาของพระปิดตานั้น มีอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน เนื่องจากพระปิดตานั้นมีอีกชื่อว่า พระควัมปติ (บ้างก็เรียกว่า ภควัมบดี หรือ ภควัมปติ) ซึ่งมีพระสาวกอยู่ 2 องค์ที่ถูกเรียกขานด้วยนามนี้ในสมัยพุทธกาล ซึ่งมีลาภเสมอเหมือน พระสีวลี เเละมีปัญญาเเละมีฤทธิ์มาก
====================================
ตำนานและประวัติของ พระปิดตา เรื่องที่ 1 พระควัมปติ คือ พระมหากัจจายนะ ผู้มีรูปงดงามคล้ายพระพุทธเจ้า พระควัมบดี หรือ พระควัมปติ คือนามหนึ่งของพระมหากัจจายนะ หนึ่งในพระอรหันต์สมัยพุทธกาล ท่านเป็นบุตรของพราหมณ์ตระกูลกัจจายนะ ผู้เป็นปุโรหิต (ที่ปรึกษา) ของพระเจ้าจัณฑปัชโชต ในกรุงอุชเชนี นอกจากท่านจะมีความเฉลียวฉลาด สามารถศึกษาอะไรได้รวดเร็วแล้ว ท่านยังมีรูปกายที่งดงาม มีผิวพรรณดั่งทองคำอีกด้วย
ต่อมาท่านได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าจนเกิดความเลื่อมใสและสำเร็จเป็นพระอรหันต์ จึงได้อุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุสัมปทา (พระพุทธเจ้าทำการบวชให้) และพระพุทธเจ้าทรงยกย่องให้เป็นเอตทัคคะในทางอธิบายความย่อให้พิสดาร คือมีความสามารถเป็นเลิศในการย่อพระธรรมให้สั้นและเข้าใจง่าย
ด้วยความที่ท่านมีรูปงามมาก ทำให้หลายคนมักเข้าใจผิดว่าท่านคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเชื่อกันว่า "พระภควัมปติ" ที่ผู้คนเรียกขานท่านนั้น มีความหมายว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า" นั่นเอง นอกจากคนจะเข้าใจผิดแล้ว บางคนยังหลงใหลในรูปของท่านจนก่อกรรมโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเห็นโทษเช่นนี้แล้ว พระมหากัจจายนะจึงทรุดองค์ลงนั่งคู้บัลลังก์ ยกหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์ แล้วอธิษฐานจิตเนรมิตให้ร่างกลายเป็นอ้วน เตี้ย พุงพลุ้ยนับแต่นั้นเป็นต้น
====================================
ตำนานและประวัติของ พระปิดตา เรื่องที่ 2 พระควัมปติ คือ พระควัมปติเถระ ผู้เป็นสหายของพระยสเถระ อีกความเชื่อหนึ่งก็คือ พระปิดตา ก็คือ พระควัมปติเถระ ผู้เป็นหนึ่งในพระอสีติมหาสาวก 80 องค์ (พระสาวกผู้ยิ่งใหญ่ สำคัญ และเป็นภิกษุผู้บรรลุธรรมขั้นสูงสุด คือพระอรหัตผล) เดิมท่านเป็นบุตรในตระกูลเศรษฐี และเป็นสหายกับยสมานพ (อ่านว่า ยะสะมานพ) ต่อมาเมื่อไดบรรพชาเป็นพระภิกษุสงฆ์และได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนบรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมกับสหายท่านอื่นๆ
นอกจากนี้พระควัมปติเถระท่านยังมีฤทธิ์มาก โดยความในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า ขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จไปยังเมืองสาเกต แล้วประทับอยู่ในพระวิหารอัญชนวัน ปรากฏว่าเสนาสนะมีไม่เพียงพอ ภิกษุจำนวนมากจึงต้องพักอยู่ที่เนินทรายริมแม่น้ำสรภู ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระวิหาร แต่ทว่าในคืนนั้นเอง ก็เกิดเหตุน้ำหลากในยามวิกาล ทำให้สามเณรส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ พระพุทธเจ้าทรงทราบเหตุแล้วจึงตรัสให้พระควัมปติเถระหยุดกระแสน้ำนั้นไว้ ซึ่งพระควัมปติเถระก็สามารถใช้กำลังของฤทธิ์หยุดกระแสน้ำนั้นไว้ได้เป็นที่อัศจรรย์
ถึงแม้ว่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดเต็มร้อยว่าแท้จริงแล้ว พระปิดตา หรือ พระควัมปติ นั้นมีที่มาจากพระสาวกองค์ใดกันแน่ แต่ที่แน่นอนก็คือล้วนแต่เป็นมงคลทั้งสิ้น เพราะลักษณะของ พระปิดตา นั้นแสดงธรรมให้เห็นได้ดังนี้
ลักษณะของพระปิดตา และพุทธคุณของพระปิดตา ร่างกายของมนุษย์ มี "ทวาร" หมายถึง "ประตู" แห่งการเข้าออก 9 ทาง ได้แก่ ตา 2 จมูก 2 หู 2 ปาก 1 รวมถึงช่องทางขับถ่ายด้านหน้าและด้านหลังอีก 2 รวมเป็น ทวารทั้ง 9
ลักษณะของพระปิดตา จึงสื่อถึงปริศนาธรรมในการปิดทวารทั้ง 9 คือปิดทางเข้าของกิเลสทั้งหลาย นั่นเอง โบราณจึงถือว่าพระเครื่องในรูปแบบของพระปิดตานั้น จะเป็นเครื่องระลึกให้เราสำรวมระวังกายและใจไม่ให้เปิดรับกิเลสเข้ามาโดยง่าย และยังเชื่อกันว่ามีพุทธคุณในการปิดกั้นสิ่งไม่ดี รวมถึงภัยอันตรายต่างๆ อีกด้วย ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |