ไฮไลท์
กิมเซียมซู มหาโชค โภคทรัพย์ (เนื้ออมตฤทธิ์ธาตุ)ครูบาทันใจ วัดป่างิ้ว จ.เชียงใหม่ ปี 2560
เนื้ออมตฤทธิ์ธาตุ สร้าง 199 องค์
สุดยอดเครื่องรางแห่งประวัติศาสตร์การจัดสร้าง ที่ไม่มีที่ไหนทำมาก่อน
ฉีกกฎ แหวกแนว เครื่องรางมหาโชคลาภ
กิม เซียม ซู กบ 3 ขา มหาโชค โภคทรัพย์ ขนาดห้อยคอ
สุดยอดเครื่องรางของจีน ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักและมีติดบ้านติดร้านค้า กบ 3 ขา เชื่อว่าเป็นเครื่องรางในการดึงดูดโชค หนุนด้านความมั่งคั่ง และเสริมโชคด้านความเจริญก้าวหน้าทางอาชีพการงาน นำไปสู่ทรัพย์สินสมบัติมากมายมหาศาล เหลือกิน เหลือใช้
หากท่านอยากได้เครื่องรางสักชิ้น ไว้เสริมดวง เสริมโชคลาภวาสนา เงินทองไหลมาเทมา ในยามเศรษฐกิจแบบนี้
มี "กิม เซียม ซู" ไว้พกพาติดตัว ไม่มีผิดหวัง รวย รวย รวย
สุดยอดเครื่องรางด้านเรียกโชคลาภ เรียกเงินเรียกทอง หรือที่บ้านเรารู้จักกันอย่างดี ในชื่อ คางคก 3 ขา กบ 3 ขา คาบเหรียญ บ้านเรือน ร้านค้า ห้างร้านบริษัท ส่วนมาก จะต้องมีกิมเซียมซู ตั้งไว้รับทรัพย์
สำหรับ กิมเซียมซู มหาโชค โภคทรัพย์ ของท่านครูบาทันใจ แห่งวัดป่างิ้วนั้น
นับเป็นกิมเซียมซูรุ่นแรก และครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเครื่องรางกิมเซียมซู ที่ออกแบบให้สามารถพกพาเครื่องรางนี้ ติดตัวไปไหนมาไหนได้ตลอดเวลา ขนาดกระทัดรัด
ปลุกเสกโดย 2 กฤติยาคมอย่าง หลวงปู่วิมะละสายพระเวทย์เมตตา และครูบาทันใจ วัดป่างิ้ว ผู้มีจิตแก่กล้ากสินไฟ จะเด็ดขนาดไหนนั้น ต้องลอง
==========================
คางคก 3 ขา (หรือที่บางทีเรียกว่า "กบ 3 ขา") คือ ภาควิเศษของคางคก ซึ่งมีเพียง 3 ขา
ในทางฮวงจุ้ย คางคก 3 ขา เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง ความมั่งคั่ง และเงินทอง
เชื่อกันว่าคางคกสามขา อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ และจะมีพลังที่โดดเด่นขึ้นในช่วงที่มีปรากฏการณ์
จันทคราส และสุริยคราส
ตามตำนานจีนเล่าว่าคางคก 3 ขา เดิมเป็นภรรยาของบุคคลสำคัญในตำนานซึ่งได้ยาอายุวัฒนะ
เนื่องจากนางเป็นคนละโมบโลภมาก จึงได้ขโมยยาอายุวัฒนะนั้นมา และถูกเทพเจ้าลงโทษ
ให้กลายร่างเป็นคางคก 3 ขา และถูกส่งไปอยู่บนดวงจันทร์ ตั้งแต่นั้นมาเมื่อใดก็ตามที่มีคนเห็นคางคก 3 ขา
ก็จะพบกองเหรียญเงินจำนวนมากล้อมรอบตัวคางคกสามขา เพราะนิสัยที่ละโมบโดยธรรมชาติ
และนางคางคกจึงกระหายเงิน
ด้วยเหตุนี้คางคก 3 ขา จึงกลายมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยป้องกันเคราะห์ร้ายและนำความมั่งคั่งมาสู่ครัวเรือน
คางคก 3 ขา แบบดั้งเดิม มักจะอยู่ในลักษณะคาบเหรียญจีนไว้ในปากและนั่งอยู่บนกองตำลึงทองและเหรียญทอง
เป็นสัญลักษณ์มงคลที่นำโชคลาภด้านความมั่งคั่งมาสู่บ้าน และสามารถนำมาวางไว้ในหลายตำแหน่งด้วยกัน
เพื่อเสริมสร้างโชคด้านดังกล่าว
1. ดึงดูดโชคด้านความมั่งคั่ง แหล่งรายได้ และโชคด้านความเจริญก้าวหน้าทางอาชีพการงานซึ่งนำไปสู่รายได้มหาศาล
คุณสามารถวางคางคกไว้ตามมุมในแนวทแยงกับประตูหน้าบ้าน และยังสามารถวางคางคกไว้ในมุมอื่นๆ ภายในบ้าน
หรือห้องได้อีกในจำนวน 3 ตัว 6 ตัว แต่ต้องไม่เกิน 9 ตัว และที่สำคัญคือต้องให้มีคางคกหนึ่งตัวที่ตั้งหันหน้าออกไปข้างนอก
เพื่อให้ออกไปรวบรวมเงินทอง และให้มีอีกตัวหันหน้าเข้ามาข้างในเพื่อสื่อว่าคางคกนำเงินทองเข้ามาให้คุณ
โดยต้องวางไว้ในแนวทแยงกับประตู คุณจะต้องไม่วางคางคกหันหน้าออกไปนอกประตูเป็นแนวตรงเด็ดขาด
เพราะเชื่อว่าคางคกจะออกไปแล้วไม่กลับเข้ามาอีก และจำไว้ว่าในทางฮวงจุ้ยคางคกเป็นสัญลักษณ์มงคลไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ให้ปฏิบัติต่อคางคกเสมือนเป็นกบ หรือคางคกตัวหนึ่ง โดยนำไปวางไว้ตามพื้น ใต้โต๊ะเก้าอี้ และโซฟา หรือในบริเวณที่เงียบ
และลับตา เชื่อว่าหากวางคางคกไว้สูงเกินไป คางคกจะกลัวและไม่กล้ากระโดดลงมาเพื่อออกไปหาเงินมาให้ และจะต้องไม่วางคางคกไว้ในห้องนอน ห้องครัว และห้องน้ำ เด็ดขาด
2. เจ้าของกิจการผู้ต้องการความสำเร็จ ให้วางคางคกไว้บริเวณเครื่องคิดเงิน เคาน์เตอร์ โต๊ะพนักงานต้อนรับ ตู้เซฟ และบริเวณต่าง ๆ ในสถานที่ประกอบธุรกิจ ร้านค้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเงินและลูกค้า
3. การดึงดูดรายได้ให้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ คุณอาจวางคางคก 3 ขา สองตัวขนาบทางเข้าด้านในร้านค้า บริษัท
โดยหันหัวคางคกเข้าข้างใน
4. นำคางคก 3 ขา ไปเสริมทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ซึ่งเป็นทิศแห่งความมั่งคั่งในทางฮวงจุ้ย)
==========================
#หลวงปู่วิมะละ_วิมาโร หรือที่เรียกติดปากว่า ครูบาวิ เกจิสายไทยใหญ่จอมขมังเวทย์ที่สืบทอดวิชาสายไทยใหญ่ดั่งเดิมขนานแท้ ที่ยังคงดำรงธาตุขันธ์อยู่ ปัจจุบันอายุ 100 ปี หลวงปู่วิมะละเกิดในวันพุธ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 พ.ศ.2463 ช่วงเวลาย่ำรุ่ง 4 นาฬิกา ตรงกับวันมาฆบูชา ณ เมืองเลิน รัฐฉาน ประเทศพม่า บิดาชื่อนายยอดเงิน มารดาชื่อนางดี มีพี่น้องทั้งหมด 11 คน ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว คงเหลือหลวงปู่อยู่องค์เดียว
.......หลวงปู่วิมะละเกิดในตระกูลที่ค่อนข้างมีฐานะ บิดาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ในวัยเด็กนั้นเป็นเด็กขยัน สุภาพเรียบร้อย ชอบช่วยเหลือบิดามารดาทำงานอยู่เป็นนิจ เด็กชายวิมีนิสัยรักสงบ มีความเมตตาสูง ถือเป็นจุดเด่นเฉพาะตัว ประกอบกับความที่เป็นคนช่างเรียนรู้ จึงได้เสาะแสวงหาอาจารย์เพื่อร่ำเรียนวิชาติดตัว ในที่สุด ท่านก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากท่านอาจารย์ฆราวาสคิงเหงดำ กำนันแห่งตำบลปางซางจอมขมังเวทย์ ที่บรรดาชาวบ้านในละแวกนั้นตั้งฉายาว่า คิงเหงดำ (ภาษาไทยแปลว่า อาจารย์ตัวดำ) ที่ได้ฉายานี้ เป็นเพราะอาจารย์ของท่าน สักยันต์เต็มตัว จนแทบมองไม่เห็นสีผิว สันทัดในวิชาแคล้วคลาดคงกระพันเป็นที่สุดในยุคนั้น นายวิได้ตั้งใจเล่าเรียนวิชาจากท่านอาจารย์คิงเหงดำจนสำเร็จแตกฉาน และนายวิเองยังได้รับการสักอักขระเลขยันต์สรรพวิชาต่างๆจากท่านอาจารย์อีกด้วย
หลังจากนายวิได้ร่ำเรียนวิชาจากอาจารย์คิงเหงดำจนเจนจบแล้ว จึงได้เสาะแสวงหาอาจารย์ท่านอื่น ซึ่งก็ได้ร่ำเรียนวิชาจาก เจ้าส่าปูอู้ ซึ่งเป็นนายทหารคนสำคัญของเจ้าฟ้าลายข่าในสมัยนั้น รับตำแหน่งบัญชาการประตูเมืองหลวงฝั่งตะวันตก เก่งกาจในเรื่องวิชาหนังเหนียวคงกระพัน หลังจากรับถ่ายทอดวิชาจนเจนจบแล้ว จึงได้กลับมายังภูมิลำเนาใช้ชีวิตคู่กับภรรยาตามธรรมเนียมบ้านเมือง มีบุตรธิดาด้วยกัน 1 คน และนายวิได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน สืบต่อจากบิดา ด้วยความที่ท่านเป็นคนเมตตาอารี อ่อนน้อมถ่อมตน จึงได้รับการยอมรับนับถือจากลูกบ้าน ปกครองหมู่บ้านด้วยความสงบสุขสืบมา
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ ท่านได้รู้ได้เห็นถึงการสู้รบ การสูญเสีย เห็นสัจธรรมที่แท้จริงของโลก การเกิดแก่เจ็บตาย ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย จึงหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ ออกบวชเพื่ออาศัยพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง โดยมีพระอาจารย์ ติหวิ่งต๊ะ เจ้าอาวาสวัดจองดอยละ ต.ดอยละ จ.เมืองนาย รัฐฉานเป็นพระอุปฌาย์ ท่านได้ตั้งใจศึกษาตำราธรรมต่างๆ จากนั้นจึงได้จาริกแสวงธรรมตามที่ต่างๆ จนได้พบกับ เจ้าสย่าปัญญา แห่งวัดบ้านหัวนา ท่านได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆจากเจ้าสย่าจนหมดสิ้น จึงได้ลาพระอาจารย์ เพื่อออกเดินทางจาริกแสวงบุญต่อไป ค่ำไหนนอนนั่น มีมื้อฉันมื้อ พบเจอกับสิ่งลี้ลับมากมาย แต่ท่านก็ผ่านพ้นมาได้ ด้วยวิชาที่ท่านได้ร่ำเรียนมา
หลวงปู่วิมะละ ท่านชื่นชอบในวิชาสายกรรมฐานได้ศึกษาและแตกฉานในวิชาวิปัสสนากรรมฐานด้วย ทำให้หลวงปู่วิมะละ ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง สมถะเรียบง่าย ไม่ยึดถือ ยินดียินร้าย ตามที่ท่านชอบเอ่ยอยู่เป็นนิจว่า “อนัตตา” หลวงปู่วิมะละ ท่านเคยจำวัดอยู่หลายที่ เช่นวัดขัวดำ ในฝั่งพม่า วัดเขตรอยต่อประเทศไทย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน วัดเวฬุวันบ้านเมืองนะ อ.เชียงดาว
และปัจจุบัน หลวงปู่วิมะละ ท่านจำพรรษาอยู่ที่ สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ นับเป็นเจ้าสำนักสงฆ์องค์ปัจจุบันถัดจากหลวงปู่ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ หลวงปู่วิมะละ ท่านได้เล่าให้ฟังว่า กับหลวงปู่ครูบาออนั้น สมัยบวชเรียนอยู่ฝั่งพม่า ท่านไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากจำพรรษาในพื้นที่ละแวกเดียวกัน แต่คนละวัด ระยะทางไม่ไกลกันเท่าไร เมื่อพบกันคราใด ก็จะสนทนาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้ซึ่งกันและกันอยู่ตลอด บางครา สนทนากันจนเวลาค่ำมืด ท่านก็จะค้างจำวัดที่นั่นทุกครั้งไป แม้ธุดงค์มาจำพรรษาในประเทศไทย หลวงปู่ครูบาออและหลวงปู่วิมะละ ท่านก็ยังคงเป็นสหธรรมิก ที่ดีด้วยกันเสมอมาไม่เสื่อมคลาย
ซึ่งเมื่อครั้งก่อนที่หลวงปู่ครูบาออท่านจะย้ายไปจำพรรษาเพื่อพัฒนาวัดที่แม่อาย หลวงปู่ครูบาออ ท่านก็ได้ฝากฝังสำนักสงฆ์แห่งนี้ไว้กับหลวงปู่วิมะละให้ช่วยดูแลตามสัญญาที่ทั้งสองเคยให้ไว้ต่อกันว่า
“ในช่วงที่เราไม่อยู่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ฝากท่านช่วยดูแลแทนด้วย”
หลวงปู่วิมะละจึงได้อยู่ดูแลสำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะสืบมาจวบจนปัจจุบัน
==========================
ครูบาทันใจ วัดป่างิ้ว ผู้มีจิตแก่กล้า กสิณไฟ
"พระครูวิเชียรปัญญา" หรือที่ชาวบ้านเรียกขานนามว่า "ครูบาทันใจ" ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดป่างิ้ว ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้รับการยกย่องเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของล้านนา เป็นที่รู้จักในแวดวงพระเครื่อง ช่วงที่กระแสจตุคามรามเทพกำลังมาแรง ครูบาทันใจเป็น พระรูปแรกของเชียงใหม่ที่ได้รับนิมนต์ไปเป็นเจ้าพิธีประกอบพิธีปลุกเสกจตุ คามรามเทพที่ จ.นครศรีธรรมราช และทั่วประเทศ
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
กิมเซียมซู มหาโชค โภคทรัพย์ (เนื้ออมตฤทธิ์ธาตุ)ครูบาทันใจ วัดป่างิ้ว จ.เชียงใหม่ ปี 2560
 
เนื้ออมตฤทธิ์ธาตุ สร้าง 199 องค์
 
สุดยอดเครื่องรางแห่งประวัติศาสตร์การจัดสร้าง ที่ไม่มีที่ไหนทำมาก่อน
 
ฉีกกฎ แหวกแนว เครื่องรางมหาโชคลาภ
 
กิม เซียม ซู กบ 3 ขา มหาโชค โภคทรัพย์ ขนาดห้อยคอ
 
 
สุดยอดเครื่องรางของจีน ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักและมีติดบ้านติดร้านค้า กบ 3 ขา เชื่อว่าเป็นเครื่องรางในการดึงดูดโชค หนุนด้านความมั่งคั่ง และเสริมโชคด้านความเจริญก้าวหน้าทางอาชีพการงาน นำไปสู่ทรัพย์สินสมบัติมากมายมหาศาล เหลือกิน เหลือใช้
 
หากท่านอยากได้เครื่องรางสักชิ้น ไว้เสริมดวง เสริมโชคลาภวาสนา เงินทองไหลมาเทมา ในยามเศรษฐกิจแบบนี้
 
มี  "กิม เซียม ซู" ไว้พกพาติดตัว  ไม่มีผิดหวัง  รวย  รวย  รวย
 
สุดยอดเครื่องรางด้านเรียกโชคลาภ เรียกเงินเรียกทอง หรือที่บ้านเรารู้จักกันอย่างดี ในชื่อ คางคก 3 ขา กบ 3 ขา คาบเหรียญ บ้านเรือน ร้านค้า ห้างร้านบริษัท ส่วนมาก จะต้องมีกิมเซียมซู ตั้งไว้รับทรัพย์
 
สำหรับ กิมเซียมซู มหาโชค โภคทรัพย์ ของท่านครูบาทันใจ แห่งวัดป่างิ้วนั้น
นับเป็นกิมเซียมซูรุ่นแรก และครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเครื่องรางกิมเซียมซู ที่ออกแบบให้สามารถพกพาเครื่องรางนี้ ติดตัวไปไหนมาไหนได้ตลอดเวลา ขนาดกระทัดรัด
 
ปลุกเสกโดย 2 กฤติยาคมอย่าง หลวงปู่วิมะละสายพระเวทย์เมตตา และครูบาทันใจ วัดป่างิ้ว ผู้มีจิตแก่กล้ากสินไฟ จะเด็ดขนาดไหนนั้น ต้องลอง
 
==========================
 
 
คางคก 3 ขา (หรือที่บางทีเรียกว่า "กบ 3 ขา") คือ ภาควิเศษของคางคก ซึ่งมีเพียง 3 ขา 
 
ในทางฮวงจุ้ย คางคก 3 ขา เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง ความมั่งคั่ง และเงินทอง 
 
เชื่อกันว่าคางคกสามขา อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ และจะมีพลังที่โดดเด่นขึ้นในช่วงที่มีปรากฏการณ์
 
จันทคราส และสุริยคราส
 
ตามตำนานจีนเล่าว่าคางคก 3 ขา เดิมเป็นภรรยาของบุคคลสำคัญในตำนานซึ่งได้ยาอายุวัฒนะ 
 
เนื่องจากนางเป็นคนละโมบโลภมาก จึงได้ขโมยยาอายุวัฒนะนั้นมา และถูกเทพเจ้าลงโทษ
 
ให้กลายร่างเป็นคางคก 3 ขา และถูกส่งไปอยู่บนดวงจันทร์ ตั้งแต่นั้นมาเมื่อใดก็ตามที่มีคนเห็นคางคก 3 ขา 
 
ก็จะพบกองเหรียญเงินจำนวนมากล้อมรอบตัวคางคกสามขา เพราะนิสัยที่ละโมบโดยธรรมชาติ 
 
และนางคางคกจึงกระหายเงิน 
 
ด้วยเหตุนี้คางคก 3 ขา จึงกลายมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยป้องกันเคราะห์ร้ายและนำความมั่งคั่งมาสู่ครัวเรือน
 
 
 
คางคก 3 ขา แบบดั้งเดิม มักจะอยู่ในลักษณะคาบเหรียญจีนไว้ในปากและนั่งอยู่บนกองตำลึงทองและเหรียญทอง 
 
เป็นสัญลักษณ์มงคลที่นำโชคลาภด้านความมั่งคั่งมาสู่บ้าน และสามารถนำมาวางไว้ในหลายตำแหน่งด้วยกัน
 
เพื่อเสริมสร้างโชคด้านดังกล่าว
 
 
 
1. ดึงดูดโชคด้านความมั่งคั่ง แหล่งรายได้ และโชคด้านความเจริญก้าวหน้าทางอาชีพการงานซึ่งนำไปสู่รายได้มหาศาล 
 
คุณสามารถวางคางคกไว้ตามมุมในแนวทแยงกับประตูหน้าบ้าน และยังสามารถวางคางคกไว้ในมุมอื่นๆ ภายในบ้าน 
 
หรือห้องได้อีกในจำนวน 3 ตัว 6 ตัว แต่ต้องไม่เกิน 9 ตัว และที่สำคัญคือต้องให้มีคางคกหนึ่งตัวที่ตั้งหันหน้าออกไปข้างนอก
 
เพื่อให้ออกไปรวบรวมเงินทอง และให้มีอีกตัวหันหน้าเข้ามาข้างในเพื่อสื่อว่าคางคกนำเงินทองเข้ามาให้คุณ 
 
โดยต้องวางไว้ในแนวทแยงกับประตู คุณจะต้องไม่วางคางคกหันหน้าออกไปนอกประตูเป็นแนวตรงเด็ดขาด 
 
เพราะเชื่อว่าคางคกจะออกไปแล้วไม่กลับเข้ามาอีก และจำไว้ว่าในทางฮวงจุ้ยคางคกเป็นสัญลักษณ์มงคลไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 
 
ให้ปฏิบัติต่อคางคกเสมือนเป็นกบ หรือคางคกตัวหนึ่ง โดยนำไปวางไว้ตามพื้น ใต้โต๊ะเก้าอี้ และโซฟา หรือในบริเวณที่เงียบ
 
และลับตา เชื่อว่าหากวางคางคกไว้สูงเกินไป คางคกจะกลัวและไม่กล้ากระโดดลงมาเพื่อออกไปหาเงินมาให้ และจะต้องไม่วางคางคกไว้ในห้องนอน ห้องครัว และห้องน้ำ เด็ดขาด
 
 
 
2. เจ้าของกิจการผู้ต้องการความสำเร็จ ให้วางคางคกไว้บริเวณเครื่องคิดเงิน เคาน์เตอร์ โต๊ะพนักงานต้อนรับ ตู้เซฟ และบริเวณต่าง ๆ ในสถานที่ประกอบธุรกิจ ร้านค้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเงินและลูกค้า
 
 
 
3. การดึงดูดรายได้ให้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ คุณอาจวางคางคก 3 ขา สองตัวขนาบทางเข้าด้านในร้านค้า บริษัท 
 
โดยหันหัวคางคกเข้าข้างใน
 
 
 
4. นำคางคก 3 ขา ไปเสริมทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ซึ่งเป็นทิศแห่งความมั่งคั่งในทางฮวงจุ้ย)
 
==========================
 
#หลวงปู่วิมะละ วิมาโร หรือที่เรียกติดปากว่า ครูบาวิ เกจิสายไทยใหญ่จอมขมังเวทย์ที่สืบทอดวิชาสายไทยใหญ่ดั่งเดิมขนานแท้ ที่ยังคงดำรงธาตุขันธ์อยู่ ปัจจุบันอายุ 100 ปี หลวงปู่วิมะละ เกิดในวันพุธ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 พ.ศ.2463 ช่วงเวลาย่ำรุ่ง 4 นาฬิกา ตรงกับวันมาฆบูชา ณ เมืองเลิน รัฐฉาน ประเทศพม่า บิดาชื่อนายยอดเงิน มารดาชื่อนางดี มีพี่น้องทั้งหมด 11 คน ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว คงเหลือหลวงปู่อยู่องค์เดียว
 
.......หลวงปู่วิมะละเกิดในตระกูลที่ค่อนข้างมีฐานะ บิดาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ในวัยเด็กนั้นเป็นเด็กขยัน สุภาพเรียบร้อย ชอบช่วยเหลือบิดามารดาทำงานอยู่เป็นนิจ เด็กชายวิมีนิสัยรักสงบ มีความเมตตาสูง ถือเป็นจุดเด่นเฉพาะตัว ประกอบกับความที่เป็นคนช่างเรียนรู้ จึงได้เสาะแสวงหาอาจารย์เพื่อร่ำเรียนวิชาติดตัว ในที่สุด ท่านก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากท่านอาจารย์ฆราวาสคิงเหงดำ กำนันแห่งตำบลปางซางจอมขมังเวทย์ ที่บรรดาชาวบ้านในละแวกนั้นตั้งฉายาว่า คิงเหงดำ (ภาษาไทยแปลว่า อาจารย์ตัวดำ) ที่ได้ฉายานี้ เป็นเพราะอาจารย์ของท่าน สักยันต์เต็มตัว จนแทบมองไม่เห็นสีผิว สันทัดในวิชาแคล้วคลาดคงกระพันเป็นที่สุดในยุคนั้น นายวิได้ตั้งใจเล่าเรียนวิชาจากท่านอาจารย์คิงเหงดำจนสำเร็จแตกฉาน และนายวิเองยังได้รับการสักอักขระเลขยันต์สรรพวิชาต่างๆจากท่านอาจารย์อีกด้วย
 
หลังจากนายวิได้ร่ำเรียนวิชาจากอาจารย์คิงเหงดำจนเจนจบแล้ว จึงได้เสาะแสวงหาอาจารย์ท่านอื่น ซึ่งก็ได้ร่ำเรียนวิชาจาก เจ้าส่าปูอู้ ซึ่งเป็นนายทหารคนสำคัญของเจ้าฟ้าลายข่าในสมัยนั้น รับตำแหน่งบัญชาการประตูเมืองหลวงฝั่งตะวันตก เก่งกาจในเรื่องวิชาหนังเหนียวคงกระพัน หลังจากรับถ่ายทอดวิชาจนเจนจบแล้ว จึงได้กลับมายังภูมิลำเนาใช้ชีวิตคู่กับภรรยาตามธรรมเนียมบ้านเมือง มีบุตรธิดาด้วยกัน 1 คน และนายวิได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน สืบต่อจากบิดา ด้วยความที่ท่านเป็นคนเมตตาอารี อ่อนน้อมถ่อมตน จึงได้รับการยอมรับนับถือจากลูกบ้าน ปกครองหมู่บ้านด้วยความสงบสุขสืบมา
 
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ ท่านได้รู้ได้เห็นถึงการสู้รบ การสูญเสีย เห็นสัจธรรมที่แท้จริงของโลก การเกิดแก่เจ็บตาย ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย จึงหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ ออกบวชเพื่ออาศัยพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง โดยมีพระอาจารย์ ติหวิ่งต๊ะ เจ้าอาวาสวัดจองดอยละ ต.ดอยละ จ.เมืองนาย รัฐฉานเป็นพระอุปฌาย์ ท่านได้ตั้งใจศึกษาตำราธรรมต่างๆ จากนั้นจึงได้จาริกแสวงธรรมตามที่ต่างๆ จนได้พบกับ เจ้าสย่าปัญญา แห่งวัดบ้านหัวนา ท่านได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆจากเจ้าสย่าจนหมดสิ้น จึงได้ลาพระอาจารย์ เพื่อออกเดินทางจาริกแสวงบุญต่อไป ค่ำไหนนอนนั่น มีมื้อฉันมื้อ พบเจอกับสิ่งลี้ลับมากมาย แต่ท่านก็ผ่านพ้นมาได้ ด้วยวิชาที่ท่านได้ร่ำเรียนมา
 
หลวงปู่วิมะละ ท่านชื่นชอบในวิชาสายกรรมฐานได้ศึกษาและแตกฉานในวิชาวิปัสสนากรรมฐานด้วย ทำให้หลวงปู่วิมะละ ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง สมถะเรียบง่าย ไม่ยึดถือ ยินดียินร้าย ตามที่ท่านชอบเอ่ยอยู่เป็นนิจว่า “อนัตตา” หลวงปู่วิมะละ ท่านเคยจำวัดอยู่หลายที่ เช่นวัดขัวดำ ในฝั่งพม่า วัดเขตรอยต่อประเทศไทย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน วัดเวฬุวันบ้านเมืองนะ อ.เชียงดาว
 
และปัจจุบัน หลวงปู่วิมะละ ท่านจำพรรษาอยู่ที่ สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ นับเป็นเจ้าสำนักสงฆ์องค์ปัจจุบันถัดจากหลวงปู่ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ หลวงปู่วิมะละ ท่านได้เล่าให้ฟังว่า กับหลวงปู่ครูบาออนั้น สมัยบวชเรียนอยู่ฝั่งพม่า ท่านไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากจำพรรษาในพื้นที่ละแวกเดียวกัน แต่คนละวัด ระยะทางไม่ไกลกันเท่าไร เมื่อพบกันคราใด ก็จะสนทนาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้ซึ่งกันและกันอยู่ตลอด บางครา สนทนากันจนเวลาค่ำมืด ท่านก็จะค้างจำวัดที่นั่นทุกครั้งไป แม้ธุดงค์มาจำพรรษาในประเทศไทย หลวงปู่ครูบาออและหลวงปู่วิมะละ ท่านก็ยังคงเป็นสหธรรมิก ที่ดีด้วยกันเสมอมาไม่เสื่อมคลาย
ซึ่งเมื่อครั้งก่อนที่หลวงปู่ครูบาออท่านจะย้ายไปจำพรรษาเพื่อพัฒนาวัดที่แม่อาย หลวงปู่ครูบาออ ท่านก็ได้ฝากฝังสำนักสงฆ์แห่งนี้ไว้กับหลวงปู่วิมะละให้ช่วยดูแลตามสัญญาที่ทั้งสองเคยให้ไว้ต่อกันว่า
“ในช่วงที่เราไม่อยู่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ฝากท่านช่วยดูแลแทนด้วย”
หลวงปู่วิมะละจึงได้อยู่ดูแลสำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะสืบมาจวบจนปัจจุบัน
 
 
==========================
 
ครูบาทันใจ วัดป่างิ้ว ผู้มีจิตแก่กล้า กสิณไฟ
 
"พระครูวิเชียรปัญญา" หรือที่ชาวบ้านเรียกขานนามว่า "ครูบาทันใจ" ที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดป่างิ้ว ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้รับการยกย่องเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของล้านนา เป็นที่รู้จักในแวดวงพระเครื่อง ช่วงที่กระแสจตุคามรามเทพกำลังมาแรง ครูบาทันใจเป็น พระรูปแรกของเชียงใหม่ที่ได้รับนิมนต์ไปเป็นเจ้าพิธีประกอบพิธีปลุกเสกจตุ คามรามเทพที่ จ.นครศรีธรรมราช และทั่วประเทศ
 
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาหน้าโรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านธัญทิพย์ อมูเลท
ธัญทิพย์ อมูเลท
บริการให้เช่า พระเครื่อง และเครื่องรางของมงคล ทั่วไทย
เบอร์โทร : 0629966394
อีเมล : thanyatip4289@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม