ไฮไลท์
ตะกรุดกันปลอง (กันเสื่อม) อาจารย์เหลี้ยม นาโยง สำนักไชยมงคล ปี 2559 (กันวัตถุมงคล-รอยสักยันต์-คาถาอาคมเสื่อม กันคัดถอนวิชา)
- สร้างจำนวน 108 ดอก (ลงทั้งด้านหน้าและประทับหลังกัน)
- จารมือด้วยยันต์กันปลอง 3 ตำราในดอกเดียวกัน
- ปลุกเสกนานถึง 4 ปี โดยคณาจารย์และอาจารย์ฆราวาสต่างๆ 59 วาระ
- ใส่หลอดกันน้ำพร้อมใช้
- ทางร้านสุ่มเลือกให้
-----------------------------
พุทธคุณ : กันพระเครื่อง รอยสักยันต์ หรือเครื่องรางของขลังต่างๆเสื่อมกำลัง
กันการเรียกและคัดถอนวิชาคาถาอาคม กันผิดครูผิดข้อห้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ
กันจากสถานที่อันไม่เป็นมงคล กันการคัดถอนวิชา
กันการปลองให้ของเสื่อมด้วยเวทย์มนต์คาถา กันปลองด้วยว่านยา หรือปลองด้วยวัตถุทางธรรมชาติ
กันปลองด้วยสิ่งต่างๆที่มีความอาถรรพ์ที่สามารถล้างวิชาอาคมได้ กันทางด้านกันกระทำ
กันคุณไสย กันภัยอันตราย กันศัตรูหมู่มาร กันสัตว์ร้าย กันภูตผีปีศาจ
ดุจเป็นกำแพงแก้วคุ้มกันสิ่งไม่ดีจะมากล้ำกราย ผู้ที่พกพาบูชาตะกรุดกันปลองอยู่
******************************************
📜วิธีอาราธนา : ตั้งนะโม ๓ จบ ให้ระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย คุณบิดา-มารดา คุณครูบาอาจารย์
และพระปรมาจารย์สำนักตักศิลาเขาอ้อทุกรูป และอาจารย์เหลี้ยม นาโยง สำนักไชยมงคล แล้วอาราธนาด้วยพระคาถานี้
"พุทธะกัน นะกันพุท"
ภาวนาให้ได้ ๓ คาบ ๗ คาบ ๙ คาบ ยิ่งประเสริฐนักแล
🎯วิธีใช้ ใช้พกติดตัว จะห้อยคอ ใส่กระเป๋าเสื้อ คาดเอว หรือใส่กระเป๋าสะพาย
หรือพกพาหรือไว้กับบ้านแขวนหน้าบ้าน แขวนหน้าร้าน แขวนไว้กับรถได้ พกในกระเป๋าสะพายก็ได้
-----------------------------
ตะกรุตกันปลอง / ๑.
หากมีพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังต่างๆ
แต่ถ้าหากไม่รู้จักที่จะรักษาให้คงดีไว้ ถึงจะมีไปก็เพียงเท่านั้นแหละ
การรักษาให้คงดีไว้เท่ากับเราให้ความเคารพต่อครูอาจารย์
และเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่สถิตย์อยู่ในวัตถุมงคลมงคล
สำหรับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่บังควรทำและประพฤตินั้น
เราก็พึงงดเว้นหรือละเสียบ้างก็จะบังเกิดผลดีมิใช่น้อย
เพราะวัตถุมงคลหรือของบางอย่างจะเสื่อมคุณได้ง่ายนัก
ถ้าเราไม่รู้จักรักษาเอาไว้ให้คงเดิมก็จะคลายอานุภาพไปตามนั้น
บางคนใส่พระเต็มคอแต่ร่วมเพศเสพเมถุนกามกันเมามัน
บางคนใส่พระเข้าสถานที่อโคจร สถานที่เริงรมย์ (ของบางอย่างห้ามเด็ดขาด)
ซึ่งครูอาจารย์ในยุคสมัยก่อนนั้นท่านสั่งห้ามยิ่งนัก
เพราะบางแห่งเขาจะจ้างหมอผู้รู้มาทำพิธีฝังอาถรรพ์เอาไว้
และเราก็ไม่รู้ตัวและไม่มีวิธีป้องกันเอาไว้แต่อย่างใด
จึงทำให้วัตถุมงคลหรือของบางอย่างเสื่อมคุณโดยง่ายได้เช่นกัน
คำที่ว่า " ทองก็ยังเป็นทองวันยังค่ำ " หรือ
" งูเลื้อยลงในที่สกปรกหรือลอดอะไรก็ยังกัดคนตาย "
คำนี้ที่พูดเพื่อจะเข้าข้างตัวเองควรหยุดพูดสักทีเถอะ
เพราะวัตถุมงคลต่างๆถ้าหากว่าไปอยู่ที่อันมิควร ก็ย่อมมีเสื่อมถอยคุณได้เสมอ
เปรียบกันมิได้กับงูพิษหรือสรพิษ ที่จะมีพิษอยู่ในตัวตลอดทุกเวลา
ฉะนั้น !!! ข้อนี้อย่าเอามาเปรียบกันอีกเลย
หากเราไม่เคร่งครัดไม่ประพฤติปฏิบัติตามข้อต่างๆเหล่านี้
ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรหรือมิควรปฏิบัติ ควรกระทำ
แล้วจะมีพระเครื่องหรือวัตถุมงคลให้หนักคอไปทำไม
ในเมื่อเรายึดถือและประพฤติปฏิบัติข้อห้ามง่ายๆไม่ได้
เพราะข้อห้ามที่สำคัญปฏิบัติได้ยากยิ่งกว่าหลายเท่านัก
วัตถุมงคลต่างๆจึงจะบังเกิดคุณเป็นที่สุด...
สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
******************************************
ตะกรุตกันปลอง / ๒.
การที่เรายึดถือวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังต่างๆเท่ากับเราต้องยึดถือสัจจะ
สัจจะในที่นี้คือคือเราต้องประพฤติปฏิบัติตนตามข้อห้ามที่ครูอาจารย์ห้ามเอาไว้
เพราะสิ่งเหล่านี้เราจะต้องทราบถึงข้อห้ามและข้อปฏิบัติก่อนที่จะรับมา
นั่นคือสัจจะที่เราให้ไว้กับครูอาจารย์ อันเราจะต้องยึดถือตลอดไป
และข้อห้ามบางอย่างจะเป็นกฏเหล็ก ซึ่งห้ามประพฤติผิดอย่างเด็ดขาด
และในข้ออื่นๆก็จะรองลงไป ถ้าเราประพฤติปฏิบัติได้ก็จะดีอย่างมาก
แต่ก็อาจจะมีบ้างที่เราละเมิดผิดด้วยความไม่ตั้งใจ เหตุนี้จะเกิดบ่อยนัก
โบราณาจารย์ท่านจึงมียันต์กันปลองหรือคาถากันปลอง ไว้สำหรับป้องกันในส่วนนี้
แต่เมื่อมีกันปลองแล้วก็อย่าเข้าใจผิด ว่าจะกันปลองได้ทุกประการและตลอด
ไม่นั้นครูอาจารย์ท่านจะกำหนดให้มีข้อห้ามและข้อที่จะต้องปฏิบัติไว้ทำไม
ของเหล่านี้จะต้องมีขอบเขตและมีข้อจำกัดในการที่จะล่วงละเมิดและในการใช้
เพราะสิ่งเหล่านี้จะค่อยๆเสื่อมคลายและถดถอยลงไปตามกาลเวลา
และเมื่อเราล่วงละเมิดและไม่รีบหาหนทางแก้ไข ก็จะมีผลเสียอันจะบังเกิดแก่เราได้
จะทำให้เกิดเหตุเพทภัย เกิดเสนียดจัญไรและสิ่งไม่ดีแก่ตัวเราได้
ด้วยเพราะเราประพฤติปฏิบัติไม่เคร่งครัด จะเรียกว่าผิดครู จึงทำให้ต้องแรงครู
มีครูอาจารย์ท่านนึงท่านเปรียบเทียบไว้ว่าสำหรับการที่เราล่วงละเมิดหรือผิดบ่อยครั้ง
ท่านเปรียบเหมือนดั่งตัวมอดที่คอยกัดกินไม้นั้นแหละ วันละนิดวันละหน่อย
จนในที่สุดไม้นั่นเกิดผุพังเพราะตัวมอดกัดกินและใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย...
สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
******************************************
ตะกรุตกันปลอง / ๓.
คำว่า " ปลอง "ซึ่งเป็นคำศัพย์ที่ใช้สำหรับผู้ที่ยึดถือในด้านพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง
และเกี่ยวกับวิชาโบราณทางไสยศาสตร์ คาถาอาคมต่างๆ ซึ่งคำว่าปลองนี้โบราณท่านให้ความหมาย " เสื่อม "
และเสื่อมนี้ก็ย่อมเกิดได้โดยง่ายและเกิดได้ตลอดเวลา โดยไม่รู้ตัวหรือโดยรู้ตัว โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็เสื่อมได้
ยิ่งโดยเฉพาะผู้ที่กระทำผิดต่อข้อปฏิบัติหรือฝ่าฝืนข้อห้ามนั้น ย่อมจะทำให้ของขลังที่ยึดถือหรือมีอยู่นั้น " ปลอง " หรือ " เสื่อม "
และลักษณะการปลองอีกประการก็คือปลองเพราะถูกคราส หมายถึงตอนบังเกิดสุริยคราสหรือจันทคราส
โบราณท่านว่าหากเกิดสุริยคราสหรือจันทคราส ให้ทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลัง
เพราะถ้าหากไปทำพิธีปลุกวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังนั้นๆจะต้องคราส ก็จะทำให้เสื่อมและปลอง
การปลองนั้นมีหลากหลายรูปแบบ หลายวิธีการเพื่อทำให้ผู้อื่นปลอง
วิธีการเรียกและคัดถอนวิชาคาถาอาคมก็นับว่าเป็นการปลองอีกลักษณะ
เช่นผู้ที่อยู่ยงคงกระพันชาตรี หนังเหนียว ด้วยเหตุว่ามีวิชาคาถาอาคมหรือมีเครื่องรางของขลัง
ถ้าหากว่าต้องการจะฆ่าหรือทำให้มีอันเป็นไป ก็จะต้องทำให้ของนั้นเสื่อมเสียก่อน โบราณท่านเรียกว่า " ปลองคง "
การปลองที่มีลักษณะคล้ายๆกัน คือผู้ที่รู้และเชี่ยวชาญวิชาในด้านไสยศาสตร์
โดยเฉพาะถ้าหากว่าเขาไม่ถูกกับเราหรือว่าเป็นศัตรูกันกับเรา
เขาก็จะหาวิธีการต่างๆที่จะทำให้ของขลังและตัวเราเสื่อมหรือปลอง
โดยจะใช้วิธีการต่างๆมากมายตามที่เขาเรียนรู้มานั้น
เช่น ปลองด้วยเวทย์มนต์คาถา ปลองด้วยว่านยา ปลองด้วยวัตถุทางธรรมชาติ
ปลองด้วยสิ่งต่างๆที่มีความอาถรรพ์ที่สามารถล้างวิชาอาคมได้
เช่นการโรยผงยาหรือผงยันต์ให้ขวางทางที่เราเดินไปทางนั้น
ผนวกกับเขาจะสั่งไว้ด้วยวิชาคาถาอาคมอีกครั้งหนึ่ง
เพื่อเขาจะได้มั่นใจว่าของขลังของเราและตัวเรานั้นปลองอย่างแน่นอน...
สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
******************************************
ตะกรุตกันปลอง / ๔.
คำว่า " ปลอง " ถ้าหากท่านเรียนรู้และศึกษาในสรรพวิชาต่างๆ
โดยเฉพาะความรู้ในด้านไสยศาสตร์ของทางภาคใต้
จักกล่าวถึงพระเครื่องและเครื่องราง ของขลัง คาถาอาคมต่างๆ
ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากการกระทำตัวของคนๆนั้น
หรือคนๆนั้นถูกคนอื่นกระทำเพื่อให้ของนั้นเสื่อมลงไป
ผู้ที่ยึดถือไสยศาสตร์ไม่ว่าจะด้านใดก็สุดตามแต่ก็ย่อมเสื่อม ย่อมปลองได้ทั้งนั้น
เหตุของการเสื่อมหรือปลองนั้นมาจากสาเหตุหลายประการด้วยกัน
ไม่ว่าจะปลองด้วยเวทมนต์คาถาอาคม อันจะทำให้ปลอง
เพราะสิ่งเหล่านี้ขลังได้ด้วยเวทย์มนต์คาถาอาคมและแรงของพลังจิต
และการทำให้สิ่งเหล่านี้ให้ปลองได้ก็ต้องใช้คาถาอาคมและแรงของพลังจิตเช่นกัน
อีกประการปลองเพราะผู้ยึดถือไม่ปฏิบัติตามคำของครูอาจารย์
ถ้าหากว่าเจ้าของเครื่องรางของขลังนั้นทำตัวเสื่อมไม่ยึดถือให้เคร่งครัด
เช่น...คนที่ถือห้ามผิดต่อภรรยา (เมีย) ของผู้อื่นอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นกฏเหล็ก
(ในกรณีของผู้ที่ผู้ถือวิชาคาถาอาคมหรือเครื่องรางของขลัง
ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีปัญหาในการผิดพลาดข้อห้ามอันเป็นกฏเหล็ก)
และห้ามลอดใต้ราวตากผ้า ห้ามลอดใต้สะพานหัวเดียว ห้ามลอดเสาแฝด ห้ามลอดราวพระธรรม (ราวมือ)
และถ้าหากผู้ที่ยึดถือเครื่องรางของขลังนั้นไม่อยากให้ของนั้นเสื่อมถอย
เมื่อจะลอดใต้ราวตากผ้า ลอดใต้สะพานหัวเดียว ลอดเสาแฝด ลอดราวพระธรรม (ราวมือ)
หรือจะลอดสิ่งต่างๆที่ครูอาจารย์ท่านสั่งห้ามเอาไว้ ก็จะต้องมีคาถาทรงมนต์หรือคาถาร่มกั้น (คาถากันปลอง)
เมื่อจะลอดสิ่งต่างๆก็จะต้องเอามือปิดศรีษะตัวเอง แล้วภาวนาคาถากันปลองเสียก่อนที่จะลอดสิ่งนั้นๆ
เพื่อมิให้เครื่องรางของขลังหรือวัตถุมงคลต่างๆนั้นเสื่อมหรือปลอง
และถ้าหากว่าพระเครื่อง วัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังของเรานั้นเสื่อมหรือว่าปลอง
โบราณาจารย์ท่านมีวิธีที่จะแก้ไข เพื่อให้บังเกิดความขลัง บังเกิดพุทธคุณเช่นเดิม
ถ้าหากว่ามีพิธีพุทธาภิเษกหรือมีพิธีกรรมการปลุกเสก เราก็นำไปเข้าร่วมในพิธีนั้นด้วย
หรือให้ผู้ที่มีวิชาอาคมทำการชบและปลุกอักขระเลขยันต์ ปลุกเสกขึ้นมาใหม่
และอีกวิธีการซึ่งเป็นที่รู้กันดีของผู้ที่ยึดถือพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง
นั้นก็คือการเอาพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังนั้นใส่ลงในบาตรพระ เมื่อมีพิธีอุปสมบท (บวชพระ)
เพื่อให้พระท่านทำการสวดญัตติ ตอนเมื่อนาคผู้ที่เข้าอุปสมบทจะสำเร็จเป็นพระภิกษุ
พระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังนั้น ก็จะกลับมาเข้มขลัง บังเกิดพุทธคุณดังเดิม...
สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
******************************************
ตะกรุตกันปลอง / ๕.
ตะกรุตกันปลองนี้เป็นตะกรุตโดยเฉพาะทางเพื่อสำหรับใช้กันเสื่อม
เพื่อให้ทรงมนต์ ทรงวิชาคาถาอาคม ทรงความขลังให้คงเดิม กันมิให้ของต่างๆเสื่อม
ถึงแม้ว่าจะมีของดี มีวิชาคาถาอาคม มีพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังดี
หรือมีวัตถุมงคลต่างๆดีก็ตามแต่ แต่ถ้าหากว่าเราไปเกิดผิดพลาดข้อห้าม
หรือในบางอย่างที่ครูอาจารย์ท่านได้สั่งห้ามเอาไว้นั้น ก็จะทำให้ของนั้นเสื่อมถอยลงไปได้โดยง่าย
บางคนไม่รู้ว่าอะไรบ้างที่ควรยึดถือและปฎิบัติเลยเผลอหรือพลาดไปโดยไม่รู้ตัว
บางคนโดนศัตรูกลั่นแกล้งหาวิธีการต่างๆทำให้เราของเสื่อมลงไป
และมีหลายๆคนสงสัยว่าทำไมของขลังที่เราถืออยู่ อักขระเลขยันต์ที่เราสักมา ทำไมขลังไม่เหมือนเมื่อก่อน
ทำไมฤทธิ์นั้นจึงด้อยถอยลงไป บางคนอาจจะมองข้ามสิ่งเหล่านี้
แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องสำคัญอย่างมาก ที่อาจทำให้มนต์คาถาอาคมเสื่อมถอยลงไป
ไม่ว่าจะเป็นเวทย์มนต์ คาถาอาคม ลายสักยันต์ วัตถุมงคลที่ติดตัว หากปฎิบัติผิดทางหรือเข้าตำราปลอง...
สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
******************************************
ตะกรุตกันปลอง / ๖.
ตำราว่าด้วยการทำให้ของปลอง (เสื่อม)
เครื่องรางของขลังเหล่านั้นที่เรามี ที่เรายึดถือก็อาจลดถอยลงไปได้
ส่งผลให้คาถาอาคม วิชาต่างๆ พุทธคุณต่างๆ อิทธิคุณต่างๆ
รวมไปถึงราศีและมงคลต่างๆอันเป็นของดีในตนเสื่อมถอยลงได้
บางอย่างขึ้นอยู่กับแต่ละครูที่ท่านสั่งให้ยึดถือปฎิบัติ
และบางอย่าง บางสำนัก บางอาจารย์ก็ไม่ยึดถือ
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสำนัก แต่ละสายวิชากัน แต่ละครูอาจารย์กัน
แต่ของเหล่านี้ก็เป็นสิ่งอันมิควรที่จะกระทำหรือผิดพลาด
บางครั้งกระทำครั้งเดียวอาจไม่มีผลอะไรหรือส่งผลน้อย
แต่ถ้ากระทำผิดหรือพลาดไปหลายๆครั้ง แม้โดยไม่รู้
แต่อาคมลมในก็อาจหายไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
สำหรับบางคนมักพูดกันบ่อยมาก ว่า... " ของดีไม่มีทางเสื่อม "
ถ้าหากว่าเรายึดถือและปฏิบัติด้วยใจที่ศรัทธาและมั่นคง
อยากจะบอกว่าของดีที่กล่าวถึงนั่นคือ " ความดีในใจ "
ไม่ใช่ของที่มีที่เกิดมาจากการปลุกเสก การสวดญัติ
ของดีในใจนั่นคือ " ความดี " ย่อมไม่มีทางที่จะเสื่อมไปได้
แต่หากของดีที่เกิดจากอาคมลมในหรืออาถรรพ์ต่างๆ
ย่อมมีวันขึ้น - ลง ย่อมมีวันที่จะเสื่อมถอยลงไปได้ง่ายมากๆ
ถ้าหากว่าเราไม่ประพฤติปฎิบัติตนให้ถูกต้อง ถูกครรลอง
ทำไมคนยุคก่อนเก่าวิชาของท่านนั้นถึงแก่กล้านัก
เพราะคนสมัยก่อนเขาปฎิบัติตน ยึดถือกันอย่างเคร่งครัด
จริงจัง มั่นคงในสายวิชา เชื่อมั่นในครูอาจารย์ของตน
ครูท่านสั่งอะไรเขาก็ประพฤติปฏิบัติและยึดถือได้หมด
แต่ยุคในยุคสมัยนี้ด้วยเหตุและปัจจัยต่างๆ
ที่ไม่สามารถเอื้อต่อการปฎิบัติตนได้อย่างเคร่งครัด
เราก็ต้องหาสิ่งของที่ไว้ป้องกันตนเอง
เพื่อให้พ้นจากความเสื่อมหรือความปลองต่างๆนั่นเอง...
สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
******************************************
ตะกรุตกันปลอง / ๗.
ครูอาจารย์ท่านว่าการที่ของจะปลองได้นั้น มีเหตุหลายๆประการด้วยกัน ดังนี้...
= ผิดในข้อปฏิบัติของแต่ละสำนัก แต่ละครูอาจารย์
= กระทำผิดต่อครูอาจารย์ของตนเอง
= ด่าพ่อแม่ ด่าผู้มีพระคุณ (เทวดาไม่คุ้มครองรักษา) ท่านว่าจะปลองเพียงแค่วันหนึ่งเท่านั้น
= ผิดต่อสามี - ภรรยาของผู้อื่น (ข้อนี้ผิดหนักมาก) จะมีตะกรุตกันปลองสักกี่อาจารย์ก็เท่านั้น มิอาจทาน
= โดนเรียก โดนสูบ หรือคัดถอนคาถาอาคม
= มีเพศสัมพันธ์กับคนหญิงตอนมีประจำเดือน
= สวมใส่พระเครื่องหรือวัตถุมงคลต่างๆขณะมีเพศสัมพันธ์
= ผู้หญิงหรือผู้หญิงมีประจำเดือนเดินข้ามหรือข้ามปลายเท้า (จะทำให้แรงครูหรือแรงวัตถุมงคลอ่อนแรงลง)
= ห้ามถมน้ำลายในบ่อขี้ ในหลุมขี้ ในโถส้วม ในน้ำ ในถังขยะ ในทางขี้กรา ในที่สกปรกต่างๆ
= ห้ามขี้ ห้ามเยี่ยวลงในน้ำ เช่น แม่น้ำ คลอง ห้วย หนอง
= ห้ามข้ามหรือลอดสิ่งต่างๆ เช่น เดินข้ามของมีคมหรืออาวุธ ข้ามขี้นาก ข้ามทางสามแพร่ง
= ลอดไม้ค้ำกล้วย ลอดไม้ค้ำเรือน ลอดสายสิญจน์สวดศพ ลอดเสาแฝด
= ลอดสะพานหัวเดียว ลอดขอนขี้ ลอดใต้หว่างขา ลอดราวพระธรรม (ราวแขนผู้อื่น)
= ลอดราวตากผ้า ลอดใต้แคร่ ลอดใต้ถุนคนเกิด ลอดเสาแฝด ฯลฯ
= เที่ยวสถานที่อโคจร เช่น ซ่อง สถานที่บริการทางเพศ
= วางวัตถุมงคลต่างๆไว้ที่ต่ำอันมิควร
= ข้ามยาปลองมนต์ คือเขาโรยยาปลอง ดักยาปลองเอาไว้ แล้วเราไปเดินข้ามยานั้น
= กินของต้องห้ามต่างๆที่ครูอาจารย์ท่านสั่งและห้ามเอาไว้ เช่น กินผักล่าปลาคลาน ผักน้ำใต้บ่อ น้ำบ่อไหลหลบ กินของเซ่นผี กินของเหลือเดนผู้อื่น
= ห้ามกินข้าวงานศพ ห้ามกินข้าวหก (ที่พูดว่าไม่กิน) บางอาจารย์ถึงขนาดห้ามกินข้าวบ้านผู้อื่นเด็ดขาด
เหตุเพราะสมัยก่อนมักจะมีวิชาดี มีของดี มีคาถาอาคมดี จึงทำอะไรเขาด้วยอาวุธต่างๆไม่ได้
จึงต้องใส่ยาพิษ ยาตาย ยาสั่งในข้าวแกงให้กิน
= ห้ามกินหยวกกล้วย ถ้าในทางไสยเวทย์หยวกกล้วยถือว่าเป็นของปลอง
และทำให้ไสยเวทย์หรือเครื่องรางของขลังนั้นเสื่อมลงหรือถอยลง
โบราณท่านจึงมียันต์กันปลองหรือคาถาเพื่อไว้กันปลอง
โบราณท่านจะมีคาถาสำหรับท่องก่อนจะตัดหยวกก่อนจะนำมากิน
เพราะหยวกกล้วยบางชนิดเป็นของกินที่ต้องห้าม
เช่น...หยวกกล้วยพังลา หยวกกล้วยคอหัก หยวกกล้วยช้างเหยียบ หยวกกล้วยฟ้าผ่า
และจะมีคาถาใช้สำหรับหมฺราบ (กำราบ) และพวกต้นบุก บอน บัก อีกด้วย
เพราะคนที่แช่ยา กินเหนียว กินมัน กินว่านและวิชาคาถาอาคมหนังเหนียว
มีความเชื่อกันว่าถ้าใครกินบอน บัก บุก จะทำให้เนื้อหนังไม่คงทนต่อศาสตราวุธ
จึงจำเป็นต้องมีคาถาหมฺราบหรือยันต์กันปลองเอาไว้เพื่อป้องกันในส่วนนี้
= และสำหรับนักเลงผู้ที่ถือฝ่ายคงทน หนังเหนียว ครูอาจารย์ท่านังห้ามกินของกินอีกหลายอย่าง เช่น...
ห้ามกินมะละกอ หน่อไม้ ต้น - หัวบอน บุก บัก มะเฟือง น้ำเต้า ฟักแฟง โดยเฉพาะผักหนาม
ผักมฺลึง (ตำลึง) ซึ่งเป็นของที่ทำให้ปลองอย่างแรงที่สุด สำหรับคนที่แช่ว่านแช่ยา กินว่านกินยาต่างๆฝ่ายคง
= และยังมีอื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ...
หมายเหตุ !!!
ด้วยประการต่างๆฉะนี้ บางข้อหากละเมิดผิดย่อมทำให้พุทธคุณและอิทธิคุณนั้นเสื่อมทันที
และบางข้อหากละเมิดผิดจะทำให้แรงครูหรือแรงวัตถุมงคลอ่อนแรงลง
และลดน้อยถอยแรงลงไปแห่งอำนาจของความขลังความศักดิ์สิทธิ์ให้เสื่อมลง...
สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
******************************************
ตะกรุตกันปลอง / ๘.
ท่านเคยรู้มั้ยว่าทำไมครูอาจารย์หลายๆท่าน ที่ท่านรอบรู้ในด้านไสยเวทย์ คาถาอาคม
ท่านจึงมีข้อห้ามว่าห้ามลอดเสาแฝด ๑ ลอดใต้ถุนคนเกิด ๑
เมื่อครั้งอดีตเรื่องจริงเคยเกิดขึ้นในจังหวัดตรัง
มีเรื่องอยู่ว่าโจรคนหนึ่งซึ่งมีวิชาคาถาอาคมขลังมาก
และมีเครื่องรางของขลังหลายครูอาจารย์ อีกทั้งมีรอยสักยันต์ทั้งตัว
ได้วิ่งหนีตำรวจมาเพราะตนและเพื่อนพึ่งไปปล้นชาวบ้านมา
แล้วทางตำรวจก็ได้วิ่งไล่ตามมาแบบประชิดหลัง
โจรก็ได้ใช้ปืนยิงตำรวจ ตำรวจก็ยิงสวนกลับ
แต่ปืนไม่ลั่นบ้าง ลั่นก็ไม่ถูก ปืนไม่ออกบ้าง
แต่พอวิ่งหนีตำรวจแล้วบังเอิญวิ่งไปลอดตรงเสาแฝด (ประตูผี) ใต้บ้านเขา
โบราณท่านมีความเชื่อว่าจะทำว่าปลอง (เสื่อม) ยิ่งนัก
( แต่ครูอาจารย์บอกว่าเสื่อมแค่วันเดียว
ถ้าปลุกของขึ้นใหม่ในวันรุ่งขึ้นก็ขลังดังเดิม )
โจรคนดังกล่าวก็โดนตำรวจยิงตายตรงจุดนั้นทันที...
นี้แหละสิ่งที่เราคิดว่าเป็นของง่ายๆไม่น่าจะเสื่อม
หลายๆท่านชอบพูดว่างูพิษเลื้อยลงที่สกปรกก็กัดคนตาย
นั่นมันงูพิษไม่ใช่พระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง
ถ้าใครพูดแบบนี้แล้วว่าของไม่เสื่อม แต่ถ้าเมื่อไหร่ลูกศิษย์ถูกยิงตาย
แล้วประโยคนี้ท่านจะพูดไม่ออกจากปากของท่านเลย
เช่นเดียวกันกับเราด่าพ่อ ด่าแม่ของผู้อื่น ก็เสื่อมเช่นกันครับ
โบราณท่านจึงสักหรือมีผ้ายันต์ หรือมีตะกรุตกันปลอง
ไว้สำหรับป้องกันของเล็กๆน้อยๆที่เราคาดไม่ถึงว่าจะปลอง
#ข้อนี้ขอฝากให้ทุกๆท่านลองวิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผลนะครับ...
สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
******************************************
ตะกรุตกันปลอง / ๙.
คำว่าปลองภาษาใต้แปลว่า " เสื่อม "
เสื่อม แปลว่า ลดน้อย ถอยลง หย่อนลง ไม่ดีเหมือนเดิม ลดน้อยลงไปเรื่อยๆจนหมดสิ้น...
คำว่ากันปลอง หมายถึงกันเสื่อมหรือป้องกันวิชาคาถาอาคม
พระเครื่อง วัตถุมงคลต่างๆ หรือรอยสักเสื่อมอานุภาพ
เสื่อมลงจากความขลังความศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้น !!! นักไสยเวทย์ ผู้ที่ยึดถือพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง
เล่นวิชาคาถาอาคม กินเหนียวกันน้ำมัน แช่ว่านแช่ยา
กลัวอย่างมากในการโดนปลองของเป็นอย่างมาก...
...วิชาของสำนักเขาอ้อเป็นที่เลื่องลืออย่างมาก
ในยุคสมัยก่อน จนถึงในยุคปัจจุบันนี้ คือ
โจรผู้ร้ายที่มีวิชา มีของดีอยู่กับตัว ทำให้ทรหด
อยู่ยงคงกระพันชาตรี หนังเหนียว ยิงไม่ออก
แทงไม่เข้า ฟันไม่เข้า ถึงขนาดทำให้ของปลองแล้ว
แต่ก็ยังไม่ปลองด้วยประการใดๆทั้งสิ้น
จึงเป็นวิชาที่มีความโดดเด่นและเป็นวิชาลับอีกอย่าง
ที่สำคัญมากอย่างหนึ่งในศาสตร์วิชาของสำนักเขาอ้อ...
...โบราณจารย์ท่านจึงมียันต์กันปลอง
บ้างก็ทำเป็นผ้ายันต์ บ้างก็ทำเป็นตะกรุต บ้างก็สัก
เพื่อเป็นการป้องกันการโดนปลองของ ปลองวิชาอาคม
ปลองมนต์ปลองยา อีกทั้งป้องกันการเรียกของ คัดของ
นักไสยเวทย์สมัยก่อนที่ท่านรอบรู้ในด้านไสยเวทย์
ผู้ที่คงทน ทรหดหนังเหนียว คงกระพันชาตรี มหาอุด
ท่านจึงต้องมียันต์กันปลองไว้กับตัว
และบางท่านก็จะมีคาถาท่อง ไว้สำหรับกันปลอง...
สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
******************************************
ตะกรุตกันปลอง / ๑๐.
วันที่ ๘ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙ ซึ่งตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีวอก
ต้องอัมฤคโชค + สิทธิโชค โบราณท่านกล่าวเอาไว้ว่าดีถ้วนทุกประการฯ
ข้าพเจ้าได้ทำการลงดวงยันต์กันปลองในแผ่นตะกั่ว เพื่อเป็นปฐมฤกษ์ตามลำดับสืบไป...
ด้วยเหตุต่างๆหลายๆประการที่ได้ชี้แจงพอเป็นสังเขปเอาไว้ก่อนหน้านี้
ข้าพเจ้าจึงคิดจัดสร้าง "ตะกรุตกันปลอง" นี้ขึ้น จำนวน ๑๐๘ ดอก (ลงทั้งด้านหน้าและประทับหลังกัน)
ยันต์กันปลองดวงด้านหน้าเป็นดวงที่อาจารย์ส้อง ทองแจ้ง บ้านทุ่งส้าน อ.นาโยง จ.ตรัง ได้มอบให้แก่ข้าพเจ้า
และด้านหลังได้ลงทับด้วยยันต์กันปลองอีกดวงหนึ่ง เป็นตำราของพ่อท่านวัน จนฺทสโร " วัดประสิทธิชัย (ท่าจีน) จ.ตรัง
ซึ่งตอนนั้นพระครูปฏิภาณธรรมรส (สุทัตต์ ทหารไทย) ฐานาของท่านในสมัยนั้น ได้มอบให้แก่ข้าพเจ้า
ซึ่งพระครูปฏิภาณธรรมรสท่านได้ยกตำราของพ่อท่านวันให้แก่ข้าพเจ้านำไปถ่ายเอกสารเพื่อให้มาเล่าเรียน
ซึ่งตอนนั้นข้าพเจ้ายังเป็นสามเณรได้บวชเรียนอยู่ที่วัดประสิทธิชัย (ท่าจีน) จ.ตรัง
และได้ลงคาถากันปลอง (ลง ๔ มุมยันต์ประทับหลัง) ซึ่งตาแบน จันทร์แผ้ว บ้านควนยอดทอง จ.ตรัง
ท่านได้เรียนมาจากพ่อเฒ่าหมึก บ้านโคกสะท้อน อ.เมือง จ.ตรัง (เพื่อนเกลอพ่อท่านเอียด วัดดอนศาลา)
ยันต์กันปลอมทั้ง ๒ ดวงนี้ข้าพเจ้าได้นำมาลงทับหน้าทับหลังในแผ่นตะกั่วแล้วม้วน
และอีกยันต์กันปลองอีกดวง (ซึ่งเป็นดวงที่ ๓) ข้าพเจ้าได้ไปเจอในตำราของครูอาจารย์ท่านหนึ่ง
ซึ่งเป็นยันต์กันปลองที่เขียนฝอยเอาไว้ว่าแม้นทำมาทั้ง ๑๒ ภาษาก็มิปลองเลย
ข้าพเจ้าจึงนำยันต์กันปลองนี้มาลงในแผ่นทองเหลือง แล้วม้วนให้กลมแล้วสอดเข้าไปในรูของตะกรุตดอกแรก
และได้ถักดอกตะกรุตด้วยเชือกไข่บึ้งเป็นลายตะกรุตเบ็ด (ซุบเบ็ด)
และได้นำตะกรุตทั้งหมดลงจุ่มในน้ำสีผึ้งเทียนชัยหลายๆพิธี
โดยเอาเทียนชัยจากหลายๆพิธีมาเคี่ยวให้ละลาย แล้วจุ่มตะกรุตลงไป
เพื่อเพิ่มอิทธิคุณของตะกรุดกันปลองที่จัดสร้างขึ้นนั้นให้ยิ่งๆขึ้นไป...
สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
******************************************
ปัจฉิมลิขิต !!!
กระผมหวังว่าข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องตะกรุดกันปลองและเรื่องการปลอง (เสื่อม) ประมาณ ๑๐ ตอน
ซึ่งก่อนหน้านี้กระผมได้เสนอข้อมูลไปพอย่อๆเป็นสังเขปและพอได้ใจความ
กระผมหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่ผู้ที่ยึดถือในไสยเวทย์ คาถาอาคม
และผู้ที่พกพาพระเครื่องหรือวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังต่างๆ
หวังว่าพอที่จะเป็นแนวทางของการศึกษาหรือปฏิบัติทั้งสิ่งที่ห้ามและสิ่งที่ควร
สำหรับการดำรงค์ชีวิตอันที่จริงไม่ว่าผู้ที่เรียนวิชาคาถาอาคมหรือผู้ที่ไม่เรียนก็ตาม
นั้นไม่อาจจะหนีพ้นกับคำว่าปลองไปได้ ทั้งที่รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี นั้นก็ย่อมโดนปลองทั้งสิ้น
ทั้งเรื่องปลองในอาหารการกิน การเดินทาง การอยู่อาศัย การพูดจาหรือการกระทำโดยที่ไม่รู้ตัว
ตะกรุดกันปลองที่กระผมได้สร้างไว้นี้ จึงตั้งใจทำไว้กันสิ่งเหล่านี้
ไม่ว่าจะเป็นการปลองด้วยลักษณะใดก็ตามแต่ ตะกรุตกันปลองนี้ย่อมช่วยได้ในส่วนนั้นๆ
แต่สิ่งที่ตะกรุดกันปลองไม่สามารถกันได้ก็คือการปลองตัวเอง
การปลองตัวเองคือการนำตัวเองเข้าไปสู่ความเสื่อม ความผิดศีลธรรมอย่างหนัก
คือการผิดสามี - ภรรยาของผู้อื่น ผิดหรือเนรคุณต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณ
ผิดหรือเนรคุณต่อครูอาจารย์ สิ่งเหล่านี้เป็นกฏเหล็กอย่างร้ายแรง
จะติดตัวจนตายเป็นทั้งกงกรรมกงเกวียน ยากที่จะกันหรือแก้ได้
ขอท่านทั้งหลายพึงดำรงค์และตั้งมั่นอยู่ในการทำความดีและไม่อยู่ในความประมาท
ย่อมเป็นสิ่งที่นำพาท่านไปสู่หนทางแห่งความสุข ความเจริญ
สุดท้ายนี้ขอให้ครูอาจารย์ปกปักรักษาทุกๆท่านให้อยู่รอดปลอดการปลองตลอดกาลตลอดไป...
สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
******************************************
((( รายนามพระคณาจารย์และอาจารย์ฆราวาสต่างๆที่ปลุกเสกตะกรุตกันปลอง ๕๙ วาระ ดังนี้...)))
วาระที่ ๑.ตาพิงคุ์ พ่วงคง บ้านป่าแก่ - นาสวน จ.พัทลุง (วันที่ ๒๙ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๙)
วาระที่ ๒.พ่อท่านจรูญ วัดเขาเมืองเก่าชัยบุรี จ.พัทลุง (วันที่ ๒๙ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๙)
วาระที่ ๓.อาจารย์ประจวบ คงเหลือ บ้านดอนนูด จ.พัทลุง (วันที่ ๒ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
วาระที่ ๔.อาจารย์เบิร์ด จันทร์แย้ม อ.เมือง จ.ตรัง (วันที่ ๖ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
วาระที่ ๕.ตาเรือง ช่วยธานี อ.สิเกา จ.ตรัง (วันที่ ๖ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
วาระที่ ๖.อาจารย์เชื้อ ทองคำแทน บ้านห้วยไทร จ.ตรัง (วันที่ ๙ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
วาระที่ ๗.มโนราห์ชบ ชัยเพชร บ้านออกหลา จ.ตรัง (วันที่ ๑๐ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
วาระที่ ๘.พ่อท่านเพียรชัย วัดช่องน้อย อ.นาโยง จ.ตรัง (วันที่ ๑๐ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
วาระที่ ๙.อาจารย์เหลี้ยม บ้านหนองเหรียง อ.นาโยง จ.ตรัง ปลุกเสกเดี่ยว ณ.ถ้ำฉัททันต์ วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง (วันที่ ๑๔ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
วาระที่ ๑๐.พ่อท่านพลอย ปิยธมฺโม วัดโคกมะขาม (หาดเลา) จ.ตรัง (๑๖ มกราคม ๒๕๖๐)
วาระที่ ๑๑.พ่อท่านเพียรชัย จนฺทโชโต วัดช่องน้อย จ.ตรัง (๑๖ มกราคม ๒๕๖๐)
วาระที่ ๑๒.พ่อท่านจรูญ อคฺควณฺโณ วัดเขาเมืองเก่าชัยบุรี จ.พัทลุง (๑๖ มกราคม ๒๕๖๐)
วาระที่ ๑๓.อาจารย์เชื้อ ทองคำแทน บ้านห้วยไทร จ.ตรัง (๑๖ มกราคม ๒๕๖๐)
วาระที่ ๑๔.อาจารย์เหลี้ยม บ้านหนองเหรียง อ.นาโยง จ.ตรัง วันที่ ๒๑ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐ ตรงกับวันอังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๔
วาระที่ ๑๕.พิธีพุทธาภิเษก ณ.อุโบสถวัดบ้านสวน ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง วันที่ ๑ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๖๐ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕
โดยมีพระเกจิย์อาจารย์นั่งปรกอธิษฐานจิต ทั้งหมด ๕ รูป ดังนี้...
๑.พ่อท่านผ่อง ฐานุตฺตโม วัดแจ้ง จ.พัทลุง
๒.พ่อท่านเพียรชัย จนฺทโชโต วัดช่องน้อย จ.ตรัง
๓.พ่อท่านจรูญ อคฺควณฺโณ วัดเขาเมืองเก่า จ.พัทลุง
๔.พระครูการาม เตชธโร วัดปรางหมู่นอก จ.พัทลุง
๕.พ่อท่านช่วง เตชธมฺโม วัดจินตาวาส จ.พัทลุง...
วาระที่ ๑๖.พ่อท่านพลอย ปิยธมฺโม อายุ ๘๘ ปี วัดโคกมะขาม (หาดเลา) จ.ตรัง (วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา )
วาระที่ ๑๗.อาจารย์เชื้อ ทองคำแทน บ้านห้วยไทร ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง (วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา )
วาระที่ ๑๘.อาจารย์เหลี้ยม บ้านหนองเหรียง อ.นาโยง จ.ตรัง (วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา )
วาระที่ ๑๙.อาจารย์เหลี้ยม นาโยง บ้านหนองเหรียง จ.ตรัง (๑๑ เมษายน ๒๕๖๐) ณ.พระอุโบสถวัดควนนาแค ต.บ้านควน อ.เมือง จ.ตรัง
วาระที่ ๒๐.ตาหมอเพิ่ม ชัยแก้ว บ้านไสบ่อลึก จ.ตรัง (๑๖ เมษายน ๒๕๖๐)
วาระที่ ๒๑.พ่อท่านวงศ์ วัดประชาบำรุง จ.ตรัง (๑๖ เมษายน ๒๕๖๐)
วาระที่ ๒๒.มโนราห์ชบ ชัยเพชร บ้านออกหลา จ.ตรัง (๑๖ เมษายน ๒๕๖๐)
วาระที่ ๒๓.พ่อท่านเคลื่อม วัดควนสีนวล จ.ตรัง (๑๖ เมษายน ๒๕๖๐)
วาระที่ ๒๔.ทวดหลวงเปี่ยม วัดควนขัน จ.สงขลา (๑๘ เมษายน ๒๕๖๑)
วาระที่ ๒๕.พ่อท่านเชียร วัดเขาอ้อ (๑๘ เมษายน ๒๕๖๐)
วาระที่ ๒๖.พระมหาจรูญ วัดเขาเมืองเก่าชัยบุรี จ.พัทลุง (๑๘ เมษายน ๒๕๖๐)
วาระที่ ๒๗.อาจารย์รพี ศิลปสมศักดิ์ บ้านสวน จ.พัทลุง (๒๒ เมษายน ๒๕๖๐)
วาระที่ ๒๘.ตาร่าน บุญณรงค์ บ้านต้นแค จ.ตรัง (๒๗ เมษายน ๒๕๖๐)
วาระที่ ๒๙.อาจารย์เหลี้ยม นาโยง บ้านหนองเหรียง จ.ตรัง (๓๑ มกราคม ๒๕๖๑) ซึ่งตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ (จันทรคราส)
วาระที่ ๓๐.พระอาจารย์สำราญ วัดสง่างาม จ.อยุธยา (๙ สิงหาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๓๑.หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.อยุธยา (๙ สิงหาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๓๒.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.อยุธยา (๙ สิงหาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๓๓.พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ จ.สมุทรสงคราม (๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๓๔.อาจารย์นิยม อมศิริ จ.ราชบุรี (๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๓๕.พระอาจารย์เดี่ยว ที่พักสงฆ์ไซตู จ.ชุมพร (๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๓๖.หมอตุ๊ บ้านส้อง จ.สุราษฎร์ธานี (๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๓๗.พิธีพุทธา - เทวาภิเษก ณ.ถ้ำฉัททันต์บรรพต วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง วันที่ ๑๘ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๑ ซึ่งตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๐
วาระที่ ๓๘.พ่อท่านเชียร วัดเขาอ้อ (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๓๙.ตาแคล้ว มากทอง บ้านปากคลองเก่า จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๔๐.อาจารย์ชัย บ้านปากคลองเก่า จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๔๑.พ่อท่านพรหม วัดบ้านสวน จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๔๒.ตาหลวงน้อม วัดบ้านสวน จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๔๓.พระอาจารย์ติว วัดโคกแย้ม จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๔๔.พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
วาระที่ ๔๕.อาจารย์วุฒิ ลงทอง บ้านหัวงาน อ.นาโยง จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๔๖.พ่อท่านเคลื้อม วัดควนสีนวล อ.นาโยง จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๔๗.มโนราห์ชบ ชัยเพชร บ้านออกหลา อ.นาโยง จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๔๘.พ่อท่านวงศ์ วัดประชาบำรุง อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๔๙.พ่อท่านเอียด วัดชลวาปีวิหาร อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๕๐.โต๊ะยีสาจ เส็นฤทธิ์ บ้านในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๕๑.พระครูอดุลคุณาธาร วัดนิคมประทีป (โคกหล่อ) อ.เมือง จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๕๒.ตาหมอเพิ่ม ชัยแก้ว บ้านไสบ่อลึก อ.นาโยง จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๕๓.พ่อท่านมงคล (ม่อน) วัดใหม่ท่าจีน (วัดใต้) อ.เมือง จ.ตรัง (๑๒ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๕๔.ตาเรือง ช่วยธานี บ้านเขาแก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง (๑๒ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๕๕.พ่อท่านเหิม วัดหนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จ.ตรัง (๑๒ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๕๖.พระอาจารย์พล วัดเขาห้วยแห้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง (๑๒ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๕๗.หลวงพ่อบุญเหลือ วัดโพธาราม อ.เมือง จ.ตรัง (๑๒ มกราคม ๒๕๖๒)
วาระที่ ๕๘.พิธีปลุกเสกวัตถุมงคล ณ.สำนักสักยันต์อาจารย์เหลี้ยม นาโยง บ้านหนองเหรียง จ.ตรัง
วันที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๓ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ (มาฆบูชา) ปีกุน
รายนามคณาจารย์ต่างๆที่ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก จำนวน ๑๙ รูป/ท่าน ดังนี้...
๑.มโนราห์ชบ ชัยเพชร บ้านออกหลา จ.ตรัง
๒.หมอนอม หอยสกุล บ้านหหนองชุมแสง จ.ตรัง
๓.อาจารย์วุฒิ ลงทอง บ้านหัวงาน จ.ตรัง
๔.อาจารย์เอ็ม มหาฦๅชา จ.สงขลา
๕.หมอภักดิ์ บวรภิรมย์ บ้านนาคลุ้ม จ.ตรัง
๖.อาจารย์สมหมาย หยูจีน บ้านตกวัดหนองหวัน จ.ตรัง
๗.อาจารย์ทอน ถึงแก้ว บ้าทุ่งชน จ.ตรัง
๘.มโนราห์เดชา ดำเกลี้ยง บ้านท่านางพรหม จ.พัทลุง
๙.มโนราห์แซม บ้านนาเขื่อ จ.พัทลุง
๑๐.อาจารย์สิทธิชัย โหรบัณฑิต บ้านร่มเมือง จ.พัทลุง
๑๑.มโนราห์สมชาย เหมราช บ้านห้วยสีเกษร
๑๒.พระอาจารย์อุทัย อุทโย วัดวิหารสูง จ.พัทลุง (พรมน้ำมนต์)
๑๓.พระอาจารย์นิกร ชยานนฺโท วัดควนนาแค จ.ตรัง
๑๔.พระอาจารย์วุฒิศักดิ์ (หลวงลัก) จิรธมฺโม งัดจอมไตร จ.ตรัง
๑๕.มโนราห์ก้อง บ้านนางหลง จ.นครศรีธรรมราช
๑๖.อาจารย์ยอด บ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี
๑๗.มโนราห์สิทธินนท์ เทพจำเริญศิลป์ บ้านนาป้อ จ.ตรัง
๑๘.อาจารย์สุรพล (หลวงน็อต) ยูงทอง บ้านสวน จ.พัทลุง
๑๙.อาจารย์เหลี้ยม นาโยง บ้านหนองเหรียง จ.ตรัง...
วาระที่ ๕๙.พิธีปลุกเสกวัตถุมงคล ณ.สำนักสักยันต์อาจารย์เหลี้ยม บ้านหนองเหรียง จ.ตรัง วันที่ ๓๑ เดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๓ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีกุน (วันลอยกระทง)
รายนามคณาจารย์ต่างๆที่ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก จำนวน ๑๗ รูป/ท่าน ดังนี้...
๑.อาจารย์เหลี้ยม นาโยง จ.ตรัง (ประกอบพิธีบูชาครูหมออาจารย์)
๒.อาจารย์เทียบ มุกดารักษ์ บ้านกะพังฯ อ.เมือง จ.ตรัง
๓.ตาหมอเพิ่ม ชัยแก้ว บ้านไสบ่อลึก อ.นาโยง จ.ตรัง
๔.อาจารย์ทอน ถึงแก้ว บ้านทุ่งชน จ.ตรัง
๕.อาจารย์วุฒิ ลงทอง บ้านห้วงาน จ.ตรัง
๖.อาจารย์ยอด บ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี
๗.พระอุปัชฌาย์ทวน วัดควนนาแค จ.ตรั้ง
๘.พระอาจารย์นิกร วัดควนนาแค จ.ตรัง
๙.พระอาจารย์เจริญ (พระอาจารย์หนุ่ม) อิสุสโร วัดทุ่งหินผุด จ.ตรัง
๑๐.พ่อท่านเพียรชัย จนฺทโชโต วัดช่องน้อย จ.ตรัง
๑๑.พระอธิการวุฒิศักดิ์ (หลวงลัก) วัดจอมไตร จ.ตรัง
๑๒.มโนราห์ชบ (พ่อขบ) ชัยเพชร บ้านออกหลา จ.ตรัง
๑๓.หมอนอม หอยสกุล บ้านต้นปรง จ.ตรัง
๑๔.หมอภักดิ์ บวรภิรมย์ บ้านนาคลุ้ม จ.ตรัง
๑๕.พระอาจารย์ชานนท์(หลวงสา) วัดทุ่งชน จ.ตรัง
๑๖.มโนราห์สิทธินนท์ เทพจำเริญศิลป์ จ.ตรัง
๑๗.อาจารย์สุรพล ยูงทอง บ้านสวน จ.พัทลุง...
--------------------------------------------
วัตถุมงคลที่ผมสร้างขึ้น ผมจะนำไปปลุกเสกเรื่อยๆเมื่อมีโอกาส
เพราะครูอาจารย์ต่อไปที่ท่านดีจริงและรู้จริงในเรื่องนี้
และเราสามารถพึ่งพาได้จริง ต่อไปจะหาได้น้อยมากแล้วครับ
นี่คือเหตุผลที่ผมชอบปลุกเสกหลายวาระและละหลายๆปีถึงจะยอมออก
เพราะจุประสงค์ของผมเองก็ต้องการซึ่งพุทธคุณในวัตถุมงคลนั้นๆ
ส่วนในเรื่องการค้าขายพาณิชย์ หวังผลกำไรนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง
ตะกรุตกันปลองและตะกรุตสามโทนในครั้งนี้ก็เช่นกันครับ
ผมตั้งใจสร้างขึ้นให้คนที่ศรัทธาเขาได้นำไปใช้จริงๆ
และสร้างจำนวนเท่าที่แจ้งไป ไม่มีการสร้างขาดหรือเกินแต่อย่างใด
เพราะผมได้นำไปปลุกเสกมานาน ๔ ปีกว่าแล้วนะครับ
ถ้าหากว่าผมสร้างแล้วเพื่อจุดประสงค์จะค้าขายเอากำไรนั้น
ผมคงไม่ปลุกเสกนานมากถึงขนาดนี้หรอกครับ...ตถุมงคลที่ผมสร้างขึ้น ผมจะนำไปปลุกเสกเรื่อยๆเมื่อมีโอกาส
เพราะครูอาจารย์ต่อไปที่ท่านดีจริงและรู้จริงในเรื่องนี้
และเราสามารถพึ่งพาได้จริง ต่อไปจะหาได้น้อยมากแล้วครับ
นี่คือเหตุผลที่ผมชอบปลุกเสกหลายวาระและละหลายๆปีถึงจะยอมออก
เพราะจุประสงค์ของผมเองก็ต้องการซึ่งพุทธคุณในวัตถุมงคลนั้นๆ
ส่วนในเรื่องการค้าขายพาณิชย์ หวังผลกำไรนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง
ตะกรุตกันปลองและตะกรุตสามโทนในครั้งนี้ก็เช่นกันครับ
ผมตั้งใจสร้างขึ้นให้คนที่ศรัทธาเขาได้นำไปใช้จริงๆ
และสร้างจำนวนเท่าที่แจ้งไป ไม่มีการสร้างขาดหรือเกินแต่อย่างใด
เพราะผมได้นำไปปลุกเสกมานาน ๔ ปีกว่าแล้วนะครับ
ถ้าหากว่าผมสร้างแล้วเพื่อจุดประสงค์จะค้าขายเอากำไรนั้น
ผมคงไม่ปลุกเสกนานมากถึงขนาดนี้หรอกครับ...
--------------------------------------------
ตอนนี้ผมได้ปลุกเสกตะกรุตกันปลองและสายคาดเอวสามโทน
ก่อนจัดส่งให้แก่ทุกๆท่านที่สั่งจองเอาไว้
ได้ทำการปลุกเสกทุกวันไม่เคยขาด เสกอย่างเต็มที่ สุดกำลัง
ขอบอกตรงๆเลยครับว่าตอนนี้เพลียมากๆ พักผ่อนเท่าไหร่ก็ไม่หายเพลีย
หมดแรง หมดพลัง หมดแบบหมดเกลี้ยงจริงๆครับ
เสกให้เป็นสิริมงคล เสกให้เป็นไปในฝ่ายอื่นก็ว่ายากมากแล้ว
แต่เสกเน้นหนักไปในฝ่ายกันปลองกันเสื่อม เสกยากมากๆที่สุด
ตั้งใจว่าจะเสกไปจนกล่าวจะได้จัดส่ง เป็นไงเป็นกันครับ
ให้รู้ไปว่าจะสิ้นบุญด้วยการตั้งใจกับเสกของชุดนี้...
*****************************************************
ประวัติอาจารย์เหลี้ยม นาโยง
" #อาจารย์เหลี้ยม นาโยง "
บ้านหนองเหรียง อ.นาโยง จ.ตรัง
ได้เรียนวิชาไสยศาสตร์ เรียนวิชาคาถาอาคมต่างๆ จากครูอาจารย์สายเขาอ้อหลายๆท่าน และ ได้บวชเรียนหนังสืออยู่ที่วัดประสิทธิชัย (ท่าจีน) จ.ตรัง
ได้เรียนวิชาในสายพ่อท่านวันจากหลวงพ่อสุทัตต์ เจ้าอาวาสในยุคนั้น
และได้เรียนการเขียนอักขระขอมจากอาจารย์โด่ง ปูขาว บ้านบางรัก
และเรียนคาถาอาคมจากพระอาจารย์มงคล วัดใหม่ท่าจีน
และจากนั้นก็ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดเขาอ้อเป็นระยะเวลาหลายปี
และได้ไปต่อเรียนวิชาต่างๆจากอาจารย์ประจวบ คงเหลือ
และครูอาจารย์อีกหลายๆท่าน เช่น...หมอชัย บ้านปากคลองเก่า
หมอแซม บ้านดอนหลา
หมอผล บ้านปากคลองเก่า (เรียนยาสมุนไพร)
เมื่อสึกมาแล้วก็ยังได้ขวนขวายต่อเรียนวิชาต่างๆ
จากพระและอาจารย์ฆราวาสอีกหลายๆท่าน เช่น...
พ่อท่านแปลก วัดปากปรน
พ่อท่านเปี่ยม วัดลำปลอก
พ่อท่านล้อม วัดต้นปีก
พ่อท่านพลอย วัดหาดเลา
พ่อท่านเพียรชัย วัดช่องน้อย ฯลฯ
และได้เรียนจากฆราวาสเขาอ้ออีกหลายๆท่านด้วยกัน เช่น...
ตาส้อง ทองแจ้ง บ้านทุ่งส้าน
ตาแบน จันทร์แผ้ว บ้านควนยอดทอง
ตาลอบ หยูจีน บ้านควนสวรรค์
อาจารย์เชื้อ ทองคำแทน บ้านห้วยไทร
ตาเพิ่ม ชัยแก้ว บ้านไสบ่อลึก
ตาระพี บ้านสวน ฯลฯ
อาจารย์ฆราวาสที่สำคัญมากอีกท่าน คือหมอคล้อย จันทร์สร
เพราะท่านเป็นทั้งอาจารย์และเป็นทั้งเครือญาติและอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ห่างกันประมาณ ๓๐๐ เมตร
ตาคล้อยได้สอนสรรพวิชาอาคมต่างๆให้ตั้งแต่บวชเป็นสามเณร
และต่อเรียนจากตาคล้อยมาตลอดจนท่านเสียชีวิต
และยังได้เรียนวิชาจากครูอาจารย์ต่างๆอีกหลายๆท่าน...
((ประวัตินี้ได้เขียนขึ้นพอเป็นสังเขปเท่านั้น ))
****************************************************
******อาจารย์อาจารย์เหลี้ยม นาโยงเล่าถึงการไปขอเรียนวิชากับครูบาอาจารย์ของท่านของท่าน
สมัยที่ผมไปเรียนกับครูอาจารย์ที่ท่านเป็นพระสงฆ์
บางหลวงพ่อที่ผมไปขอวิชาจากท่านนั้นๆ
กว่าจะได้เรียนท่านจะลองใจเราสารพัด
จะต้องซักจีวร บีบนวด ล้างบาตร หิ้วชั้น
ถากหญ้า กวาดขยะลานวัด ทำอื่นๆอีกมากมาย
ถ้าครูอาจารย์ท่านเป็นฆราวาสก็จะต้องขยันเทียวมาเทียวไป
ต้องไปอาสาสมัครรับใช้ครูอาจารย์ท่านในทุกอย่าง
ไม่ว่าท่านจะไปทำพิธีกรรมอะไรก็จะต้องไปด้วย ไปช่วยไปเป็นลูกมือท่าน
ไปอยู่ไปหาท่านอย่างสม่ำเสมอ จนท่านเห็นถึงความตั้งใจจริง
จะต้องทำตามที่ท่านสั่งกันแค่ตายหวางอีได้มาสักอย่างสักบท
บางอาจารย์ท่านให้คาถา ให้มนต์เรา แล้วท่านให้ท่องให้จำ
แล้วพาเราไปนั่งภาวนาคาถาอยู่ในป่าช้า
พอยามหัวรุ่งไม่รู้ว่าอาจารย์ท่านยกขึ้นไปเมื่อไหร่แล้ว
หารู้หม้ายว่าเรานั่งภาวนามนต์อยู่คนเดียวตั้งแต่ตีเท่าไหร่
ครูอาจารย์ท่านลุกขึ้นกลับไปนอนเสียเมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้
ครูอาจารย์บางท่านพาเราไปนั่งสมาธิหน้าเชิงตะกอน
ตอนที่ถ่านไฟเผาศพยังแดงๆอยู่เลยก็มีหลายครั้ง
แถมพอกลับมาถึงกุฏิท่านบอกว่าท่านลืมอาสนะ ลืมของไว้ในป่าช้าบ้าง
ท่านใช้ให้ไปเอาของให้ท่าน แต่ต้องไปเอาคนเดียว ใครจะไปเอาก็ได้
ผลสุดท้ายเมื่อเราอาสาไปเอา ของๆท่านๆก็ลืมเอาไว้จริงนั้นแหละ
แต่บนอาสนะหรือสิ่งของต่างๆจะตั้งทับกระดาษไว้แผ่นนึง
กระดาษแผ่นนั้นท่านก็เขียนคาถาเอาไว้ให้เราเอามาท่องมาเรียน
นี้คือภูมิธรรมและปัญญาต่างๆของครูอาจารย์ท่าน
สิ่งเหล่านี้คือการปรนนิบัติและการอยู่ด้วยกับครูอาจารย์
ท่านจะตรวจดูนิสัยใจคอ ดูใจและความอดทนของเรา
บางท่านทดสอบ ฝึกฝน ด้วยกลวิธีต่างๆมากมาย
อาจารย์บางท่านก็ ดุ ด่า ว่า เฆี่ยนตีสารพัด
เปรียบดั่งการตีเหล็ก เพื่อให้เป็นเหล็กเนื้อดีมีคุณภาพ
สิ่งเหล่านี้เป็นขั้นพื้นฐานต่างๆที่ศิษย์ควรจะเรียนรู้...
**********************************
นี้แหละ !!!
ก่อนที่จะเป็นอาจารย์เหลี้ยม นาโยง เยี่ยงทุกทุกวันนี้
หาใช่มีชื่อหรือดังมาได้เพราะใช้สื่อโซเชียล
หรือจ้างลงหนังสือ การลงนิตยาสารประชาสัมพันธ์ตัวเอง...
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
ตะกรุดกันปลอง (กันเสื่อม) อาจารย์เหลี้ยม นาโยง สำนักไชยมงคล ปี 2559 (กันวัตถุมงคล-รอยสักยันต์-คาถาอาคมเสื่อม กันคัดถอนวิชา)
 
- สร้างจำนวน 108 ดอก (ลงทั้งด้านหน้าและประทับหลังกัน)
- จารมือด้วยยันต์กันปลอง 3 ตำราในดอกเดียวกัน
- ปลุกเสกนานถึง 4 ปี โดยคณาจารย์และอาจารย์ฆราวาสต่างๆ 59 วาระ
- ใส่หลอดกันน้ำพร้อมใช้ 
- ทางร้านสุ่มเลือกให้
-----------------------------
 

พุทธคุณ : กันพระเครื่อง รอยสักยันต์ หรือเครื่องรางของขลังต่างๆเสื่อมกำลัง 

กันการเรียกและคัดถอนวิชาคาถาอาคม กันผิดครูผิดข้อห้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ 

กันจากสถานที่อันไม่เป็นมงคล กันการคัดถอนวิชา 

กันการปลองให้ของเสื่อมด้วยเวทย์มนต์คาถา กันปลองด้วยว่านยา หรือปลองด้วยวัตถุทางธรรมชาติ

กันปลองด้วยสิ่งต่างๆที่มีความอาถรรพ์ที่สามารถล้างวิชาอาคมได้ กันทางด้านกันกระทำ 

กันคุณไสย กันภัยอันตราย กันศัตรูหมู่มาร กันสัตว์ร้าย กันภูตผีปีศาจ  

ดุจเป็นกำแพงแก้วคุ้มกันสิ่งไม่ดีจะมากล้ำกราย ผู้ที่พกพาบูชาตะกรุดกันปลองอยู่

 
 ******************************************
 
📜วิธีอาราธนา : ตั้งนะโม ๓ จบ ให้ระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย คุณบิดา-มารดา คุณครูบาอาจารย์
และพระปรมาจารย์สำนักตักศิลาเขาอ้อทุกรูป และอาจารย์เหลี้ยม นาโยง สำนักไชยมงคล แล้วอาราธนาด้วยพระคาถานี้
"พุทธะกัน นะกันพุท"
ภาวนาให้ได้ ๓ คาบ ๗ คาบ ๙ คาบ ยิ่งประเสริฐนักแล
 
 
🎯วิธีใช้  ใช้พกติดตัว จะห้อยคอ ใส่กระเป๋าเสื้อ คาดเอว หรือใส่กระเป๋าสะพาย 
หรือพกพาหรือไว้กับบ้านแขวนหน้าบ้าน แขวนหน้าร้าน แขวนไว้กับรถได้ พกในกระเป๋าสะพายก็ได้
 
-----------------------------
 
ตะกรุตกันปลอง / ๑.
หากมีพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังต่างๆ
แต่ถ้าหากไม่รู้จักที่จะรักษาให้คงดีไว้ ถึงจะมีไปก็เพียงเท่านั้นแหละ
การรักษาให้คงดีไว้เท่ากับเราให้ความเคารพต่อครูอาจารย์
และเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่สถิตย์อยู่ในวัตถุมงคลมงคล
สำหรับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่บังควรทำและประพฤตินั้น
เราก็พึงงดเว้นหรือละเสียบ้างก็จะบังเกิดผลดีมิใช่น้อย
เพราะวัตถุมงคลหรือของบางอย่างจะเสื่อมคุณได้ง่ายนัก
ถ้าเราไม่รู้จักรักษาเอาไว้ให้คงเดิมก็จะคลายอานุภาพไปตามนั้น
บางคนใส่พระเต็มคอแต่ร่วมเพศเสพเมถุนกามกันเมามัน
บางคนใส่พระเข้าสถานที่อโคจร สถานที่เริงรมย์ (ของบางอย่างห้ามเด็ดขาด)
ซึ่งครูอาจารย์ในยุคสมัยก่อนนั้นท่านสั่งห้ามยิ่งนัก
เพราะบางแห่งเขาจะจ้างหมอผู้รู้มาทำพิธีฝังอาถรรพ์เอาไว้
และเราก็ไม่รู้ตัวและไม่มีวิธีป้องกันเอาไว้แต่อย่างใด
จึงทำให้วัตถุมงคลหรือของบางอย่างเสื่อมคุณโดยง่ายได้เช่นกัน
 
คำที่ว่า " ทองก็ยังเป็นทองวันยังค่ำ " หรือ
" งูเลื้อยลงในที่สกปรกหรือลอดอะไรก็ยังกัดคนตาย "
คำนี้ที่พูดเพื่อจะเข้าข้างตัวเองควรหยุดพูดสักทีเถอะ
เพราะวัตถุมงคลต่างๆถ้าหากว่าไปอยู่ที่อันมิควร ก็ย่อมมีเสื่อมถอยคุณได้เสมอ
เปรียบกันมิได้กับงูพิษหรือสรพิษ ที่จะมีพิษอยู่ในตัวตลอดทุกเวลา
ฉะนั้น !!! ข้อนี้อย่าเอามาเปรียบกันอีกเลย
หากเราไม่เคร่งครัดไม่ประพฤติปฏิบัติตามข้อต่างๆเหล่านี้
ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรหรือมิควรปฏิบัติ ควรกระทำ
แล้วจะมีพระเครื่องหรือวัตถุมงคลให้หนักคอไปทำไม
ในเมื่อเรายึดถือและประพฤติปฏิบัติข้อห้ามง่ายๆไม่ได้
เพราะข้อห้ามที่สำคัญปฏิบัติได้ยากยิ่งกว่าหลายเท่านัก
วัตถุมงคลต่างๆจึงจะบังเกิดคุณเป็นที่สุด...
         สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
 
******************************************
 
ตะกรุตกันปลอง / ๒.
การที่เรายึดถือวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังต่างๆเท่ากับเราต้องยึดถือสัจจะ
สัจจะในที่นี้คือคือเราต้องประพฤติปฏิบัติตนตามข้อห้ามที่ครูอาจารย์ห้ามเอาไว้
เพราะสิ่งเหล่านี้เราจะต้องทราบถึงข้อห้ามและข้อปฏิบัติก่อนที่จะรับมา
นั่นคือสัจจะที่เราให้ไว้กับครูอาจารย์ อันเราจะต้องยึดถือตลอดไป
และข้อห้ามบางอย่างจะเป็นกฏเหล็ก ซึ่งห้ามประพฤติผิดอย่างเด็ดขาด
และในข้ออื่นๆก็จะรองลงไป ถ้าเราประพฤติปฏิบัติได้ก็จะดีอย่างมาก
แต่ก็อาจจะมีบ้างที่เราละเมิดผิดด้วยความไม่ตั้งใจ เหตุนี้จะเกิดบ่อยนัก
โบราณาจารย์ท่านจึงมียันต์กันปลองหรือคาถากันปลอง ไว้สำหรับป้องกันในส่วนนี้
 
แต่เมื่อมีกันปลองแล้วก็อย่าเข้าใจผิด ว่าจะกันปลองได้ทุกประการและตลอด
ไม่นั้นครูอาจารย์ท่านจะกำหนดให้มีข้อห้ามและข้อที่จะต้องปฏิบัติไว้ทำไม
ของเหล่านี้จะต้องมีขอบเขตและมีข้อจำกัดในการที่จะล่วงละเมิดและในการใช้
เพราะสิ่งเหล่านี้จะค่อยๆเสื่อมคลายและถดถอยลงไปตามกาลเวลา
และเมื่อเราล่วงละเมิดและไม่รีบหาหนทางแก้ไข ก็จะมีผลเสียอันจะบังเกิดแก่เราได้
จะทำให้เกิดเหตุเพทภัย เกิดเสนียดจัญไรและสิ่งไม่ดีแก่ตัวเราได้
ด้วยเพราะเราประพฤติปฏิบัติไม่เคร่งครัด จะเรียกว่าผิดครู จึงทำให้ต้องแรงครู
มีครูอาจารย์ท่านนึงท่านเปรียบเทียบไว้ว่าสำหรับการที่เราล่วงละเมิดหรือผิดบ่อยครั้ง
ท่านเปรียบเหมือนดั่งตัวมอดที่คอยกัดกินไม้นั้นแหละ วันละนิดวันละหน่อย
จนในที่สุดไม้นั่นเกิดผุพังเพราะตัวมอดกัดกินและใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย...
         สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
 
******************************************
 
ตะกรุตกันปลอง / ๓.
คำว่า " ปลอง "ซึ่งเป็นคำศัพย์ที่ใช้สำหรับผู้ที่ยึดถือในด้านพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง
และเกี่ยวกับวิชาโบราณทางไสยศาสตร์ คาถาอาคมต่างๆ ซึ่งคำว่าปลองนี้โบราณท่านให้ความหมาย " เสื่อม "
และเสื่อมนี้ก็ย่อมเกิดได้โดยง่ายและเกิดได้ตลอดเวลา โดยไม่รู้ตัวหรือโดยรู้ตัว โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็เสื่อมได้
ยิ่งโดยเฉพาะผู้ที่กระทำผิดต่อข้อปฏิบัติหรือฝ่าฝืนข้อห้ามนั้น ย่อมจะทำให้ของขลังที่ยึดถือหรือมีอยู่นั้น " ปลอง " หรือ " เสื่อม "
และลักษณะการปลองอีกประการก็คือปลองเพราะถูกคราส หมายถึงตอนบังเกิดสุริยคราสหรือจันทคราส
โบราณท่านว่าหากเกิดสุริยคราสหรือจันทคราส ให้ทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลัง
เพราะถ้าหากไปทำพิธีปลุกวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังนั้นๆจะต้องคราส ก็จะทำให้เสื่อมและปลอง
การปลองนั้นมีหลากหลายรูปแบบ หลายวิธีการเพื่อทำให้ผู้อื่นปลอง
วิธีการเรียกและคัดถอนวิชาคาถาอาคมก็นับว่าเป็นการปลองอีกลักษณะ
เช่นผู้ที่อยู่ยงคงกระพันชาตรี หนังเหนียว ด้วยเหตุว่ามีวิชาคาถาอาคมหรือมีเครื่องรางของขลัง
ถ้าหากว่าต้องการจะฆ่าหรือทำให้มีอันเป็นไป ก็จะต้องทำให้ของนั้นเสื่อมเสียก่อน โบราณท่านเรียกว่า " ปลองคง "
การปลองที่มีลักษณะคล้ายๆกัน คือผู้ที่รู้และเชี่ยวชาญวิชาในด้านไสยศาสตร์
โดยเฉพาะถ้าหากว่าเขาไม่ถูกกับเราหรือว่าเป็นศัตรูกันกับเรา
เขาก็จะหาวิธีการต่างๆที่จะทำให้ของขลังและตัวเราเสื่อมหรือปลอง
โดยจะใช้วิธีการต่างๆมากมายตามที่เขาเรียนรู้มานั้น
เช่น ปลองด้วยเวทย์มนต์คาถา ปลองด้วยว่านยา ปลองด้วยวัตถุทางธรรมชาติ
ปลองด้วยสิ่งต่างๆที่มีความอาถรรพ์ที่สามารถล้างวิชาอาคมได้
เช่นการโรยผงยาหรือผงยันต์ให้ขวางทางที่เราเดินไปทางนั้น
ผนวกกับเขาจะสั่งไว้ด้วยวิชาคาถาอาคมอีกครั้งหนึ่ง
เพื่อเขาจะได้มั่นใจว่าของขลังของเราและตัวเรานั้นปลองอย่างแน่นอน...
         สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
 
******************************************
 
ตะกรุตกันปลอง / ๔.
คำว่า " ปลอง " ถ้าหากท่านเรียนรู้และศึกษาในสรรพวิชาต่างๆ
โดยเฉพาะความรู้ในด้านไสยศาสตร์ของทางภาคใต้
จักกล่าวถึงพระเครื่องและเครื่องราง ของขลัง คาถาอาคมต่างๆ
ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากการกระทำตัวของคนๆนั้น
หรือคนๆนั้นถูกคนอื่นกระทำเพื่อให้ของนั้นเสื่อมลงไป
ผู้ที่ยึดถือไสยศาสตร์ไม่ว่าจะด้านใดก็สุดตามแต่ก็ย่อมเสื่อม ย่อมปลองได้ทั้งนั้น
เหตุของการเสื่อมหรือปลองนั้นมาจากสาเหตุหลายประการด้วยกัน
ไม่ว่าจะปลองด้วยเวทมนต์คาถาอาคม อันจะทำให้ปลอง
เพราะสิ่งเหล่านี้ขลังได้ด้วยเวทย์มนต์คาถาอาคมและแรงของพลังจิต
และการทำให้สิ่งเหล่านี้ให้ปลองได้ก็ต้องใช้คาถาอาคมและแรงของพลังจิตเช่นกัน
อีกประการปลองเพราะผู้ยึดถือไม่ปฏิบัติตามคำของครูอาจารย์
ถ้าหากว่าเจ้าของเครื่องรางของขลังนั้นทำตัวเสื่อมไม่ยึดถือให้เคร่งครัด
เช่น...คนที่ถือห้ามผิดต่อภรรยา (เมีย) ของผู้อื่นอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นกฏเหล็ก
(ในกรณีของผู้ที่ผู้ถือวิชาคาถาอาคมหรือเครื่องรางของขลัง
ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีปัญหาในการผิดพลาดข้อห้ามอันเป็นกฏเหล็ก)
และห้ามลอดใต้ราวตากผ้า ห้ามลอดใต้สะพานหัวเดียว ห้ามลอดเสาแฝด ห้ามลอดราวพระธรรม (ราวมือ)
และถ้าหากผู้ที่ยึดถือเครื่องรางของขลังนั้นไม่อยากให้ของนั้นเสื่อมถอย
เมื่อจะลอดใต้ราวตากผ้า ลอดใต้สะพานหัวเดียว ลอดเสาแฝด ลอดราวพระธรรม (ราวมือ)
หรือจะลอดสิ่งต่างๆที่ครูอาจารย์ท่านสั่งห้ามเอาไว้ ก็จะต้องมีคาถาทรงมนต์หรือคาถาร่มกั้น (คาถากันปลอง)
เมื่อจะลอดสิ่งต่างๆก็จะต้องเอามือปิดศรีษะตัวเอง แล้วภาวนาคาถากันปลองเสียก่อนที่จะลอดสิ่งนั้นๆ
เพื่อมิให้เครื่องรางของขลังหรือวัตถุมงคลต่างๆนั้นเสื่อมหรือปลอง
และถ้าหากว่าพระเครื่อง วัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังของเรานั้นเสื่อมหรือว่าปลอง
โบราณาจารย์ท่านมีวิธีที่จะแก้ไข เพื่อให้บังเกิดความขลัง บังเกิดพุทธคุณเช่นเดิม
ถ้าหากว่ามีพิธีพุทธาภิเษกหรือมีพิธีกรรมการปลุกเสก เราก็นำไปเข้าร่วมในพิธีนั้นด้วย
หรือให้ผู้ที่มีวิชาอาคมทำการชบและปลุกอักขระเลขยันต์ ปลุกเสกขึ้นมาใหม่
และอีกวิธีการซึ่งเป็นที่รู้กันดีของผู้ที่ยึดถือพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง
นั้นก็คือการเอาพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังนั้นใส่ลงในบาตรพระ เมื่อมีพิธีอุปสมบท (บวชพระ)
เพื่อให้พระท่านทำการสวดญัตติ ตอนเมื่อนาคผู้ที่เข้าอุปสมบทจะสำเร็จเป็นพระภิกษุ
พระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังนั้น ก็จะกลับมาเข้มขลัง บังเกิดพุทธคุณดังเดิม...
         สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
 
******************************************
 
ตะกรุตกันปลอง / ๕.
ตะกรุตกันปลองนี้เป็นตะกรุตโดยเฉพาะทางเพื่อสำหรับใช้กันเสื่อม
เพื่อให้ทรงมนต์ ทรงวิชาคาถาอาคม ทรงความขลังให้คงเดิม กันมิให้ของต่างๆเสื่อม
ถึงแม้ว่าจะมีของดี มีวิชาคาถาอาคม มีพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังดี
หรือมีวัตถุมงคลต่างๆดีก็ตามแต่ แต่ถ้าหากว่าเราไปเกิดผิดพลาดข้อห้าม
หรือในบางอย่างที่ครูอาจารย์ท่านได้สั่งห้ามเอาไว้นั้น ก็จะทำให้ของนั้นเสื่อมถอยลงไปได้โดยง่าย
บางคนไม่รู้ว่าอะไรบ้างที่ควรยึดถือและปฎิบัติเลยเผลอหรือพลาดไปโดยไม่รู้ตัว
บางคนโดนศัตรูกลั่นแกล้งหาวิธีการต่างๆทำให้เราของเสื่อมลงไป
และมีหลายๆคนสงสัยว่าทำไมของขลังที่เราถืออยู่ อักขระเลขยันต์ที่เราสักมา ทำไมขลังไม่เหมือนเมื่อก่อน
ทำไมฤทธิ์นั้นจึงด้อยถอยลงไป บางคนอาจจะมองข้ามสิ่งเหล่านี้
แต่รู้หรือไม่ว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องสำคัญอย่างมาก ที่อาจทำให้มนต์คาถาอาคมเสื่อมถอยลงไป
ไม่ว่าจะเป็นเวทย์มนต์ คาถาอาคม ลายสักยันต์ วัตถุมงคลที่ติดตัว หากปฎิบัติผิดทางหรือเข้าตำราปลอง...
         สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
 
******************************************
 
ตะกรุตกันปลอง / ๖.
ตำราว่าด้วยการทำให้ของปลอง (เสื่อม)
เครื่องรางของขลังเหล่านั้นที่เรามี ที่เรายึดถือก็อาจลดถอยลงไปได้
ส่งผลให้คาถาอาคม วิชาต่างๆ พุทธคุณต่างๆ อิทธิคุณต่างๆ
รวมไปถึงราศีและมงคลต่างๆอันเป็นของดีในตนเสื่อมถอยลงได้
บางอย่างขึ้นอยู่กับแต่ละครูที่ท่านสั่งให้ยึดถือปฎิบัติ
และบางอย่าง บางสำนัก บางอาจารย์ก็ไม่ยึดถือ
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสำนัก แต่ละสายวิชากัน แต่ละครูอาจารย์กัน
แต่ของเหล่านี้ก็เป็นสิ่งอันมิควรที่จะกระทำหรือผิดพลาด
บางครั้งกระทำครั้งเดียวอาจไม่มีผลอะไรหรือส่งผลน้อย
แต่ถ้ากระทำผิดหรือพลาดไปหลายๆครั้ง แม้โดยไม่รู้
แต่อาคมลมในก็อาจหายไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน
สำหรับบางคนมักพูดกันบ่อยมาก ว่า... " ของดีไม่มีทางเสื่อม "
ถ้าหากว่าเรายึดถือและปฏิบัติด้วยใจที่ศรัทธาและมั่นคง
อยากจะบอกว่าของดีที่กล่าวถึงนั่นคือ " ความดีในใจ "
ไม่ใช่ของที่มีที่เกิดมาจากการปลุกเสก การสวดญัติ
ของดีในใจนั่นคือ " ความดี " ย่อมไม่มีทางที่จะเสื่อมไปได้
แต่หากของดีที่เกิดจากอาคมลมในหรืออาถรรพ์ต่างๆ
ย่อมมีวันขึ้น - ลง ย่อมมีวันที่จะเสื่อมถอยลงไปได้ง่ายมากๆ
ถ้าหากว่าเราไม่ประพฤติปฎิบัติตนให้ถูกต้อง ถูกครรลอง
ทำไมคนยุคก่อนเก่าวิชาของท่านนั้นถึงแก่กล้านัก
เพราะคนสมัยก่อนเขาปฎิบัติตน ยึดถือกันอย่างเคร่งครัด
จริงจัง มั่นคงในสายวิชา เชื่อมั่นในครูอาจารย์ของตน
ครูท่านสั่งอะไรเขาก็ประพฤติปฏิบัติและยึดถือได้หมด
แต่ยุคในยุคสมัยนี้ด้วยเหตุและปัจจัยต่างๆ
ที่ไม่สามารถเอื้อต่อการปฎิบัติตนได้อย่างเคร่งครัด
เราก็ต้องหาสิ่งของที่ไว้ป้องกันตนเอง
เพื่อให้พ้นจากความเสื่อมหรือความปลองต่างๆนั่นเอง...
         สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
 
******************************************
 
ตะกรุตกันปลอง / ๗.
ครูอาจารย์ท่านว่าการที่ของจะปลองได้นั้น มีเหตุหลายๆประการด้วยกัน ดังนี้...
= ผิดในข้อปฏิบัติของแต่ละสำนัก แต่ละครูอาจารย์
= กระทำผิดต่อครูอาจารย์ของตนเอง
= ด่าพ่อแม่ ด่าผู้มีพระคุณ (เทวดาไม่คุ้มครองรักษา) ท่านว่าจะปลองเพียงแค่วันหนึ่งเท่านั้น
= ผิดต่อสามี - ภรรยาของผู้อื่น (ข้อนี้ผิดหนักมาก) จะมีตะกรุตกันปลองสักกี่อาจารย์ก็เท่านั้น มิอาจทาน
= โดนเรียก โดนสูบ หรือคัดถอนคาถาอาคม
= มีเพศสัมพันธ์กับคนหญิงตอนมีประจำเดือน
= สวมใส่พระเครื่องหรือวัตถุมงคลต่างๆขณะมีเพศสัมพันธ์
= ผู้หญิงหรือผู้หญิงมีประจำเดือนเดินข้ามหรือข้ามปลายเท้า (จะทำให้แรงครูหรือแรงวัตถุมงคลอ่อนแรงลง)
= ห้ามถมน้ำลายในบ่อขี้ ในหลุมขี้ ในโถส้วม ในน้ำ ในถังขยะ ในทางขี้กรา ในที่สกปรกต่างๆ
= ห้ามขี้ ห้ามเยี่ยวลงในน้ำ เช่น แม่น้ำ คลอง ห้วย หนอง
= ห้ามข้ามหรือลอดสิ่งต่างๆ เช่น เดินข้ามของมีคมหรืออาวุธ ข้ามขี้นาก ข้ามทางสามแพร่ง
= ลอดไม้ค้ำกล้วย ลอดไม้ค้ำเรือน ลอดสายสิญจน์สวดศพ ลอดเสาแฝด
= ลอดสะพานหัวเดียว ลอดขอนขี้ ลอดใต้หว่างขา ลอดราวพระธรรม (ราวแขนผู้อื่น)
= ลอดราวตากผ้า ลอดใต้แคร่ ลอดใต้ถุนคนเกิด ลอดเสาแฝด ฯลฯ
= เที่ยวสถานที่อโคจร เช่น ซ่อง สถานที่บริการทางเพศ
= วางวัตถุมงคลต่างๆไว้ที่ต่ำอันมิควร
= ข้ามยาปลองมนต์ คือเขาโรยยาปลอง ดักยาปลองเอาไว้ แล้วเราไปเดินข้ามยานั้น
= กินของต้องห้ามต่างๆที่ครูอาจารย์ท่านสั่งและห้ามเอาไว้ เช่น กินผักล่าปลาคลาน ผักน้ำใต้บ่อ น้ำบ่อไหลหลบ กินของเซ่นผี กินของเหลือเดนผู้อื่น
= ห้ามกินข้าวงานศพ ห้ามกินข้าวหก (ที่พูดว่าไม่กิน) บางอาจารย์ถึงขนาดห้ามกินข้าวบ้านผู้อื่นเด็ดขาด
เหตุเพราะสมัยก่อนมักจะมีวิชาดี มีของดี มีคาถาอาคมดี จึงทำอะไรเขาด้วยอาวุธต่างๆไม่ได้
จึงต้องใส่ยาพิษ ยาตาย ยาสั่งในข้าวแกงให้กิน
= ห้ามกินหยวกกล้วย ถ้าในทางไสยเวทย์หยวกกล้วยถือว่าเป็นของปลอง
และทำให้ไสยเวทย์หรือเครื่องรางของขลังนั้นเสื่อมลงหรือถอยลง
โบราณท่านจึงมียันต์กันปลองหรือคาถาเพื่อไว้กันปลอง
โบราณท่านจะมีคาถาสำหรับท่องก่อนจะตัดหยวกก่อนจะนำมากิน
เพราะหยวกกล้วยบางชนิดเป็นของกินที่ต้องห้าม
เช่น...หยวกกล้วยพังลา หยวกกล้วยคอหัก หยวกกล้วยช้างเหยียบ หยวกกล้วยฟ้าผ่า
และจะมีคาถาใช้สำหรับหมฺราบ (กำราบ) และพวกต้นบุก บอน บัก อีกด้วย
เพราะคนที่แช่ยา กินเหนียว กินมัน กินว่านและวิชาคาถาอาคมหนังเหนียว
มีความเชื่อกันว่าถ้าใครกินบอน บัก บุก จะทำให้เนื้อหนังไม่คงทนต่อศาสตราวุธ
จึงจำเป็นต้องมีคาถาหมฺราบหรือยันต์กันปลองเอาไว้เพื่อป้องกันในส่วนนี้
= และสำหรับนักเลงผู้ที่ถือฝ่ายคงทน หนังเหนียว ครูอาจารย์ท่านังห้ามกินของกินอีกหลายอย่าง เช่น...
ห้ามกินมะละกอ หน่อไม้ ต้น - หัวบอน บุก บัก มะเฟือง น้ำเต้า ฟักแฟง โดยเฉพาะผักหนาม
ผักมฺลึง (ตำลึง) ซึ่งเป็นของที่ทำให้ปลองอย่างแรงที่สุด สำหรับคนที่แช่ว่านแช่ยา กินว่านกินยาต่างๆฝ่ายคง
= และยังมีอื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ...
 
หมายเหตุ !!!
ด้วยประการต่างๆฉะนี้ บางข้อหากละเมิดผิดย่อมทำให้พุทธคุณและอิทธิคุณนั้นเสื่อมทันที
และบางข้อหากละเมิดผิดจะทำให้แรงครูหรือแรงวัตถุมงคลอ่อนแรงลง
และลดน้อยถอยแรงลงไปแห่งอำนาจของความขลังความศักดิ์สิทธิ์ให้เสื่อมลง...
         สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
 
******************************************
 
ตะกรุตกันปลอง / ๘.
ท่านเคยรู้มั้ยว่าทำไมครูอาจารย์หลายๆท่าน ที่ท่านรอบรู้ในด้านไสยเวทย์ คาถาอาคม
ท่านจึงมีข้อห้ามว่าห้ามลอดเสาแฝด ๑ ลอดใต้ถุนคนเกิด ๑
เมื่อครั้งอดีตเรื่องจริงเคยเกิดขึ้นในจังหวัดตรัง
มีเรื่องอยู่ว่าโจรคนหนึ่งซึ่งมีวิชาคาถาอาคมขลังมาก
และมีเครื่องรางของขลังหลายครูอาจารย์ อีกทั้งมีรอยสักยันต์ทั้งตัว
ได้วิ่งหนีตำรวจมาเพราะตนและเพื่อนพึ่งไปปล้นชาวบ้านมา
แล้วทางตำรวจก็ได้วิ่งไล่ตามมาแบบประชิดหลัง
โจรก็ได้ใช้ปืนยิงตำรวจ ตำรวจก็ยิงสวนกลับ
แต่ปืนไม่ลั่นบ้าง ลั่นก็ไม่ถูก ปืนไม่ออกบ้าง
แต่พอวิ่งหนีตำรวจแล้วบังเอิญวิ่งไปลอดตรงเสาแฝด (ประตูผี) ใต้บ้านเขา
โบราณท่านมีความเชื่อว่าจะทำว่าปลอง (เสื่อม) ยิ่งนัก
( แต่ครูอาจารย์บอกว่าเสื่อมแค่วันเดียว
ถ้าปลุกของขึ้นใหม่ในวันรุ่งขึ้นก็ขลังดังเดิม )
โจรคนดังกล่าวก็โดนตำรวจยิงตายตรงจุดนั้นทันที...
นี้แหละสิ่งที่เราคิดว่าเป็นของง่ายๆไม่น่าจะเสื่อม
หลายๆท่านชอบพูดว่างูพิษเลื้อยลงที่สกปรกก็กัดคนตาย
นั่นมันงูพิษไม่ใช่พระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง
ถ้าใครพูดแบบนี้แล้วว่าของไม่เสื่อม แต่ถ้าเมื่อไหร่ลูกศิษย์ถูกยิงตาย
แล้วประโยคนี้ท่านจะพูดไม่ออกจากปากของท่านเลย
เช่นเดียวกันกับเราด่าพ่อ ด่าแม่ของผู้อื่น ก็เสื่อมเช่นกันครับ
โบราณท่านจึงสักหรือมีผ้ายันต์ หรือมีตะกรุตกันปลอง
ไว้สำหรับป้องกันของเล็กๆน้อยๆที่เราคาดไม่ถึงว่าจะปลอง
#ข้อนี้ขอฝากให้ทุกๆท่านลองวิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผลนะครับ...
         สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
 
******************************************
 
ตะกรุตกันปลอง / ๙.
คำว่าปลองภาษาใต้แปลว่า " เสื่อม "
เสื่อม แปลว่า ลดน้อย ถอยลง หย่อนลง ไม่ดีเหมือนเดิม ลดน้อยลงไปเรื่อยๆจนหมดสิ้น...
คำว่ากันปลอง หมายถึงกันเสื่อมหรือป้องกันวิชาคาถาอาคม
พระเครื่อง วัตถุมงคลต่างๆ หรือรอยสักเสื่อมอานุภาพ
เสื่อมลงจากความขลังความศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้น !!! นักไสยเวทย์ ผู้ที่ยึดถือพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง
เล่นวิชาคาถาอาคม กินเหนียวกันน้ำมัน แช่ว่านแช่ยา
กลัวอย่างมากในการโดนปลองของเป็นอย่างมาก...
 
...วิชาของสำนักเขาอ้อเป็นที่เลื่องลืออย่างมาก
ในยุคสมัยก่อน จนถึงในยุคปัจจุบันนี้ คือ
โจรผู้ร้ายที่มีวิชา มีของดีอยู่กับตัว ทำให้ทรหด
อยู่ยงคงกระพันชาตรี หนังเหนียว ยิงไม่ออก
แทงไม่เข้า ฟันไม่เข้า ถึงขนาดทำให้ของปลองแล้ว
แต่ก็ยังไม่ปลองด้วยประการใดๆทั้งสิ้น
จึงเป็นวิชาที่มีความโดดเด่นและเป็นวิชาลับอีกอย่าง
ที่สำคัญมากอย่างหนึ่งในศาสตร์วิชาของสำนักเขาอ้อ...
 
...โบราณจารย์ท่านจึงมียันต์กันปลอง
บ้างก็ทำเป็นผ้ายันต์ บ้างก็ทำเป็นตะกรุต บ้างก็สัก
เพื่อเป็นการป้องกันการโดนปลองของ ปลองวิชาอาคม
ปลองมนต์ปลองยา อีกทั้งป้องกันการเรียกของ คัดของ
นักไสยเวทย์สมัยก่อนที่ท่านรอบรู้ในด้านไสยเวทย์
ผู้ที่คงทน ทรหดหนังเหนียว คงกระพันชาตรี มหาอุด
ท่านจึงต้องมียันต์กันปลองไว้กับตัว
และบางท่านก็จะมีคาถาท่อง ไว้สำหรับกันปลอง...
         สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
 
******************************************
 
ตะกรุตกันปลอง / ๑๐.
วันที่ ๘ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙ ซึ่งตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีวอก
ต้องอัมฤคโชค + สิทธิโชค โบราณท่านกล่าวเอาไว้ว่าดีถ้วนทุกประการฯ
ข้าพเจ้าได้ทำการลงดวงยันต์กันปลองในแผ่นตะกั่ว เพื่อเป็นปฐมฤกษ์ตามลำดับสืบไป...
ด้วยเหตุต่างๆหลายๆประการที่ได้ชี้แจงพอเป็นสังเขปเอาไว้ก่อนหน้านี้
ข้าพเจ้าจึงคิดจัดสร้าง "ตะกรุตกันปลอง" นี้ขึ้น จำนวน ๑๐๘ ดอก (ลงทั้งด้านหน้าและประทับหลังกัน)
ยันต์กันปลองดวงด้านหน้าเป็นดวงที่อาจารย์ส้อง ทองแจ้ง บ้านทุ่งส้าน อ.นาโยง จ.ตรัง ได้มอบให้แก่ข้าพเจ้า
และด้านหลังได้ลงทับด้วยยันต์กันปลองอีกดวงหนึ่ง เป็นตำราของพ่อท่านวัน จนฺทสโร " วัดประสิทธิชัย (ท่าจีน) จ.ตรัง
ซึ่งตอนนั้นพระครูปฏิภาณธรรมรส (สุทัตต์ ทหารไทย) ฐานาของท่านในสมัยนั้น ได้มอบให้แก่ข้าพเจ้า
ซึ่งพระครูปฏิภาณธรรมรสท่านได้ยกตำราของพ่อท่านวันให้แก่ข้าพเจ้านำไปถ่ายเอกสารเพื่อให้มาเล่าเรียน
ซึ่งตอนนั้นข้าพเจ้ายังเป็นสามเณรได้บวชเรียนอยู่ที่วัดประสิทธิชัย (ท่าจีน) จ.ตรัง
และได้ลงคาถากันปลอง (ลง ๔ มุมยันต์ประทับหลัง) ซึ่งตาแบน จันทร์แผ้ว บ้านควนยอดทอง จ.ตรัง
ท่านได้เรียนมาจากพ่อเฒ่าหมึก บ้านโคกสะท้อน อ.เมือง จ.ตรัง (เพื่อนเกลอพ่อท่านเอียด วัดดอนศาลา)
ยันต์กันปลอมทั้ง ๒ ดวงนี้ข้าพเจ้าได้นำมาลงทับหน้าทับหลังในแผ่นตะกั่วแล้วม้วน
และอีกยันต์กันปลองอีกดวง (ซึ่งเป็นดวงที่ ๓) ข้าพเจ้าได้ไปเจอในตำราของครูอาจารย์ท่านหนึ่ง
ซึ่งเป็นยันต์กันปลองที่เขียนฝอยเอาไว้ว่าแม้นทำมาทั้ง ๑๒ ภาษาก็มิปลองเลย
ข้าพเจ้าจึงนำยันต์กันปลองนี้มาลงในแผ่นทองเหลือง แล้วม้วนให้กลมแล้วสอดเข้าไปในรูของตะกรุตดอกแรก
และได้ถักดอกตะกรุตด้วยเชือกไข่บึ้งเป็นลายตะกรุตเบ็ด (ซุบเบ็ด)
และได้นำตะกรุตทั้งหมดลงจุ่มในน้ำสีผึ้งเทียนชัยหลายๆพิธี
โดยเอาเทียนชัยจากหลายๆพิธีมาเคี่ยวให้ละลาย แล้วจุ่มตะกรุตลงไป
เพื่อเพิ่มอิทธิคุณของตะกรุดกันปลองที่จัดสร้างขึ้นนั้นให้ยิ่งๆขึ้นไป...
         สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
 
******************************************
ปัจฉิมลิขิต !!!
กระผมหวังว่าข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องตะกรุดกันปลองและเรื่องการปลอง (เสื่อม) ประมาณ ๑๐ ตอน
ซึ่งก่อนหน้านี้กระผมได้เสนอข้อมูลไปพอย่อๆเป็นสังเขปและพอได้ใจความ
กระผมหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่ผู้ที่ยึดถือในไสยเวทย์ คาถาอาคม
และผู้ที่พกพาพระเครื่องหรือวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังต่างๆ
หวังว่าพอที่จะเป็นแนวทางของการศึกษาหรือปฏิบัติทั้งสิ่งที่ห้ามและสิ่งที่ควร
สำหรับการดำรงค์ชีวิตอันที่จริงไม่ว่าผู้ที่เรียนวิชาคาถาอาคมหรือผู้ที่ไม่เรียนก็ตาม
นั้นไม่อาจจะหนีพ้นกับคำว่าปลองไปได้ ทั้งที่รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี นั้นก็ย่อมโดนปลองทั้งสิ้น
ทั้งเรื่องปลองในอาหารการกิน  การเดินทาง การอยู่อาศัย การพูดจาหรือการกระทำโดยที่ไม่รู้ตัว
ตะกรุดกันปลองที่กระผมได้สร้างไว้นี้ จึงตั้งใจทำไว้กันสิ่งเหล่านี้
ไม่ว่าจะเป็นการปลองด้วยลักษณะใดก็ตามแต่ ตะกรุตกันปลองนี้ย่อมช่วยได้ในส่วนนั้นๆ
แต่สิ่งที่ตะกรุดกันปลองไม่สามารถกันได้ก็คือการปลองตัวเอง
การปลองตัวเองคือการนำตัวเองเข้าไปสู่ความเสื่อม ความผิดศีลธรรมอย่างหนัก
คือการผิดสามี - ภรรยาของผู้อื่น ผิดหรือเนรคุณต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณ
ผิดหรือเนรคุณต่อครูอาจารย์ สิ่งเหล่านี้เป็นกฏเหล็กอย่างร้ายแรง
จะติดตัวจนตายเป็นทั้งกงกรรมกงเกวียน ยากที่จะกันหรือแก้ได้
ขอท่านทั้งหลายพึงดำรงค์และตั้งมั่นอยู่ในการทำความดีและไม่อยู่ในความประมาท
ย่อมเป็นสิ่งที่นำพาท่านไปสู่หนทางแห่งความสุข ความเจริญ
สุดท้ายนี้ขอให้ครูอาจารย์ปกปักรักษาทุกๆท่านให้อยู่รอดปลอดการปลองตลอดกาลตลอดไป...
         สำนักไชยมงคล (อาจารย์เหลี้ยม)
 
******************************************
 
((( รายนามพระคณาจารย์และอาจารย์ฆราวาสต่างๆที่ปลุกเสกตะกรุตกันปลอง ๕๙ วาระ ดังนี้...)))
 
วาระที่ ๑.ตาพิงคุ์ พ่วงคง บ้านป่าแก่ - นาสวน จ.พัทลุง (วันที่ ๒๙ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๙)
 
วาระที่ ๒.พ่อท่านจรูญ วัดเขาเมืองเก่าชัยบุรี จ.พัทลุง (วันที่ ๒๙ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๙)
 
วาระที่ ๓.อาจารย์ประจวบ คงเหลือ บ้านดอนนูด จ.พัทลุง (วันที่ ๒ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๔.อาจารย์เบิร์ด จันทร์แย้ม อ.เมือง จ.ตรัง (วันที่ ๖ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๕.ตาเรือง ช่วยธานี อ.สิเกา จ.ตรัง (วันที่ ๖ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๖.อาจารย์เชื้อ ทองคำแทน บ้านห้วยไทร จ.ตรัง (วันที่ ๙ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๗.มโนราห์ชบ ชัยเพชร บ้านออกหลา จ.ตรัง (วันที่ ๑๐ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๘.พ่อท่านเพียรชัย วัดช่องน้อย อ.นาโยง จ.ตรัง (วันที่ ๑๐ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๙.อาจารย์เหลี้ยม บ้านหนองเหรียง อ.นาโยง จ.ตรัง ปลุกเสกเดี่ยว ณ.ถ้ำฉัททันต์ วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง (วันที่ ๑๔ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๑๐.พ่อท่านพลอย ปิยธมฺโม วัดโคกมะขาม (หาดเลา) จ.ตรัง (๑๖ มกราคม ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๑๑.พ่อท่านเพียรชัย จนฺทโชโต วัดช่องน้อย จ.ตรัง (๑๖ มกราคม ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๑๒.พ่อท่านจรูญ อคฺควณฺโณ วัดเขาเมืองเก่าชัยบุรี จ.พัทลุง (๑๖ มกราคม ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๑๓.อาจารย์เชื้อ ทองคำแทน บ้านห้วยไทร จ.ตรัง (๑๖ มกราคม ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๑๔.อาจารย์เหลี้ยม บ้านหนองเหรียง อ.นาโยง จ.ตรัง วันที่ ๒๑ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐ ตรงกับวันอังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๔
 
วาระที่ ๑๕.พิธีพุทธาภิเษก ณ.อุโบสถวัดบ้านสวน ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง วันที่ ๑ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๖๐ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕
โดยมีพระเกจิย์อาจารย์นั่งปรกอธิษฐานจิต ทั้งหมด ๕ รูป ดังนี้...
     ๑.พ่อท่านผ่อง ฐานุตฺตโม วัดแจ้ง จ.พัทลุง
     ๒.พ่อท่านเพียรชัย จนฺทโชโต วัดช่องน้อย จ.ตรัง
     ๓.พ่อท่านจรูญ อคฺควณฺโณ วัดเขาเมืองเก่า จ.พัทลุง
     ๔.พระครูการาม เตชธโร วัดปรางหมู่นอก จ.พัทลุง
     ๕.พ่อท่านช่วง เตชธมฺโม วัดจินตาวาส จ.พัทลุง...
 
วาระที่ ๑๖.พ่อท่านพลอย ปิยธมฺโม อายุ ๘๘ ปี วัดโคกมะขาม (หาดเลา) จ.ตรัง (วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา )
 
วาระที่ ๑๗.อาจารย์เชื้อ ทองคำแทน บ้านห้วยไทร ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง (วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา )
 
วาระที่ ๑๘.อาจารย์เหลี้ยม บ้านหนองเหรียง อ.นาโยง จ.ตรัง (วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีระกา )
 
วาระที่ ๑๙.อาจารย์เหลี้ยม นาโยง บ้านหนองเหรียง จ.ตรัง (๑๑ เมษายน ๒๕๖๐) ณ.พระอุโบสถวัดควนนาแค ต.บ้านควน อ.เมือง จ.ตรัง
 
วาระที่ ๒๐.ตาหมอเพิ่ม ชัยแก้ว บ้านไสบ่อลึก จ.ตรัง (๑๖ เมษายน ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๒๑.พ่อท่านวงศ์ วัดประชาบำรุง จ.ตรัง (๑๖ เมษายน ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๒๒.มโนราห์ชบ ชัยเพชร บ้านออกหลา จ.ตรัง (๑๖ เมษายน ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๒๓.พ่อท่านเคลื่อม วัดควนสีนวล จ.ตรัง (๑๖ เมษายน ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๒๔.ทวดหลวงเปี่ยม วัดควนขัน จ.สงขลา (๑๘ เมษายน ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๒๕.พ่อท่านเชียร วัดเขาอ้อ (๑๘ เมษายน ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๒๖.พระมหาจรูญ วัดเขาเมืองเก่าชัยบุรี จ.พัทลุง (๑๘ เมษายน ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๒๗.อาจารย์รพี ศิลปสมศักดิ์ บ้านสวน จ.พัทลุง (๒๒ เมษายน ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๒๘.ตาร่าน บุญณรงค์ บ้านต้นแค จ.ตรัง (๒๗ เมษายน ๒๕๖๐)
 
วาระที่ ๒๙.อาจารย์เหลี้ยม นาโยง บ้านหนองเหรียง จ.ตรัง (๓๑ มกราคม ๒๕๖๑) ซึ่งตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ (จันทรคราส)
 
วาระที่ ๓๐.พระอาจารย์สำราญ วัดสง่างาม จ.อยุธยา (๙ สิงหาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๓๑.หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.อยุธยา (๙ สิงหาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๓๒.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.อยุธยา (๙ สิงหาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๓๓.พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ จ.สมุทรสงคราม (๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๓๔.อาจารย์นิยม อมศิริ จ.ราชบุรี (๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๓๕.พระอาจารย์เดี่ยว ที่พักสงฆ์ไซตู จ.ชุมพร (๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๓๖.หมอตุ๊ บ้านส้อง จ.สุราษฎร์ธานี (๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๓๗.พิธีพุทธา - เทวาภิเษก ณ.ถ้ำฉัททันต์บรรพต วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง วันที่ ๑๘ เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๑ ซึ่งตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๑๐
 
วาระที่ ๓๘.พ่อท่านเชียร วัดเขาอ้อ (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๓๙.ตาแคล้ว มากทอง บ้านปากคลองเก่า จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๔๐.อาจารย์ชัย บ้านปากคลองเก่า จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๔๑.พ่อท่านพรหม วัดบ้านสวน จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๔๒.ตาหลวงน้อม วัดบ้านสวน จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๔๓.พระอาจารย์ติว วัดโคกแย้ม จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๔๔.พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม จ.พัทลุง (๖ ตุลาคม ๒๕๖๑)
 
วาระที่ ๔๕.อาจารย์วุฒิ ลงทอง บ้านหัวงาน อ.นาโยง จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๔๖.พ่อท่านเคลื้อม วัดควนสีนวล อ.นาโยง จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๔๗.มโนราห์ชบ ชัยเพชร บ้านออกหลา อ.นาโยง จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๔๘.พ่อท่านวงศ์ วัดประชาบำรุง อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๔๙.พ่อท่านเอียด วัดชลวาปีวิหาร อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๕๐.โต๊ะยีสาจ เส็นฤทธิ์ บ้านในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๕๑.พระครูอดุลคุณาธาร วัดนิคมประทีป (โคกหล่อ) อ.เมือง จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๕๒.ตาหมอเพิ่ม ชัยแก้ว บ้านไสบ่อลึก อ.นาโยง จ.ตรัง (๘ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๕๓.พ่อท่านมงคล (ม่อน) วัดใหม่ท่าจีน (วัดใต้) อ.เมือง จ.ตรัง (๑๒ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๕๔.ตาเรือง ช่วยธานี บ้านเขาแก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง (๑๒ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๕๕.พ่อท่านเหิม วัดหนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จ.ตรัง (๑๒ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๕๖.พระอาจารย์พล วัดเขาห้วยแห้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง (๑๒ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๕๗.หลวงพ่อบุญเหลือ วัดโพธาราม อ.เมือง จ.ตรัง (๑๒ มกราคม ๒๕๖๒)
 
วาระที่ ๕๘.พิธีปลุกเสกวัตถุมงคล ณ.สำนักสักยันต์อาจารย์เหลี้ยม นาโยง บ้านหนองเหรียง จ.ตรัง
 
วันที่ ๘ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๓ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ (มาฆบูชา) ปีกุน
รายนามคณาจารย์ต่างๆที่ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก จำนวน ๑๙ รูป/ท่าน ดังนี้...
   ๑.มโนราห์ชบ ชัยเพชร บ้านออกหลา จ.ตรัง
   ๒.หมอนอม หอยสกุล บ้านหหนองชุมแสง จ.ตรัง
   ๓.อาจารย์วุฒิ ลงทอง บ้านหัวงาน จ.ตรัง
   ๔.อาจารย์เอ็ม มหาฦๅชา จ.สงขลา
   ๕.หมอภักดิ์ บวรภิรมย์ บ้านนาคลุ้ม จ.ตรัง
   ๖.อาจารย์สมหมาย หยูจีน บ้านตกวัดหนองหวัน จ.ตรัง
   ๗.อาจารย์ทอน ถึงแก้ว บ้าทุ่งชน จ.ตรัง
   ๘.มโนราห์เดชา ดำเกลี้ยง บ้านท่านางพรหม จ.พัทลุง
   ๙.มโนราห์แซม บ้านนาเขื่อ จ.พัทลุง
   ๑๐.อาจารย์สิทธิชัย โหรบัณฑิต บ้านร่มเมือง จ.พัทลุง
   ๑๑.มโนราห์สมชาย เหมราช บ้านห้วยสีเกษร
   ๑๒.พระอาจารย์อุทัย อุทโย วัดวิหารสูง จ.พัทลุง (พรมน้ำมนต์)
   ๑๓.พระอาจารย์นิกร ชยานนฺโท วัดควนนาแค จ.ตรัง
   ๑๔.พระอาจารย์วุฒิศักดิ์ (หลวงลัก) จิรธมฺโม งัดจอมไตร จ.ตรัง
   ๑๕.มโนราห์ก้อง บ้านนางหลง จ.นครศรีธรรมราช
   ๑๖.อาจารย์ยอด บ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี
   ๑๗.มโนราห์สิทธินนท์ เทพจำเริญศิลป์ บ้านนาป้อ จ.ตรัง
   ๑๘.อาจารย์สุรพล (หลวงน็อต) ยูงทอง บ้านสวน จ.พัทลุง
   ๑๙.อาจารย์เหลี้ยม นาโยง บ้านหนองเหรียง จ.ตรัง...
 
วาระที่ ๕๙.พิธีปลุกเสกวัตถุมงคล ณ.สำนักสักยันต์อาจารย์เหลี้ยม บ้านหนองเหรียง จ.ตรัง วันที่ ๓๑ เดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๓ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีกุน (วันลอยกระทง)
รายนามคณาจารย์ต่างๆที่ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก จำนวน ๑๗ รูป/ท่าน ดังนี้...
   ๑.อาจารย์เหลี้ยม นาโยง จ.ตรัง (ประกอบพิธีบูชาครูหมออาจารย์)
   ๒.อาจารย์เทียบ มุกดารักษ์ บ้านกะพังฯ อ.เมือง จ.ตรัง
   ๓.ตาหมอเพิ่ม ชัยแก้ว บ้านไสบ่อลึก อ.นาโยง จ.ตรัง
  ๔.อาจารย์ทอน ถึงแก้ว บ้านทุ่งชน จ.ตรัง
  ๕.อาจารย์วุฒิ ลงทอง บ้านห้วงาน จ.ตรัง
  ๖.อาจารย์ยอด บ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี
  ๗.พระอุปัชฌาย์ทวน วัดควนนาแค จ.ตรั้ง
  ๘.พระอาจารย์นิกร วัดควนนาแค จ.ตรัง
  ๙.พระอาจารย์เจริญ (พระอาจารย์หนุ่ม) อิสุสโร วัดทุ่งหินผุด จ.ตรัง
  ๑๐.พ่อท่านเพียรชัย จนฺทโชโต วัดช่องน้อย จ.ตรัง
  ๑๑.พระอธิการวุฒิศักดิ์ (หลวงลัก) วัดจอมไตร จ.ตรัง
  ๑๒.มโนราห์ชบ (พ่อขบ) ชัยเพชร บ้านออกหลา จ.ตรัง
  ๑๓.หมอนอม หอยสกุล บ้านต้นปรง จ.ตรัง
  ๑๔.หมอภักดิ์ บวรภิรมย์ บ้านนาคลุ้ม จ.ตรัง
  ๑๕.พระอาจารย์ชานนท์(หลวงสา) วัดทุ่งชน จ.ตรัง
  ๑๖.มโนราห์สิทธินนท์ เทพจำเริญศิลป์ จ.ตรัง
  ๑๗.อาจารย์สุรพล ยูงทอง บ้านสวน จ.พัทลุง...
 
--------------------------------------------
 
วัตถุมงคลที่ผมสร้างขึ้น ผมจะนำไปปลุกเสกเรื่อยๆเมื่อมีโอกาส
เพราะครูอาจารย์ต่อไปที่ท่านดีจริงและรู้จริงในเรื่องนี้
และเราสามารถพึ่งพาได้จริง ต่อไปจะหาได้น้อยมากแล้วครับ
นี่คือเหตุผลที่ผมชอบปลุกเสกหลายวาระและละหลายๆปีถึงจะยอมออก
เพราะจุประสงค์ของผมเองก็ต้องการซึ่งพุทธคุณในวัตถุมงคลนั้นๆ
ส่วนในเรื่องการค้าขายพาณิชย์ หวังผลกำไรนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง
ตะกรุตกันปลองและตะกรุตสามโทนในครั้งนี้ก็เช่นกันครับ
ผมตั้งใจสร้างขึ้นให้คนที่ศรัทธาเขาได้นำไปใช้จริงๆ
และสร้างจำนวนเท่าที่แจ้งไป ไม่มีการสร้างขาดหรือเกินแต่อย่างใด
เพราะผมได้นำไปปลุกเสกมานาน ๔ ปีกว่าแล้วนะครับ
ถ้าหากว่าผมสร้างแล้วเพื่อจุดประสงค์จะค้าขายเอากำไรนั้น
ผมคงไม่ปลุกเสกนานมากถึงขนาดนี้หรอกครับ...ตถุมงคลที่ผมสร้างขึ้น ผมจะนำไปปลุกเสกเรื่อยๆเมื่อมีโอกาส
เพราะครูอาจารย์ต่อไปที่ท่านดีจริงและรู้จริงในเรื่องนี้
และเราสามารถพึ่งพาได้จริง ต่อไปจะหาได้น้อยมากแล้วครับ
นี่คือเหตุผลที่ผมชอบปลุกเสกหลายวาระและละหลายๆปีถึงจะยอมออก
เพราะจุประสงค์ของผมเองก็ต้องการซึ่งพุทธคุณในวัตถุมงคลนั้นๆ
ส่วนในเรื่องการค้าขายพาณิชย์ หวังผลกำไรนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง
ตะกรุตกันปลองและตะกรุตสามโทนในครั้งนี้ก็เช่นกันครับ
ผมตั้งใจสร้างขึ้นให้คนที่ศรัทธาเขาได้นำไปใช้จริงๆ
และสร้างจำนวนเท่าที่แจ้งไป ไม่มีการสร้างขาดหรือเกินแต่อย่างใด
เพราะผมได้นำไปปลุกเสกมานาน ๔ ปีกว่าแล้วนะครับ
ถ้าหากว่าผมสร้างแล้วเพื่อจุดประสงค์จะค้าขายเอากำไรนั้น
ผมคงไม่ปลุกเสกนานมากถึงขนาดนี้หรอกครับ...
 
--------------------------------------------
 
ตอนนี้ผมได้ปลุกเสกตะกรุตกันปลองและสายคาดเอวสามโทน
ก่อนจัดส่งให้แก่ทุกๆท่านที่สั่งจองเอาไว้
ได้ทำการปลุกเสกทุกวันไม่เคยขาด เสกอย่างเต็มที่ สุดกำลัง
ขอบอกตรงๆเลยครับว่าตอนนี้เพลียมากๆ พักผ่อนเท่าไหร่ก็ไม่หายเพลีย
หมดแรง หมดพลัง หมดแบบหมดเกลี้ยงจริงๆครับ
เสกให้เป็นสิริมงคล เสกให้เป็นไปในฝ่ายอื่นก็ว่ายากมากแล้ว
แต่เสกเน้นหนักไปในฝ่ายกันปลองกันเสื่อม เสกยากมากๆที่สุด
ตั้งใจว่าจะเสกไปจนกล่าวจะได้จัดส่ง เป็นไงเป็นกันครับ
ให้รู้ไปว่าจะสิ้นบุญด้วยการตั้งใจกับเสกของชุดนี้...
 
 
*****************************************************
 
ประวัติอาจารย์เหลี้ยม นาโยง
 
     "   #อาจารย์เหลี้ยม นาโยง "
  บ้านหนองเหรียง อ.นาโยง จ.ตรัง
ได้เรียนวิชาไสยศาสตร์ เรียนวิชาคาถาอาคมต่างๆ จากครูอาจารย์สายเขาอ้อหลายๆท่าน และ ได้บวชเรียนหนังสืออยู่ที่วัดประสิทธิชัย (ท่าจีน) จ.ตรัง
 
ได้เรียนวิชาในสายพ่อท่านวันจากหลวงพ่อสุทัตต์ เจ้าอาวาสในยุคนั้น
และได้เรียนการเขียนอักขระขอมจากอาจารย์โด่ง ปูขาว บ้านบางรัก
และเรียนคาถาอาคมจากพระอาจารย์มงคล วัดใหม่ท่าจีน
และจากนั้นก็ได้ย้ายไปอยู่ที่วัดเขาอ้อเป็นระยะเวลาหลายปี
และได้ไปต่อเรียนวิชาต่างๆจากอาจารย์ประจวบ คงเหลือ
และครูอาจารย์อีกหลายๆท่าน เช่น...หมอชัย บ้านปากคลองเก่า
หมอแซม บ้านดอนหลา
หมอผล บ้านปากคลองเก่า (เรียนยาสมุนไพร)
 
เมื่อสึกมาแล้วก็ยังได้ขวนขวายต่อเรียนวิชาต่างๆ
จากพระและอาจารย์ฆราวาสอีกหลายๆท่าน เช่น...
พ่อท่านแปลก วัดปากปรน 
พ่อท่านเปี่ยม วัดลำปลอก 
พ่อท่านล้อม วัดต้นปีก
พ่อท่านพลอย วัดหาดเลา 
พ่อท่านเพียรชัย วัดช่องน้อย ฯลฯ
 
และได้เรียนจากฆราวาสเขาอ้ออีกหลายๆท่านด้วยกัน เช่น...
ตาส้อง ทองแจ้ง บ้านทุ่งส้าน
ตาแบน จันทร์แผ้ว บ้านควนยอดทอง
ตาลอบ หยูจีน บ้านควนสวรรค์ 
อาจารย์เชื้อ ทองคำแทน บ้านห้วยไทร
ตาเพิ่ม ชัยแก้ว บ้านไสบ่อลึก 
ตาระพี บ้านสวน ฯลฯ
 
อาจารย์ฆราวาสที่สำคัญมากอีกท่าน คือหมอคล้อย จันทร์สร
เพราะท่านเป็นทั้งอาจารย์และเป็นทั้งเครือญาติและอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ห่างกันประมาณ ๓๐๐ เมตร
ตาคล้อยได้สอนสรรพวิชาอาคมต่างๆให้ตั้งแต่บวชเป็นสามเณร
และต่อเรียนจากตาคล้อยมาตลอดจนท่านเสียชีวิต
และยังได้เรียนวิชาจากครูอาจารย์ต่างๆอีกหลายๆท่าน...
((ประวัตินี้ได้เขียนขึ้นพอเป็นสังเขปเท่านั้น ))
 
 
****************************************************
 
 
******อาจารย์อาจารย์เหลี้ยม นาโยงเล่าถึงการไปขอเรียนวิชากับครูบาอาจารย์ของท่านของท่าน
 
สมัยที่ผมไปเรียนกับครูอาจารย์ที่ท่านเป็นพระสงฆ์
บางหลวงพ่อที่ผมไปขอวิชาจากท่านนั้นๆ
กว่าจะได้เรียนท่านจะลองใจเราสารพัด
จะต้องซักจีวร บีบนวด ล้างบาตร หิ้วชั้น
ถากหญ้า กวาดขยะลานวัด ทำอื่นๆอีกมากมาย
ถ้าครูอาจารย์ท่านเป็นฆราวาสก็จะต้องขยันเทียวมาเทียวไป
ต้องไปอาสาสมัครรับใช้ครูอาจารย์ท่านในทุกอย่าง
ไม่ว่าท่านจะไปทำพิธีกรรมอะไรก็จะต้องไปด้วย ไปช่วยไปเป็นลูกมือท่าน
ไปอยู่ไปหาท่านอย่างสม่ำเสมอ จนท่านเห็นถึงความตั้งใจจริง
จะต้องทำตามที่ท่านสั่งกันแค่ตายหวางอีได้มาสักอย่างสักบท
บางอาจารย์ท่านให้คาถา ให้มนต์เรา แล้วท่านให้ท่องให้จำ
แล้วพาเราไปนั่งภาวนาคาถาอยู่ในป่าช้า
พอยามหัวรุ่งไม่รู้ว่าอาจารย์ท่านยกขึ้นไปเมื่อไหร่แล้ว
หารู้หม้ายว่าเรานั่งภาวนามนต์อยู่คนเดียวตั้งแต่ตีเท่าไหร่
ครูอาจารย์ท่านลุกขึ้นกลับไปนอนเสียเมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้
ครูอาจารย์บางท่านพาเราไปนั่งสมาธิหน้าเชิงตะกอน
ตอนที่ถ่านไฟเผาศพยังแดงๆอยู่เลยก็มีหลายครั้ง
แถมพอกลับมาถึงกุฏิท่านบอกว่าท่านลืมอาสนะ ลืมของไว้ในป่าช้าบ้าง
ท่านใช้ให้ไปเอาของให้ท่าน แต่ต้องไปเอาคนเดียว ใครจะไปเอาก็ได้
ผลสุดท้ายเมื่อเราอาสาไปเอา ของๆท่านๆก็ลืมเอาไว้จริงนั้นแหละ
แต่บนอาสนะหรือสิ่งของต่างๆจะตั้งทับกระดาษไว้แผ่นนึง
กระดาษแผ่นนั้นท่านก็เขียนคาถาเอาไว้ให้เราเอามาท่องมาเรียน
นี้คือภูมิธรรมและปัญญาต่างๆของครูอาจารย์ท่าน
สิ่งเหล่านี้คือการปรนนิบัติและการอยู่ด้วยกับครูอาจารย์
ท่านจะตรวจดูนิสัยใจคอ ดูใจและความอดทนของเรา
บางท่านทดสอบ ฝึกฝน ด้วยกลวิธีต่างๆมากมาย
อาจารย์บางท่านก็ ดุ ด่า ว่า เฆี่ยนตีสารพัด
เปรียบดั่งการตีเหล็ก เพื่อให้เป็นเหล็กเนื้อดีมีคุณภาพ
สิ่งเหล่านี้เป็นขั้นพื้นฐานต่างๆที่ศิษย์ควรจะเรียนรู้...
**********************************
นี้แหละ !!!
ก่อนที่จะเป็นอาจารย์เหลี้ยม นาโยง เยี่ยงทุกทุกวันนี้
หาใช่มีชื่อหรือดังมาได้เพราะใช้สื่อโซเชียล
หรือจ้างลงหนังสือ การลงนิตยาสารประชาสัมพันธ์ตัวเอง...
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาหน้าโรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านธัญทิพย์ อมูเลท
ธัญทิพย์ อมูเลท
บริการให้เช่า พระเครื่อง และเครื่องรางของมงคล ทั่วไทย
เบอร์โทร : 0629966394
อีเมล : thanyatip4289@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม