ไฮไลท์
(( พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ เนื้อผงมหามณีจินตามนต์ องค์ครู พิมพ์เล็ก ))
++ จารยันต์นะมหาเทพชุมนุม
++ หลังฝังเหรียญใบมะขามท้าวเวสสุวรรณ เนื้อชนวน กดพิมพ์ในฤกษ์
- จัดสร้างจำนวน ๑๙๙องค์
- (เน้นแรง ด้านมหาลาภโภคทรัพย์)
- ฝังตะกรุดเงิน
พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์
หนุนด้วยมหาเวทย์ มหามนต์ แห่งองค์ ท้าวเวสสุวรรณ
จตุมหาราชิกา “พลิกดวงมหาเศรษฐี”
อุดท้าวเวสสุวรรณพิมพ์ใบมะขาม60
(( หลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี ))
ประทับหลังด้วยยันต์จักรพรรดิตราธิราช
สุดยอดแห่งมหายันต์ในตำนาน
ท้าวเวสสุวรรณพิมพ์ใบมะขามที่นำมาอุด
ได้รับเมตตาจากหลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี
เจ้าตำรับสร้างท้าวเวสสุวรรณอันลือลั่น
พลีมวลสารที่สุดในตำนานแห่งเมืองไทยที่เลื่องลือในอดีต
ถึง ๑๔ ปรมาจารย์
ผงวิเศษหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์
ผงวิเศษเฒ่ายิ้ม วัดหนองบัว
ผงพระขุนแผนพรายกุมารหลวงพ่อทิม วัดระหารไร่
สีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง
ผงชานหมากหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค
ผงพระสมเด็จหลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหลำ
ผงลูกอมมหากันหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
ผงลูกอมดำหลวงปู่พริ๊ง วัดบางประกอก
ผงพระขุนแผนเสด็จกลับหลวงปู่สุภา กนฺตสีโล
ผงแป้งกระแจะเจิมหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
ผงวิเศษหลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี
ผงวิเศษหลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่
ผงช้างผสมโขลง อ.ชุม ไชยคีรี
ผงนะเจ้านางออ ผงปถมัง ผงอิธิเจ
ผงมหาราช อ.กรกฏ สุริยะสังกาศ
เนื้อผงพรายช้างประสมโขลงสุดยอดแห่งความเมตตามหาเสน่ห์
เนื้อผงจินดามณีมนต์ตำรับวัดกลางบางแก้วสุดยอดแห่งมหาโชคลาภวาสนา
มหาเทพนพเคราะห์ผู้เป็นใหญ่ และเทพเจ้าแห่งขุมทรัพย์ ผนวกรวมเป็น ๑
(( จัดสร้างครั้งแรกในเมืองไทย ))
ผ่านมหาพิธีเทวาภิเษกอย่างเข้มขลังถึง 5 วาระ
พิธีเทวาภิเษกครั้งสุดท้าย เมื่อ 23 มิถุนายน 2561
พิธีกดพิมพ์ “ปฐมฤกษ์” พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ หนุนด้วยมหาเวทย์ มหามนต์ แห่งองค์ ท้าวเวสสุวรรณ จตุมหาราชิกา “พลิกดวงมหาเศรษฐี”
ในวันเสาร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๑ (ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖) เวลา ๑๕.๓๒ น. เป็นภูมิปาโลฤกษ์ พิธีกดพิมพ์พระผงราหู ชุดนำฤกษ์ เป็น “ปฐมฤกษ์” โดย
หลวงพ่ออิฏฐ์ ภทฺทจาโร วัดจุฬามณี
หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข วัดประดู่พระอารามหลวง
๒ พระมหาเถราจารย์แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง เมตตามาเป็นองค์ประธานกดพิมพ์ และนั่งปรกอธิษฐานจิต พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ตลอดพิธีฯ จนถึงเวลา ๑๖.๔๕ นาฬิกา สิ้นสุดฤกษ
ณ พระวิหารเทวสถิตย์ มูลนิธิสรรพราเชนทร์ จ.นครปฐม
------------------------------------------------
คติความเชื่อเกี่ยวกับพระราหู
ว่าด้วยการกำเนิดของพระราหู พระราหูเป็นพญาอสูรแต่เพียงผู้เดียวที่มีความเป็นอมตะในบรรดาหมู่ อสูรทั้งหมด จึงได้รับการยกย่องจากพระพรหมให้เป็นเทพองค์หนึ่งด้วย อสูรราหูเป็นบุตรของพระ กัศยปเทพบิดรกับนางสิงหิกา แต่กลับมีร่างกายเป็นยักษ์ร้าย และยังเป็นตัวตั้งตัวตี ในการยกทัพอสูรบุกสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ของพระอินทร์ สู้รบกับเหล่าเทวดา จนไปถึงเรื่องการกวนน้ำอำมฤต
บางตำนานกล่าวว่า พระราหู เป็นโอรสของพระวิประจิตติ และพระนางสิหิกา เมื่อแรกเกิดขึ้นพระราหูมีหางเป็นนาค และสถิตอยู่ในวิมานสีนิลหรือสีดำขลับโดยมีพาหนะเป็นพญาครุฑ พระราหูถือเป็นเทวะองค์ที่ 8 ในบรรดาเทพแห่งนพเคราะห์ทั้ง 9 พระองค์ และในคัมภีร์อินเดียโบราณ บันทึกว่าพระศิวะได้เนรมิตรฝูงผีโขมด 12 ตน และร่ายพระเวทย์ป่นให้ผีนั้นแหลกละเอียดเป็นผุยผงจากนั้นนำผ้าสีดำสนิทมาห่อ และประพรม ด้วยน้ำอำมฤตเสกสรรบันดาลให้กลายเป็นเทวะองค์ที่ 8 นาม “พระราหู”
ในตำนาน ได้กล่าวถึงพระราหู ไว้ว่า ครั้งหนึ่งพระราหู ได้เนรมิตรกายเป็นพราหมณ์ ในการเข้าไปลักลอบร่วมดื่มน้ำอำมฤต ในคราวกวนเกษียรสมุทร พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นการกระทำของพระราหูเช่นนั้นเข้า ก็เอะอะ โวยวายขึ้น จนความทราบถึงพระนารายณ์ จึงทรงขว้างจักรอันเป็นเทพศาตราของพระองค์ จักรของพระนารายณ์ได้ตัดร่างของอสูรราหูออกเป็นสองท่อน แต่ด้วยอานุภาพแห่งน้ำอำมฤต ที่พระราหูได้ดื่มกินเข้าไปจึงทำให้ไม่ตาย ด้วยที่ถูกพระนารายณ์ทำร้ายเอาจนถึงกับร่างกายขาดกันเป็นสองท่อนนี่เอง ก็ เพราะพระอาทิตย์และพระจันทร์เป็นต้นเหตุ พระราหูจึงได้อาฆาตแค้นพระอาทิตย์และพระจันทร์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พระราหูจึงได้หาโอกาสจับพระอาทิตย์และพระจันทร์กลืนกินอยู่เรื่อยมา แต่ พระอาทิตย์และพระจันทร์ก็หลุดล่วงพ้นไปได้ในชั่วเวลาที่ไม่นานนัก ทั้งนี้ก็เพราะพระราหูมีร่างกายอยู่เพียงครึ่งท่อนเท่านั้น การจองเวรนั้นจึง ทำให้เกิดสุริยคราสและจันทรคราสขึ้นมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ฯ
ซึ่งตำนานนี้!! ค่อนข้างจะคุ้นหูคุ้นตากันมากที่สุด เพราะด้วยเทวปฏิมากรรมรูปพระราหู หรือเครื่องรางพระราหู ในยุคสมัยนี้ ที่จัดสร้างกันโดยส่วนมาก จะเป็นลักษณะ มีแค่ครึ่งองค์ มือทั้ง 2 ข้างทำท่าจับพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ ใส่ในปากลักษณะกลืนกิน (รูปลักษณ์ที่ว่านี้ เค้าลางน่าจะมาจากพระราหูวัดศรีษะทอง เป็นต้นเค้า เนื่องด้วย หลวงพ่อน้อย อดีตเจ้าอาวาส เป็นพระคณาจารย์ที่สร้างเครื่องรางพระราหูจากกะลาตาเดียว)
หลังจากที่พระนารายณ์ขว้างจักรตัดพระราหูออกเป็น 2 ท่อนแล้ว พระราหูได้ตัดพ้อว่า “การกวนน้ำอำมฤตในครั้งนี้ด้วยพระบัญชาแห่งองค์พระอิศวรให้ร่วมกันระหว่างอสูรและเทพเพื่อที่จะได้น้ำอำมฤตไว้แบ่งกันกิน ทำไมพระนารายณ์จึงมาทำร้ายเรา” ด้วยประโยคนี้ ทำให้พระนารายณ์เจ้าได้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในการทำร้ายเทพพระราหู จึงได้ให้พรประสิทธิให้ร่างที่ตัดขาดกลับมาต่อกันดุจเดิม แล้วให้ “ครุฑ”ซึ่งเป็นพาหนะทรงมาเป็นพาหนะทรงแห่งเทพพระราหู และให้พระราหู ทรงช่วยปัดเป่าเภทภัยให้แก่บรรดามนุษย์ อรรถกถาจารย์ ในยุคหลังๆ ที่ทราบถึงคตินี้ จึงนิยม บูชาพระราหูที่ทรงครุฑเป็นพาหนะ เพราะถือเคล็ดที่ว่า พระราหูปางนี้ได้รับพรจากพระนารายณ์ให้มาช่วยบรรดามนุษย์ และทรงพาหนะอันมีมหาอำนาจคือ “ครุฑ” เป็นปางสำเร็จและเป็นมงคลที่สุด
--------------------------
การจัดสร้างพระอสุรินราหูทรงครุฑ นั้น ทางอาจารย์ผู้สร้าง ได้ยึดถือตามตำนานแต่เบื้องโบราณและยึดถือคติตามแบบเทพยดานพเคราะห์ของไทย ที่แต่ละพระองค์ทรงพาหนะต่างๆกัน อาทิ พระอาทิตย์ ทรงราชสีห์ พระจันทร์ทรงม้า เป็นต้น ที่จารึกอยู่ในสมุดไทย หมวดตำราภาพเทวรูปไสยาศาสตร์ เล่มที่ 70 สำนักหอสมุดแห่งชาติ ที่สันนิษฐานว่า เป็นรูปแบบของเจ้าฟ้าอิศราพงศ์ และคล้ายคลึงกับภาพจิตรกรรมเทพบนบานประตูหน้าต่างด้านใน ของพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ที่เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ทรงร่วมในการควบคุมการก่อสร้างเช่นกัน และนอกจากที่กล่าวมาทั้ง 2 กระแสนี้แล้ว ยังอ้างอิงถึงเนื้อหาในโองการของโหรฯ ใช้ประกาศบูชาเทพยดานพเคราะห์ ทั้ง 9 พระองค์ ที่คาดว่ามีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 หรือเก่ากว่านั้น โดยคำประกาศโองการบูชาพระราหูนั้น ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า “พระราหูอสุเรศ เรืองมหิทธิเดชจบขจร พรรณกังสาภรณ์อลังการ์ เลอเมฆาเป็นทิพย์อาสน์ ยังครุฑราชพาหนะ จวบจนเทพบริวาร”
แม้แต่ในทางพระพุทธศาสนา ได้ยังได้บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก กล่าวว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงพยากรณ์ พระราหูจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านามว่า พระนารทพุทธเจ้า นับเป็นองค์ที่ห้าถัดจากพระศรีอาริยเมตไตรพุทธเจ้า จากคติดังกล่าวนี้จึงถือว่าพระราหูนั้นมีฐานะเป็นพระโพธิสัตว์ และเป็นหน่อเนื้อพระพุทธางกูรแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระราหูเป็นพระโพธิสัตว์ที่รูปกายน่ากลัว และเป็นพระโพธิสัตว์ที่เกิดขึ้นในแดนอสูร ทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา ให้พรคนดี ย่ำยีคนชั่ว บำเพ็ญบารมีสร้างภพชาติเพื่อสืบพระพุทธวงศ์มิให้สิ้นสูญ โปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นมหาบารมีมหาปณิธานอันยิ่งใหญ่ สมควรที่จะได้รับการกราบไหว้บูชาเช่นเทพยเจ้าองค์อื่นๆ
ฉะนั้นการได้บูชาพระราหูเสมือนได้บูชาพระพุทธเจ้าในอนาคต ทรงพระนามว่า “พระนารทะพระพุทธเจ้า” ซึ่งเป็นมงคลอย่างยิ่งในชีวิต
สุดยอดมวลสารสุดพิสดาร ที่สุดในตำนานแห่งเมืองไทยในอดีต ถึง ๑๔ ปรมาจารย์ สุดยอดแห่งความเมตตามหาเสน่ห์ สุดยอดแห่งมหาโชคลาภวาสนา สุดยอดแห่งคุ้มกันภัยหนุนดวงชะตา
สู่เทวปฏิมา พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ หนุนด้วยมหาเวทย์ มหามนต์ แห่งองค์ ท้าวเวสสุวรรณ จตุมหาราชิกา “พลิกดวงมหาเศรษฐี”
มหาเทพนพเคราะห์ผู้เป็นใหญ่ และเทพเจ้าแห่งขุมทรัพย์ ผนวกรวมเป็น ๑ จัดสร้างครั้งแรกในเมืองไทย
-------------------------------------------
ท้าวเวสสุวรรณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์ หรือเป็นเจ้าแห่งผีเรียกง่ายๆว่า นายผี
กล่าวได้ว่า วัดสุทัศเทพวนาราม มีพระอุโบสถที่ศักดิ์สิทธิ์ตามศาสตร์ที่ตั้งและการก่อสร้างมีอายุมากถึง 2 ทศตวรรษเป็นพุทธสถานที่เหมาะแก่การเจริญจิตภาวนารวมทั้งจัดพิธีพุทธาภิเษกให้เกิดความเข้มขลังในพระเครื่องวัตถุมงคลทั้งหลายขนาดสมเด็จพระสังฆราช แพ พระผู้สร้างตำนานพระกริ่งแห่งเมืองสยามยังรับรองถึงความศักดิ์สิทธิ์แห่งพระอุโบสถแห่งนี้ด้วยท่านเอง
การจัดสร้างวุตถุมงคลรุ่น 'เทพสถิตย์'ในครั้งนั้นทางวัดสุทัศมีกำหนดให้มีพิธี พุทธาภิเษก จำนวน 2 ครั้งมีพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์ และ พระภาวนาจารย์ทรงภูมิจิตและภูมิธรรมนั่งปรกปรุกเสกเทียนนพเคราะห์และวัตถุมงคลทางวัดสุทัศน์ได้นิมนต์หลวงปู่สิงห์ คมภีธโร เจ้าอาวาสวัดบ้านศรีสุข ศิษย์เอกร่วมอาจารย์เดียวกันกับหลวงปู่วรพตวิธาน ต้นตำหรับยันต์หมวกเหล็กอันเลื่องลือมานั่งปรกอธิฐานจิตเทียนนพเคราะห์พร้อมทั้งปลุกเสกวุตถุมงคลอีกครั้งจึงมั้นใจเป็นอย่างดีว่าพระชุด 'เทพสถิตย์'นี้มีความเข้มขลังศักสิทธิ์และมีเทพยดาคอยประสิทธิ์คุ้มครองตามคำครูบาอาจารย์ที่รับรองมาแต้ครั้งอดีต ซึ่งหนึ่งในนั้นยังมีหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ที่รับรองถึงความศักดิ์สิทธิ์แห่งวัตถุมงคลที่ปลุกเสกให้สำเร็จ
ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ดูแลปกป้องคุ้มครอง ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นนายผี กันผี ปีศาจ อมนุต สิ่งอัปมงคล เป็นต้น
ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ ผู้ใดหวังคุ้มภัย ให้บูชา กันผี ปีศาจ อมนุต สิ่งอัปมงคล ให้กล่าวคำขอบารมีคุ้มภัยไล่สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง
คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ
ตั้ง นะโม 3 จบ
อิติปิโส ภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ มะระณัง สุขัง อะหัง สุคะโต นะโม พุทธายะ ท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมะหาราชิกา ยักขะพันตาภัทภูริโต เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโม พุทธายะ (3จบ หรือ 5จบ หรือ 9จบ)
**************************
“ท้าวเวสสุวรรณ” วัดจุฬามณี เป็นที่แรกๆ เพราะตำนาน การสร้าง ท้าวเวสสุวรรณ วัดจุฬามณีนั้นแตกต่างจากที่อื่น เนื่องด้วยพระอาจารย์อิฏฐ์ เจ้าอาวาสปัจจุบันของวัดฯ ได้ฝันเห็น “ท้าวเวสสุวรรณ” ในนิมิตนั้นองค์ท่านได้พาพระอาจารย์อิฏฐ์ไปเที่ยวชมยมโลกจนทั่ว พระอาจารย์อิฏฐ์จึงตั้งอธิษฐานเป็นสัจจะวาจาไว้ว่า ถ้ากลับไปในโลกมนุษย์ครั้งนี้จะทำการตั้งรูปปั้น “ท้าวเวสสุวรรณ” ไว้กลางวัดเสมือนเป็นการขอบคุณและการให้ความเคารพแก่ท่าน ในนิมิตพระอาจารย์อิฏฐ์ก็ ได้บอกความประสงค์นี้แก่ท่าน “ท้าวเวสสุวรรณ” ไป ท่านจึงบอกกลับมาว่า หากจะปั้นฉันจะต้องไปตามช่างปั้นท่านหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดเพชรบุรี ต้องให้ช่างผู้นี้เป็นผู้ปั้นเท่านั้น และนั่นจึงกลายเป็นตำนานที่มา ที่ทำให้ “ท้าวเวสสุวรรณ” แห่ง “วัดจุฬามณี”ได้รับแรงศรัทธาจากผู้คนล้นหลาม กลิ่นธูปควันเทียนและเสียงสวด คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ จากคนทั่วทุกสารทิศจึงมาอบอวลอยู่ที่วัดจุฬามณีแห่งนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
'หลวงพ่ออิฐ' วัดจุฬามณี ผู้สร้างตำนานท้าวเวสสุวรรณ
หลวงพ่ออิฏฐ์ ภทฺจาโร นาม พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ สมโภชน์ ฉายา ภทฺทจาโร สถานะเดิม ชื่อสมโภชน์ นามสกุล อมรรัตนบดี เกิด วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๙๙ บิดาชื่อ นายพจน์ น้อยมา มารดาชื่อ นางประนอม ฮะประสาน เกิดที่บ้านเลขที่ ๗๘ ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม บรรพชา วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๔ ณ วัดบางกะพ้อม ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๐ ณ. วัดจุฬามณี ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม นามพระอุปัชฌาย์ พระครูโกวิทสมุทรคุณ วัดจุฬามณี นามพระกรรมวาจาจารย์ พระครูสมุทรบรรณวัฒน์ วัดเจริญสุขาราม พระอนุสาวนาจารย์ พระครูสมุทรสารโสภณ วัดบางกะพ้อม
การศึกษาวิชาจากคณาจารย์
1 .หลวงปู่สาย วัดหนองสองห้อง สมุทรสาคร ยันต์นกคุ้มกันไฟ
2.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร ยันต์ตรีนิสิงเห
3.หลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง สมุทรสงคราม เจิมเรือ
4.หลวงปู่ขวัญ วัดโพธิดก ราชบุรี ตะกรุดพระเจ้า 16 พระองค์
5.หลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆสิตาราม สมุทรสงคราม
6.หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคร
7.หลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ สมุทรสงคราม ไหม 5 สี,ตะกรุดโลกธาตุ
8.หลวงพ่อพิน วัดอุบลวรรณาราม ราชบุรี เหรียญมหาปราบ,หนุมานเชิญธง
9.หลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือ พระนครศรีอยุธยานารายณ์แปลงรูป
10.หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา พระนครศรีอยุธยานะ ฉัพพัณนะรังษี
11.หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ สมุทรสงครามตะกรุดจันทร์เพ็ญ
12.หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม เบี้ยแก้
13.หลวงพ่อสุธรรม วัดเขาพระ เพชรบุรี นั่งสมาธิสายวัดปากน้ำภาษีเจริญ
14.หลวงพ่อแผว วัดตะโหนดหลวง เพชรบุรี ลูกศร
15.หลวงพ่อจ่าง วัดเขื่อนเพชร เพชรบุรี ต่อกระดูก
16.หลวงพ่อไห วัดบางทะลุ เพชรบุรี แหวนพิรอด
17.โยมเหมือน อนันตรพีระ สมุทรสงคราม ใบมะนาวรักษาโรค
18.โยมหมอเย็น คำแหง สมุทรสงคราม วิชาหลวงปู่บ่ายวัดช่องลม
19.โยมวิทย์ จันหอม สมุทรสงคราม วิชาสายหลวงปู่อ่วมวัดไทรและหลวงปู่อยู่วัดน้อย
ปัจจุบัน
พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดจุฬามณี ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ในปี พ.ศ.๒๕๓๒ จนถึงปัจจุบัน
++++++++++++++++++++++++++++
-------------------------------------
หลวงพ่อ‘พระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข’ผู้สืบสานตำนานความศักดิ์สิทธิ์แห่งอัมพวา : บุญนำพา
อัมพวา เป็นเมืองที่บริบูรณ์พร้อมด้วยพระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าเรืองเวทวิทยาคม ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอดีตหลายรูป อาทิ หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม, หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ, หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี และหลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ เป็นต้น
ถึงแม้ว่า ณ วันนี้ ท่านเหล่านั้นจะมรณภาพละสังขารกันไปหมดแล้วก็ตาม แต่ อัมพวา ก็ยังไม่สิ้นมนต์ขลัง ยังมีพระเถราจารย์ที่มากด้วยความรู้ความสามารถ เปรียบประดุจเพชรเม็ดงามที่กำลังฉายแสง ผู้สืบสานสรรพวิชาเวทวิทยาคม และความศักดิ์สิทธิ์แห่งอัมพวา ไว้ได้อย่างเข้มขลัง ท่านคือ พระครูพิศาลจริยาภิรม (พระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข) เจ้าอาวาสวัดประดู่ (พระอารามหลวง) อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
นอกจากท่านจะเป็นพระเถราจารย์ผู้เพียบพร้อมด้วยจริยาวัตรอันงดงาม, สุภาพอ่อนโยน, มีอัธยาศัยอันดีงาม และมีเมตตาต่อบุคคลทุกผู้ทุกนาม โดยไม่เลือกชั้นวรรณะแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาผู้มีความสามารถมาก มีฝีมือเชิงช่างงานศิลป์อันน่าอัศจรรย์อีกด้วย
พระครูพิศาลจริยาภิรม (พระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข) ท่านเป็นชาวสมุทรสงครามโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๘ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๐๔ ในวัยเด็กท่านมีสุขภาพไม่ค่อยดี เจ็บป่วยบ่อย ตามความเชื่อคนโบราณจะให้แก้เคล็ดโดยการให้เด็กเสี่ยงทายทรงผม ปรากฏว่าท่านเลือกไว้ผมปอยมาโดยตลอด จนกระทั่งบวชเป็นสามเณร
ในวัยเด็ก ท่านมีความปรารถนาอยากจะบวชมาก เคยปรารภกับโยมพ่อโยมแม่อยู่หลายครั้งหลายหนจนกระทั่งเรียนจบชั้น ป.๖ อายุ ๑๓ ปี ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณร พออายุครบบวชก็อุปสมบทที่วัดปัจจันตาราม จ.สมุทรสาคร
เมื่อบวชแล้วก็เข้าศึกษาพระปริยัติธรรม ที่สำนักวัดมหาธาตุฯ จ.เพชรบุรี สอบได้วิทยฐานะเปรียญธรรม ๕ ประโยค และด้วยความที่เป็นผู้ชอบศึกษาใฝ่หาความรู้ เมื่อมีโอกาสพบปะคนดีมีวิชาท่านก็ไม่รีรอที่จะขอศึกษาหาความรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์หรือฆราวาส ทำให้ท่านมีความรู้ในศาสตร์วิชาหลายแขนง เช่น ด้านโหราศาสตร์ จาก อ.สุธี พัฒนสุพงษ์, ด้านวิปัสสนากรรมฐาน จาก หลวงปู่คำ วัดดอยสุเทพ และ อ.ตา วัดเขาแก้ว สระบุรี, ด้านวิชาอาคม จาก ครูนาค, ครูสุข นายเวียน, ครูสุตา จ.ร้อยเอ็ด, อ.รวม ฯลฯ
นอกจากนี้ท่านยังเดินทางไปฝากตัวขอศึกษาวิชานะปัดตลอด จาก หลวงปู่จ่าง วัดเขื่อนเพชร, วิชาทำเบี้ยแก้ จาก หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว, วิชาเป่าทอง จาก หลวงปู่พิชัย วัดเขาหงส์, วิชาขุนทะเล จาก อ.สิงห์ วัดหนองโพธิ์ (ศิษย์หลวงพ่อบุตร วัดพรหมวิหาร) ฯลฯ
ต่อมาเมื่อท่านกลับมาอยู่ที่วัดประดู่ก็ได้รับความเมตตาจาก หลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ มอบหมายให้ช่วยงานเป็นพระเลขาฯ ของหลวงปู่หยอด ทำให้ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาทำไหม ๗ สี, ตะกรุดลูกอมโลกธาตุ, ตะกรุดมหาระงับปราบหงสา, ตะกรุดโสฬสมงคล, ตะกรุดดาวล้อมเดือน, ตะกรุดตาลยอดด้วน, ตะกรุดคู่ชีวิต ฯลฯ
นอกจากนี้ท่านยังได้ศึกษาจากตำราเก่าของหลวงปู่แจ้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ ผู้เป็นปรมาจารย์ต้นสายวิชาของอัมพวา
จึงกล่าวได้ว่า พระครูพิศาลจริยาภิรม (พระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข) เป็นผู้สืบสานวิชาสายอัมพวาอย่างเต็มตัว ดุจดังเพชรแท้ที่ผ่านการเจียระไนอย่างดีแล้ว
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
  (( พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ เนื้อผงมหามณีจินตามนต์ องค์ครู พิมพ์เล็ก ))
 
 ++ จารยันต์นะมหาเทพชุมนุม 
 
 ++ หลังฝังเหรียญใบมะขามท้าวเวสสุวรรณ เนื้อชนวน กดพิมพ์ในฤกษ์ 
 
 
 - จัดสร้างจำนวน ๑๙๙องค์
 
 - (เน้นแรง ด้านมหาลาภโภคทรัพย์)
 
 - ฝังตะกรุดเงิน
 
 
 
 พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ 
 
 หนุนด้วยมหาเวทย์ มหามนต์ แห่งองค์ ท้าวเวสสุวรรณ 
 
 จตุมหาราชิกา “พลิกดวงมหาเศรษฐี” 
 
 อุดท้าวเวสสุวรรณพิมพ์ใบมะขาม60 
 
 (( หลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี ))
 
 
 
 ประทับหลังด้วยยันต์จักรพรรดิตราธิราช 
 
 สุดยอดแห่งมหายันต์ในตำนาน
 
 ท้าวเวสสุวรรณพิมพ์ใบมะขามที่นำมาอุด 
 
 ได้รับเมตตาจากหลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี
 
 เจ้าตำรับสร้างท้าวเวสสุวรรณอันลือลั่น
 
 พลีมวลสารที่สุดในตำนานแห่งเมืองไทยที่เลื่องลือในอดีต
 
 
 
 ถึง ๑๔ ปรมาจารย์
 
 ผงวิเศษหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์
 
 ผงวิเศษเฒ่ายิ้ม วัดหนองบัว
 
 ผงพระขุนแผนพรายกุมารหลวงพ่อทิม วัดระหารไร่
 
 สีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง
 
 ผงชานหมากหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค
 
 ผงพระสมเด็จหลวงปู่จันทร์ วัดโฉลกหลำ
 
 ผงลูกอมมหากันหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
 
 ผงลูกอมดำหลวงปู่พริ๊ง วัดบางประกอก
 
 ผงพระขุนแผนเสด็จกลับหลวงปู่สุภา กนฺตสีโล
 
 ผงแป้งกระแจะเจิมหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
 
 ผงวิเศษหลวงพ่ออิฏฐ์ วัดจุฬามณี
 
 ผงวิเศษหลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่
 
 ผงช้างผสมโขลง อ.ชุม ไชยคีรี
 
 ผงนะเจ้านางออ ผงปถมัง ผงอิธิเจ 
 
 ผงมหาราช  อ.กรกฏ สุริยะสังกาศ
 
 เนื้อผงพรายช้างประสมโขลงสุดยอดแห่งความเมตตามหาเสน่ห์
 
 เนื้อผงจินดามณีมนต์ตำรับวัดกลางบางแก้วสุดยอดแห่งมหาโชคลาภวาสนา
 
 มหาเทพนพเคราะห์ผู้เป็นใหญ่ และเทพเจ้าแห่งขุมทรัพย์ ผนวกรวมเป็น ๑ 
 
 
 (( จัดสร้างครั้งแรกในเมืองไทย ))
 
 ผ่านมหาพิธีเทวาภิเษกอย่างเข้มขลังถึง 5 วาระ
 
 พิธีเทวาภิเษกครั้งสุดท้าย เมื่อ 23 มิถุนายน 2561
 
 พิธีกดพิมพ์ “ปฐมฤกษ์” พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ หนุนด้วยมหาเวทย์ มหามนต์ แห่งองค์ ท้าวเวสสุวรรณ จตุมหาราชิกา “พลิกดวงมหาเศรษฐี” 
 
ในวันเสาร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๑  (ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖) เวลา ๑๕.๓๒ น. เป็นภูมิปาโลฤกษ์ พิธีกดพิมพ์พระผงราหู ชุดนำฤกษ์ เป็น “ปฐมฤกษ์” โดย 
 
หลวงพ่ออิฏฐ์ ภทฺทจาโร วัดจุฬามณี 
 
หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข วัดประดู่พระอารามหลวง 
 
๒ พระมหาเถราจารย์แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง เมตตามาเป็นองค์ประธานกดพิมพ์ และนั่งปรกอธิษฐานจิต พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ตลอดพิธีฯ  จนถึงเวลา ๑๖.๔๕ นาฬิกา สิ้นสุดฤกษ
ณ พระวิหารเทวสถิตย์ มูลนิธิสรรพราเชนทร์ จ.นครปฐม
 
 
------------------------------------------------
 
 
คติความเชื่อเกี่ยวกับพระราหู
 
ว่าด้วยการกำเนิดของพระราหู พระราหูเป็นพญาอสูรแต่เพียงผู้เดียวที่มีความเป็นอมตะในบรรดาหมู่ อสูรทั้งหมด จึงได้รับการยกย่องจากพระพรหมให้เป็นเทพองค์หนึ่งด้วย อสูรราหูเป็นบุตรของพระ กัศยปเทพบิดรกับนางสิงหิกา แต่กลับมีร่างกายเป็นยักษ์ร้าย และยังเป็นตัวตั้งตัวตี ในการยกทัพอสูรบุกสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ของพระอินทร์ สู้รบกับเหล่าเทวดา จนไปถึงเรื่องการกวนน้ำอำมฤต 
 
บางตำนานกล่าวว่า พระราหู เป็นโอรสของพระวิประจิตติ และพระนางสิหิกา เมื่อแรกเกิดขึ้นพระราหูมีหางเป็นนาค และสถิตอยู่ในวิมานสีนิลหรือสีดำขลับโดยมีพาหนะเป็นพญาครุฑ พระราหูถือเป็นเทวะองค์ที่ 8 ในบรรดาเทพแห่งนพเคราะห์ทั้ง 9 พระองค์  และในคัมภีร์อินเดียโบราณ บันทึกว่าพระศิวะได้เนรมิตรฝูงผีโขมด 12 ตน และร่ายพระเวทย์ป่นให้ผีนั้นแหลกละเอียดเป็นผุยผงจากนั้นนำผ้าสีดำสนิทมาห่อ และประพรม ด้วยน้ำอำมฤตเสกสรรบันดาลให้กลายเป็นเทวะองค์ที่ 8 นาม “พระราหู”
 
ในตำนาน ได้กล่าวถึงพระราหู ไว้ว่า  ครั้งหนึ่งพระราหู ได้เนรมิตรกายเป็นพราหมณ์ ในการเข้าไปลักลอบร่วมดื่มน้ำอำมฤต ในคราวกวนเกษียรสมุทร พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นการกระทำของพระราหูเช่นนั้นเข้า ก็เอะอะ โวยวายขึ้น จนความทราบถึงพระนารายณ์ จึงทรงขว้างจักรอันเป็นเทพศาตราของพระองค์ จักรของพระนารายณ์ได้ตัดร่างของอสูรราหูออกเป็นสองท่อน แต่ด้วยอานุภาพแห่งน้ำอำมฤต ที่พระราหูได้ดื่มกินเข้าไปจึงทำให้ไม่ตาย ด้วยที่ถูกพระนารายณ์ทำร้ายเอาจนถึงกับร่างกายขาดกันเป็นสองท่อนนี่เอง ก็ เพราะพระอาทิตย์และพระจันทร์เป็นต้นเหตุ พระราหูจึงได้อาฆาตแค้นพระอาทิตย์และพระจันทร์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พระราหูจึงได้หาโอกาสจับพระอาทิตย์และพระจันทร์กลืนกินอยู่เรื่อยมา แต่ พระอาทิตย์และพระจันทร์ก็หลุดล่วงพ้นไปได้ในชั่วเวลาที่ไม่นานนัก ทั้งนี้ก็เพราะพระราหูมีร่างกายอยู่เพียงครึ่งท่อนเท่านั้น การจองเวรนั้นจึง ทำให้เกิดสุริยคราสและจันทรคราสขึ้นมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ฯ
 
ซึ่งตำนานนี้!! ค่อนข้างจะคุ้นหูคุ้นตากันมากที่สุด เพราะด้วยเทวปฏิมากรรมรูปพระราหู หรือเครื่องรางพระราหู ในยุคสมัยนี้ ที่จัดสร้างกันโดยส่วนมาก จะเป็นลักษณะ มีแค่ครึ่งองค์ มือทั้ง 2 ข้างทำท่าจับพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ ใส่ในปากลักษณะกลืนกิน (รูปลักษณ์ที่ว่านี้ เค้าลางน่าจะมาจากพระราหูวัดศรีษะทอง เป็นต้นเค้า เนื่องด้วย หลวงพ่อน้อย อดีตเจ้าอาวาส เป็นพระคณาจารย์ที่สร้างเครื่องรางพระราหูจากกะลาตาเดียว)
 
หลังจากที่พระนารายณ์ขว้างจักรตัดพระราหูออกเป็น 2 ท่อนแล้ว พระราหูได้ตัดพ้อว่า “การกวนน้ำอำมฤตในครั้งนี้ด้วยพระบัญชาแห่งองค์พระอิศวรให้ร่วมกันระหว่างอสูรและเทพเพื่อที่จะได้น้ำอำมฤตไว้แบ่งกันกิน ทำไมพระนารายณ์จึงมาทำร้ายเรา” ด้วยประโยคนี้ ทำให้พระนารายณ์เจ้าได้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในการทำร้ายเทพพระราหู จึงได้ให้พรประสิทธิให้ร่างที่ตัดขาดกลับมาต่อกันดุจเดิม แล้วให้ “ครุฑ”ซึ่งเป็นพาหนะทรงมาเป็นพาหนะทรงแห่งเทพพระราหู และให้พระราหู ทรงช่วยปัดเป่าเภทภัยให้แก่บรรดามนุษย์ อรรถกถาจารย์ ในยุคหลังๆ ที่ทราบถึงคตินี้ จึงนิยม บูชาพระราหูที่ทรงครุฑเป็นพาหนะ เพราะถือเคล็ดที่ว่า พระราหูปางนี้ได้รับพรจากพระนารายณ์ให้มาช่วยบรรดามนุษย์  และทรงพาหนะอันมีมหาอำนาจคือ “ครุฑ” เป็นปางสำเร็จและเป็นมงคลที่สุด 
 
--------------------------
 
การจัดสร้างพระอสุรินราหูทรงครุฑ นั้น ทางอาจารย์ผู้สร้าง ได้ยึดถือตามตำนานแต่เบื้องโบราณและยึดถือคติตามแบบเทพยดานพเคราะห์ของไทย ที่แต่ละพระองค์ทรงพาหนะต่างๆกัน อาทิ พระอาทิตย์ ทรงราชสีห์ พระจันทร์ทรงม้า เป็นต้น  ที่จารึกอยู่ในสมุดไทย หมวดตำราภาพเทวรูปไสยาศาสตร์ เล่มที่ 70 สำนักหอสมุดแห่งชาติ ที่สันนิษฐานว่า เป็นรูปแบบของเจ้าฟ้าอิศราพงศ์ และคล้ายคลึงกับภาพจิตรกรรมเทพบนบานประตูหน้าต่างด้านใน ของพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ที่เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ทรงร่วมในการควบคุมการก่อสร้างเช่นกัน และนอกจากที่กล่าวมาทั้ง 2 กระแสนี้แล้ว ยังอ้างอิงถึงเนื้อหาในโองการของโหรฯ ใช้ประกาศบูชาเทพยดานพเคราะห์ ทั้ง 9 พระองค์ ที่คาดว่ามีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 หรือเก่ากว่านั้น โดยคำประกาศโองการบูชาพระราหูนั้น ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า “พระราหูอสุเรศ เรืองมหิทธิเดชจบขจร พรรณกังสาภรณ์อลังการ์ เลอเมฆาเป็นทิพย์อาสน์ ยังครุฑราชพาหนะ จวบจนเทพบริวาร”
        
แม้แต่ในทางพระพุทธศาสนา ได้ยังได้บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก กล่าวว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงพยากรณ์ พระราหูจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านามว่า พระนารทพุทธเจ้า นับเป็นองค์ที่ห้าถัดจากพระศรีอาริยเมตไตรพุทธเจ้า จากคติดังกล่าวนี้จึงถือว่าพระราหูนั้นมีฐานะเป็นพระโพธิสัตว์ และเป็นหน่อเนื้อพระพุทธางกูรแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระราหูเป็นพระโพธิสัตว์ที่รูปกายน่ากลัว และเป็นพระโพธิสัตว์ที่เกิดขึ้นในแดนอสูร ทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา ให้พรคนดี ย่ำยีคนชั่ว บำเพ็ญบารมีสร้างภพชาติเพื่อสืบพระพุทธวงศ์มิให้สิ้นสูญ โปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นมหาบารมีมหาปณิธานอันยิ่งใหญ่ สมควรที่จะได้รับการกราบไหว้บูชาเช่นเทพยเจ้าองค์อื่นๆ 
 
ฉะนั้นการได้บูชาพระราหูเสมือนได้บูชาพระพุทธเจ้าในอนาคต ทรงพระนามว่า “พระนารทะพระพุทธเจ้า” ซึ่งเป็นมงคลอย่างยิ่งในชีวิต
 
สุดยอดมวลสารสุดพิสดาร  ที่สุดในตำนานแห่งเมืองไทยในอดีต ถึง ๑๔ ปรมาจารย์ สุดยอดแห่งความเมตตามหาเสน่ห์ สุดยอดแห่งมหาโชคลาภวาสนา  สุดยอดแห่งคุ้มกันภัยหนุนดวงชะตา
 
สู่เทวปฏิมา พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ หนุนด้วยมหาเวทย์ มหามนต์ แห่งองค์ ท้าวเวสสุวรรณ จตุมหาราชิกา “พลิกดวงมหาเศรษฐี”
 
มหาเทพนพเคราะห์ผู้เป็นใหญ่ และเทพเจ้าแห่งขุมทรัพย์  ผนวกรวมเป็น ๑ จัดสร้างครั้งแรกในเมืองไทย
 
-------------------------------------------
 
ท้าวเวสสุวรรณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์ หรือเป็นเจ้าแห่งผีเรียกง่ายๆว่า นายผี
กล่าวได้ว่า วัดสุทัศเทพวนาราม มีพระอุโบสถที่ศักดิ์สิทธิ์ตามศาสตร์ที่ตั้งและการก่อสร้างมีอายุมากถึง 2 ทศตวรรษเป็นพุทธสถานที่เหมาะแก่การเจริญจิตภาวนารวมทั้งจัดพิธีพุทธาภิเษกให้เกิดความเข้มขลังในพระเครื่องวัตถุมงคลทั้งหลายขนาดสมเด็จพระสังฆราช แพ พระผู้สร้างตำนานพระกริ่งแห่งเมืองสยามยังรับรองถึงความศักดิ์สิทธิ์แห่งพระอุโบสถแห่งนี้ด้วยท่านเอง
 
การจัดสร้างวุตถุมงคลรุ่น 'เทพสถิตย์'ในครั้งนั้นทางวัดสุทัศมีกำหนดให้มีพิธี พุทธาภิเษก จำนวน 2 ครั้งมีพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์ และ พระภาวนาจารย์ทรงภูมิจิตและภูมิธรรมนั่งปรกปรุกเสกเทียนนพเคราะห์และวัตถุมงคลทางวัดสุทัศน์ได้นิมนต์หลวงปู่สิงห์ คมภีธโร เจ้าอาวาสวัดบ้านศรีสุข ศิษย์เอกร่วมอาจารย์เดียวกันกับหลวงปู่วรพตวิธาน ต้นตำหรับยันต์หมวกเหล็กอันเลื่องลือมานั่งปรกอธิฐานจิตเทียนนพเคราะห์พร้อมทั้งปลุกเสกวุตถุมงคลอีกครั้งจึงมั้นใจเป็นอย่างดีว่าพระชุด 'เทพสถิตย์'นี้มีความเข้มขลังศักสิทธิ์และมีเทพยดาคอยประสิทธิ์คุ้มครองตามคำครูบาอาจารย์ที่รับรองมาแต้ครั้งอดีต ซึ่งหนึ่งในนั้นยังมีหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ที่รับรองถึงความศักดิ์สิทธิ์แห่งวัตถุมงคลที่ปลุกเสกให้สำเร็จ
 
ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ดูแลปกป้องคุ้มครอง ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นนายผี กันผี ปีศาจ อมนุต สิ่งอัปมงคล เป็นต้น
ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ ผู้ใดหวังคุ้มภัย ให้บูชา กันผี ปีศาจ อมนุต สิ่งอัปมงคล ให้กล่าวคำขอบารมีคุ้มภัยไล่สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง
 
คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ
ตั้ง นะโม 3 จบ
อิติปิโส ภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ มะระณัง สุขัง อะหัง สุคะโต นะโม พุทธายะ ท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมะหาราชิกา ยักขะพันตาภัทภูริโต เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโม พุทธายะ (3จบ หรือ 5จบ หรือ 9จบ)
 
 
 
**************************
 
“ท้าวเวสสุวรรณ” วัดจุฬามณี เป็นที่แรกๆ เพราะตำนาน การสร้าง ท้าวเวสสุวรรณ วัดจุฬามณีนั้นแตกต่างจากที่อื่น เนื่องด้วยพระอาจารย์อิฏฐ์ เจ้าอาวาสปัจจุบันของวัดฯ ได้ฝันเห็น “ท้าวเวสสุวรรณ” ในนิมิตนั้นองค์ท่านได้พาพระอาจารย์อิฏฐ์ไปเที่ยวชมยมโลกจนทั่ว พระอาจารย์อิฏฐ์จึงตั้งอธิษฐานเป็นสัจจะวาจาไว้ว่า ถ้ากลับไปในโลกมนุษย์ครั้งนี้จะทำการตั้งรูปปั้น “ท้าวเวสสุวรรณ” ไว้กลางวัดเสมือนเป็นการขอบคุณและการให้ความเคารพแก่ท่าน ในนิมิตพระอาจารย์อิฏฐ์ก็ ได้บอกความประสงค์นี้แก่ท่าน “ท้าวเวสสุวรรณ” ไป ท่านจึงบอกกลับมาว่า หากจะปั้นฉันจะต้องไปตามช่างปั้นท่านหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดเพชรบุรี ต้องให้ช่างผู้นี้เป็นผู้ปั้นเท่านั้น และนั่นจึงกลายเป็นตำนานที่มา ที่ทำให้ “ท้าวเวสสุวรรณ” แห่ง “วัดจุฬามณี”ได้รับแรงศรัทธาจากผู้คนล้นหลาม กลิ่นธูปควันเทียนและเสียงสวด คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ จากคนทั่วทุกสารทิศจึงมาอบอวลอยู่ที่วัดจุฬามณีแห่งนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน


꧁༻((ท่านได้ที่รู้สึกว่าดวงไม่ดี ปีเคราะห์ ปีชง แนะนำให้บูชาไว้เพื่อเสริมดวง))) ༺꧂

 

♦️ตามตำราโบราณมหาทักษา เชื่อว่าเมื่อบุคคลใดก็ตามถูกพระราหูเสวยอายุหรือพระราหูแทรก ในช่วงเวลานั้นจะเกิดความรุ่มร้อนมีเคราะห์ต่างๆ

เพราะพระราหูนั้นเป็นเทพอสูรเป็นความบาปเคราะห์ แม้ยามที่พระราหูจะจรพ้นการเสวยอายุหรือแทรกอายุไป ก็ยังแผลงฤทธิ์ตอนเข้าหรือตอนออกด้วย

ในทักษาจึงกำหนดไว้ว่า เมื่อพระราหูเสวยอายุหรือแทรก จะต้องทำพิธีต้อนรับพระราหูและตอนที่พระราหูจรออกต้องทำพิธีส่งพระราหู

หาไม่แล้วจะเดือดร้อนจนไม่อาจประคองตัวได้ถึงกับล้มละลายหรือประสบกับพิบัติต่างๆ กับตัวเองหรือบุคคลรอบข้างได้

 

♦️แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่บุพราจารย์โบราณใช้บรรเทาฤทธิ์ของราหูได้เป็นอย่างดี คือ

คือการสร้างเครื่องรางพระราหู ให้ผู้ที่ถูกกำลังราหูแทรกในชะตาไว้บูชาติดตัว

เพื่อบรรเทาลดกำลังบั่นทอนดวงชะตาของพระราหู ให้รอดพ้นเคราะห์ พ้นภัย พ้นจากความเดือดร้อนต่างๆ

ผู้ใดมีไว้บูชาทั้งยังเสริมดวงชะตาราศี หนุนดวง เสริมชะตาชีวิต นำพาโชคลาภ เงินทอง ความสำเร็จในชีวิตเข้ามาสู้ผู้บูชา

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
'หลวงพ่ออิฐ' วัดจุฬามณี ผู้สร้างตำนานท้าวเวสสุวรรณ
 
หลวงพ่ออิฏฐ์  ภทฺจาโร นาม พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ สมโภชน์ ฉายา ภทฺทจาโร สถานะเดิม  ชื่อสมโภชน์ นามสกุล อมรรัตนบดี  เกิด  วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๙๙ บิดาชื่อ นายพจน์ น้อยมา มารดาชื่อ นางประนอม ฮะประสาน เกิดที่บ้านเลขที่ ๗๘ ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม บรรพชา วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๔ ณ วัดบางกะพ้อม ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๐ ณ. วัดจุฬามณี ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม นามพระอุปัชฌาย์  พระครูโกวิทสมุทรคุณ วัดจุฬามณี นามพระกรรมวาจาจารย์ พระครูสมุทรบรรณวัฒน์ วัดเจริญสุขาราม พระอนุสาวนาจารย์ พระครูสมุทรสารโสภณ วัดบางกะพ้อม
 
การศึกษาวิชาจากคณาจารย์ 
 
1 .หลวงปู่สาย วัดหนองสองห้อง สมุทรสาคร ยันต์นกคุ้มกันไฟ
 
2.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร ยันต์ตรีนิสิงเห
 
3.หลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง สมุทรสงคราม เจิมเรือ
 
4.หลวงปู่ขวัญ วัดโพธิดก ราชบุรี ตะกรุดพระเจ้า 16 พระองค์
 
5.หลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆสิตาราม สมุทรสงคราม
 
6.หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคร
 
7.หลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ สมุทรสงคราม ไหม 5 สี,ตะกรุดโลกธาตุ
 
8.หลวงพ่อพิน วัดอุบลวรรณาราม ราชบุรี เหรียญมหาปราบ,หนุมานเชิญธง
 
9.หลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือ พระนครศรีอยุธยานารายณ์แปลงรูป
 
10.หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา พระนครศรีอยุธยานะ ฉัพพัณนะรังษี
 
11.หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ สมุทรสงครามตะกรุดจันทร์เพ็ญ
 
12.หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม เบี้ยแก้
 
13.หลวงพ่อสุธรรม วัดเขาพระ เพชรบุรี นั่งสมาธิสายวัดปากน้ำภาษีเจริญ
 
14.หลวงพ่อแผว วัดตะโหนดหลวง เพชรบุรี ลูกศร
 
15.หลวงพ่อจ่าง วัดเขื่อนเพชร เพชรบุรี ต่อกระดูก
 
16.หลวงพ่อไห วัดบางทะลุ เพชรบุรี แหวนพิรอด
 
17.โยมเหมือน อนันตรพีระ สมุทรสงคราม ใบมะนาวรักษาโรค
 
18.โยมหมอเย็น คำแหง สมุทรสงคราม วิชาหลวงปู่บ่ายวัดช่องลม
 
19.โยมวิทย์ จันหอม สมุทรสงคราม วิชาสายหลวงปู่อ่วมวัดไทรและหลวงปู่อยู่วัดน้อย
 
ปัจจุบัน 
 
พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดจุฬามณี ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม  ในปี พ.ศ.๒๕๓๒ จนถึงปัจจุบัน
 
++++++++++++++++++++++++++++
-------------------------------------
 
 
หลวงพ่อ‘พระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข’ผู้สืบสานตำนานความศักดิ์สิทธิ์แห่งอัมพวา : บุญนำพา
             อัมพวา เป็นเมืองที่บริบูรณ์พร้อมด้วยพระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าเรืองเวทวิทยาคม ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอดีตหลายรูป อาทิ หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม, หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ, หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี และหลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ เป็นต้น
 
             ถึงแม้ว่า ณ วันนี้ ท่านเหล่านั้นจะมรณภาพละสังขารกันไปหมดแล้วก็ตาม แต่ อัมพวา ก็ยังไม่สิ้นมนต์ขลัง ยังมีพระเถราจารย์ที่มากด้วยความรู้ความสามารถ เปรียบประดุจเพชรเม็ดงามที่กำลังฉายแสง ผู้สืบสานสรรพวิชาเวทวิทยาคม และความศักดิ์สิทธิ์แห่งอัมพวา ไว้ได้อย่างเข้มขลัง ท่านคือ พระครูพิศาลจริยาภิรม (พระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข) เจ้าอาวาสวัดประดู่ (พระอารามหลวง) อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
 
             นอกจากท่านจะเป็นพระเถราจารย์ผู้เพียบพร้อมด้วยจริยาวัตรอันงดงาม, สุภาพอ่อนโยน, มีอัธยาศัยอันดีงาม และมีเมตตาต่อบุคคลทุกผู้ทุกนาม โดยไม่เลือกชั้นวรรณะแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาผู้มีความสามารถมาก มีฝีมือเชิงช่างงานศิลป์อันน่าอัศจรรย์อีกด้วย
 
             พระครูพิศาลจริยาภิรม (พระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข) ท่านเป็นชาวสมุทรสงครามโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๘ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๐๔ ในวัยเด็กท่านมีสุขภาพไม่ค่อยดี เจ็บป่วยบ่อย ตามความเชื่อคนโบราณจะให้แก้เคล็ดโดยการให้เด็กเสี่ยงทายทรงผม ปรากฏว่าท่านเลือกไว้ผมปอยมาโดยตลอด จนกระทั่งบวชเป็นสามเณร
 
             ในวัยเด็ก ท่านมีความปรารถนาอยากจะบวชมาก เคยปรารภกับโยมพ่อโยมแม่อยู่หลายครั้งหลายหนจนกระทั่งเรียนจบชั้น ป.๖ อายุ ๑๓ ปี ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณร พออายุครบบวชก็อุปสมบทที่วัดปัจจันตาราม จ.สมุทรสาคร
 
             เมื่อบวชแล้วก็เข้าศึกษาพระปริยัติธรรม ที่สำนักวัดมหาธาตุฯ จ.เพชรบุรี สอบได้วิทยฐานะเปรียญธรรม ๕ ประโยค และด้วยความที่เป็นผู้ชอบศึกษาใฝ่หาความรู้ เมื่อมีโอกาสพบปะคนดีมีวิชาท่านก็ไม่รีรอที่จะขอศึกษาหาความรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์หรือฆราวาส ทำให้ท่านมีความรู้ในศาสตร์วิชาหลายแขนง เช่น ด้านโหราศาสตร์ จาก อ.สุธี พัฒนสุพงษ์, ด้านวิปัสสนากรรมฐาน จาก หลวงปู่คำ วัดดอยสุเทพ และ อ.ตา วัดเขาแก้ว สระบุรี, ด้านวิชาอาคม จาก ครูนาค, ครูสุข นายเวียน, ครูสุตา จ.ร้อยเอ็ด, อ.รวม ฯลฯ
 
             นอกจากนี้ท่านยังเดินทางไปฝากตัวขอศึกษาวิชานะปัดตลอด จาก หลวงปู่จ่าง วัดเขื่อนเพชร, วิชาทำเบี้ยแก้ จาก หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว, วิชาเป่าทอง จาก หลวงปู่พิชัย วัดเขาหงส์, วิชาขุนทะเล จาก อ.สิงห์ วัดหนองโพธิ์ (ศิษย์หลวงพ่อบุตร วัดพรหมวิหาร) ฯลฯ
 
             ต่อมาเมื่อท่านกลับมาอยู่ที่วัดประดู่ก็ได้รับความเมตตาจาก หลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ มอบหมายให้ช่วยงานเป็นพระเลขาฯ ของหลวงปู่หยอด ทำให้ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาทำไหม ๗ สี, ตะกรุดลูกอมโลกธาตุ, ตะกรุดมหาระงับปราบหงสา, ตะกรุดโสฬสมงคล, ตะกรุดดาวล้อมเดือน, ตะกรุดตาลยอดด้วน, ตะกรุดคู่ชีวิต ฯลฯ
 
             นอกจากนี้ท่านยังได้ศึกษาจากตำราเก่าของหลวงปู่แจ้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ ผู้เป็นปรมาจารย์ต้นสายวิชาของอัมพวา
 
             จึงกล่าวได้ว่า พระครูพิศาลจริยาภิรม (พระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข) เป็นผู้สืบสานวิชาสายอัมพวาอย่างเต็มตัว ดุจดังเพชรแท้ที่ผ่านการเจียระไนอย่างดีแล้ว
 
พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ รุ่นพลิกดวงมหาเศรษฐี เนื้อผงมหามณีจินตามนต์ องค์ครู พิมพ์เล็ก ตะกรุดเงิน ฝังท้าวเวสสุวรรณ
พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ รุ่นพลิกดวงมหาเศรษฐี เนื้อผงมหามณีจินตามนต์ องค์ครู พิมพ์เล็ก ตะกรุดเงิน ฝังท้าวเวสสุวรรณ
พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ รุ่นพลิกดวงมหาเศรษฐี เนื้อผงมหามณีจินตามนต์ องค์ครู พิมพ์เล็ก ตะกรุดเงิน ฝังท้าวเวสสุวรรณ
พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ รุ่นพลิกดวงมหาเศรษฐี เนื้อผงมหามณีจินตามนต์ องค์ครู พิมพ์เล็ก ตะกรุดเงิน ฝังท้าวเวสสุวรรณ
พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ รุ่นพลิกดวงมหาเศรษฐี เนื้อผงมหามณีจินตามนต์ องค์ครู พิมพ์เล็ก ตะกรุดเงิน ฝังท้าวเวสสุวรรณ
พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ รุ่นพลิกดวงมหาเศรษฐี เนื้อผงมหามณีจินตามนต์ องค์ครู พิมพ์เล็ก ตะกรุดเงิน ฝังท้าวเวสสุวรรณ
พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ รุ่นพลิกดวงมหาเศรษฐี เนื้อผงมหามณีจินตามนต์ องค์ครู พิมพ์เล็ก ตะกรุดเงิน ฝังท้าวเวสสุวรรณ
พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ รุ่นพลิกดวงมหาเศรษฐี เนื้อผงมหามณีจินตามนต์ องค์ครู พิมพ์เล็ก ตะกรุดเงิน ฝังท้าวเวสสุวรรณ
พระผงเทพพระอสุรินทราหูทรงครุฑจ้าวทรัพย์ รุ่นพลิกดวงมหาเศรษฐี เนื้อผงมหามณีจินตามนต์ องค์ครู พิมพ์เล็ก ตะกรุดเงิน ฝังท้าวเวสสุวรรณ
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาหน้าโรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านธัญทิพย์ อมูเลท
ธัญทิพย์ อมูเลท
บริการให้เช่า พระเครื่อง และเครื่องรางของมงคล ทั่วไทย
เบอร์โทร : 0629966394
อีเมล : thanyatip4289@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม