จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
{{ sub_option.name }} | - ไม่มีตัวเลือก - |
|
คงเหลือ | 7 ชิ้น | |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
||
|
||
คุยกับร้านค้า | ||
{{ size_chart_name }} |
|
|
หมวดหมู่ | พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พระสมเด็จ พระพุทธ | |
สภาพ | สินค้าใหม่ | |
เพิ่มเติม | ||
สภาพ | สินค้ามือสอง | |
เกรด | ||
สถานะสินค้า | ||
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | ||
เข้าร่วมโปรโมชั่น | ||
ไฮไลท์ |
พระสมเด็จ ทรงไก่หางพวง หลวงพ่อสมนึก วัดหรงบน จ.นครศรีธรรมราช ปี 2538
พระสมเด็จ พิมพ์ทรงไก่ มีดีทางการทำมาค้าขาย และเมตตามหานิยม โดยคนโบราณสังเกตจากพฤติกรรมของไก่มาประกอบ เปรียบเทียบไก่ฝูงหนึ่ง มักมีตัวผู้เป็นจ่าฝูงเพียงตัวเดียว แต่มีตัวเมียล้อมรอบนับสิบ
พระพิมพ์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
จัดสร้างโดยหลวงพ่อสมนึก ฉันทธัมโม (พระครูพิทักษ์อินทมุนี) เจ้าอาวาสวัดหรงบนรูปปัจจุบัน
ใช้สูตรเนื้อว่านซึ่งเป็นความชำนาญของพระเกจิอาจารย์สายใต้มานาน
ผสมกับผงยันต์เกราะเพชรที่ได้จากการลบผงยันต์หลังทำพิธีเป่ายันต์ของทุกปีมาเป็นส่วนผสมและผงแร่
ผงธาตุเจดีย์ ผงพระกรุต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวม ๆ แล้วประมาณ 400 ชนิด
นำเอาผงทั้งหมดคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน พิมพ์เป็นพระพิมพ์ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
สร้างตั้งแต่ วันที่ 5 ธันวาคม ปี 2538 เข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรของวัดหรงบนและปลุกเสกโดยหลวงพ่อสมนึก เสร็จแล้วจึงจะนำมาแจกในโอกาศต่าง ๆ ของวัด
คาถาประจำองค์พระ ( ภะ สัม สัม วิ สะเทภะ)
วิธีการใช้พระพิมพ์สมเด็จหลวงปู่ป่าน วัดบางนมโค เนื้อว่าน
1.ถูกสัตว์มีพิษกัด ต่อย เช่น งู ตะขาบ ฯลฯ ให้อาราธนาพระจุ่มกับน้ำมะนาวแล้วนำมาแปะที่บาดแผลพระดูดพิษจนหมด เมื่อหายแล้วเอาพระแช่น้ำสักพักหนึ่งจึงเก็บไว้
2.ก้างติดคอ ถูกคุณไสย์ ผีเข้าสิง ให้ทำน้ำมนต์ โดยนำพระแช่น้ำแล้วอธฐานจิตถึงหลวงปู่ปาน แล้วนำมนต์ให้ผู้ป่วยกลั่นหายใจดื่ม ผู้ป่วยจะอาเจียรออกมาจนกว่าจะอาเจียรหมด
3.หากถูกพิษยาสั่งให้อาธนาพระลงแช่น้ำมะพร้าวหรือน้ำข้าวสาร แล้วให้ผู้ป่วยกลั้นหายใจดื่มจนกว่าจะอาเจียรออกมาหมด
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
พระสมเด็จ ทรงไก่หางพวง หลวงพ่อสมนึก วัดหรงบน จ.นครศรีธรรมราช ปี 2538
พระสมเด็จ พิมพ์ทรงไก่ มีดีทางการทำมาค้าขาย และเมตตามหานิยม โดยคนโบราณสังเกตจากพฤติกรรมของไก่มาประกอบ เปรียบเทียบไก่ฝูงหนึ่ง มักมีตัวผู้เป็นจ่าฝูงเพียงตัวเดียว แต่มีตัวเมียล้อมรอบนับสิบ
พระพิมพ์หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
จัดสร้างโดยหลวงพ่อสมนึก ฉันทธัมโม (พระครูพิทักษ์อินทมุนี) เจ้าอาวาสวัดหรงบนรูปปัจจุบัน
ใช้สูตรเนื้อว่านซึ่งเป็นความชำนาญของพระเกจิอาจารย์สายใต้มานาน
ผสมกับผงยันต์เกราะเพชรที่ได้จากการลบผงยันต์หลังทำพิธีเป่ายันต์ของทุกปีมาเป็นส่วนผสมและผงแร่
ผงธาตุเจดีย์ ผงพระกรุต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวม ๆ แล้วประมาณ 400 ชนิด
นำเอาผงทั้งหมดคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน พิมพ์เป็นพระพิมพ์ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
สร้างตั้งแต่ วันที่ 5 ธันวาคม ปี 2538 เข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรของวัดหรงบนและปลุกเสกโดยหลวงพ่อสมนึก เสร็จแล้วจึงจะนำมาแจกในโอกาศต่าง ๆ ของวัด
คาถาประจำองค์พระ ( ภะ สัม สัม วิ สะเทภะ)
วิธีการใช้พระพิมพ์สมเด็จหลวงปู่ป่าน วัดบางนมโค เนื้อว่าน
1.ถูกสัตว์มีพิษกัด ต่อย เช่น งู ตะขาบ ฯลฯ ให้อาราธนาพระจุ่มกับน้ำมะนาวแล้วนำมาแปะที่บาดแผลพระดูดพิษจนหมด เมื่อหายแล้วเอาพระแช่น้ำสักพักหนึ่งจึงเก็บไว้
2.ก้างติดคอ ถูกคุณไสย์ ผีเข้าสิง ให้ทำน้ำมนต์ โดยนำพระแช่น้ำแล้วอธฐานจิตถึงหลวงปู่ปาน แล้วนำมนต์ให้ผู้ป่วยกลั่นหายใจดื่ม ผู้ป่วยจะอาเจียรออกมาจนกว่าจะอาเจียรหมด
3.หากถูกพิษยาสั่งให้อาธนาพระลงแช่น้ำมะพร้าวหรือน้ำข้าวสาร แล้วให้ผู้ป่วยกลั้นหายใจดื่มจนกว่าจะอาเจียรออกมาหมด
***************************************
****ผลตรวจพลังพระสมเด็จ ทรงไก่หางพวง หลวงพ่อสมนึก วัดหรงบน โดยอาจารย์ผู้รู้ โดยใช้ จิตสัมผัส + ไพ่ครู ความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ
กระแสพลัง =หนักแน่น มันคง หนุนมีกำลังสูงสูง
จิต/จุดเด่น = มหาอำนาจวาสนาบารมี สง่าราศรี เมตตามหานิยม มหา
เสน่ห์ โชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ เพิ่มความสุข ความสำเร็จ เร่งลาภ แก้ไข
อุปสรรค สติปัญญา พลิก,หนุนดวง ปกป้องคุ้มครอง มหาปราบ เปรต อสูร
มาร ผีร้าย คุณไสย มนต์ดำ กดข่มและทำลายอาถรรพ์ คุณไสยฯ ทำลาย
ป้องกันโรคภัย ภัยพิบัติ มหาสะท้อน แคล้วคลาด คงกระพัน
พลัง/วิชา =อำนาจวาสนาบารมี สง่าราศี ผิวพรรณผ่องใส สว่างออร่า มหาสิริมงคลความสำเร็จ หนุนชะตา มี
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้อง คุ้มครองตลอดเวลา แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวงฯ โชคลากอย่างอัศจรรย์ โภคทรัพย์
เจริญรุ่งรือง ร่ำรวย เพิ่มพลังใจพลังชีวิตให้เกิดความเชื่อมั่น อธิษฐานบารมี แก้วสารพัดนึก เทพทวารักษา
ผลของผู้ไช้ = วาสนาบารมี สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ผิวพรรณผ่องใส สง่าราศรี เมตตตามหานิยม มหา
เสน่ห์ ทางคำพูด พูดแล้วคนฟังได้ยิน หลงไหลคล้อยตาม ทำงานกิจการค้าขายดี มีผลพลอยได้ มีผู้ให้ความสนใจ
อยากใกล้ชิดรู้จัก คุ้มครอง แคล้วคลาด โชคลาภ โภคทรัพย์ เจริญรุ่งเรื่อง หนุนดวง(เสน่ห์เมตตาคำพูด,สติปัญญา)
สรุปผลโดยรวม
พลังเสกดุดัน อัดแน่น เสถียร เสกเต็มกำลังสูง เสกเป็นแก้วสารพัดนึก ร่วมกระแสพลังบุญกุศล มีเทพเทวาที่มี
ฤทธานภาพ ดูแลรักษา เพิ่มความเป็นสิริมงคล ช่วยคุ้มครองป้องกัน ผีร้าย คุณไสยมนต์ดำ ลมเพลมพัด
ทำลายอาถรรพ์สิงอัปมงคลทั้งปวง พ่วงมหาสะท้อน ย้อนกลับคืนสนอง ศัตรแพ้ภัยไปเอง แคล้วคลาดคงกระพัน
เมื่อยามสุดวิสัย เพิ่มพลังชีวิต พละกำลัง จิตใจหนักแน่นมันคง ทำกิจการงานใดไม่อ่อนเพลียง่าย กระแสพลัง
บุญ พลังงานบวกเข้าธาต ช่วยคลายทุกข์ภายในจิตใจ ควบคมอารมณ์ความใจร้อนได้ดีขึ้น เปลี่ยนอุปสรรคให้
เป็นพลังเพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ เสริมวาสนาบารมีเพิ่มพูนตลอดเวลา แขวนติดตัวนานๆจะยิ่งทำให้
ผิวพรรณผ่องใส อ่อนกว่าอายุ สง่าราศรี สว่างออร่าออกทางผิวกาย เป็นที่สนใจ เมตตตาแก่ผู้พบเห็น ติดต่อทำ
การค้าให้ผลดีมีกำไร ลูกค้ากลับมาชื่อชายต่อเนื่อง มีเข้นส์จิตสัมผัส ลางสังหรณ์ เตือนภัย เทพเทวาดลจิตดลใจ
อัมชู เลี้ยงตให้มีกินมีใช้ หนุนดวงชะตาชีวิตให้สขสว่างตลอดเวลา และทำให้มีโอกาสได้ไขคลาภอย่างอัศจรรรย์
ในรูปแบบเสี่ยงโชค หวย ล็อตเตอรี่ เร่งโชคเร่งลาภ ให้เกิดเร็วขึ้น (ต้องหมั่นทำบุญบ่อย) เจริญโภคทรัพย์
เจริญรุ่งเรืองในทุกอาชีพ ก้าวหน้ามันคง เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ทรัพย์สินเงินทอง ไม่ใช้มิขาดมือไม่ชาดสาย
หมั่นพกติดตัวขอพรเป็นประจำให้ผลดีเหมือนแก้วสารพัดนึก
-----------------------------------------------------------------
ประวัติหลวงพ่อสมนึก วัดหรงบน จ.นครศรีธรรมราช
ชาตภูมิ
เดิมชื่อ สมนึก พุ่มนก เกิดเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๙ ตรงกับ วันอังคาร แรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีวอก บิดาชื่อ คลิ้ง พุ่มนก มารดาชื่อ พั้ว พุ่มนก ภูมิเลาเนาเดิมอยู่ที่อำเภอ หาดใหญ่ จังหวัด สงขลา เรียนจบชั้นประถม๖ที่โรงเรียนวัดคอหงษ์ อำเภอหาดใหญ่ เรียนจบชั้น มศ.๖ที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยา เรียนจบชั้น ปวส.ที่โรงเรียนหาดใหญ่พานิชการ หลังจากเรียนจบก็ได้ไปทำงานกับญาติที่อำเภอธารโต ตำบลสุครินทร์ อยู่พักนึงจนกระทั่งมีญาติผู้ใหญ่เสียชีวิตลงที่อำเภอหาดใหญ่ จึงได้กลับไปบ้านเกิดที่อำเภอหาดใหญ่และได้อุปสมบทอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติที่เสียชีวิตลง
อุปสมบท
หลวงพ่อสมนึก อุปสมบทที่พัทธสีมาวัดหงษ์ประดิษฐาราม(คอหงษ์)อำเภอหาดใหญ่ จังหวัด สงขลา เมื่ออายุได้๒๔ปี วันที่ ๒๔ กุมภาพันธุ์ พ.ศ.๒๕๒๓ โดยมี พระปริยัติวรานุกูล อดีตเจ้าอาวาสวัดหงษ์ประดิษฐาราม(คอหงษ์)เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาเชือน สนฺตจิตฺโต วัดหงษ์ประดิษฐาราม(คอหงษ์) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า ฉนฺทธมฺโม ผู้มีความพอใจเป็นปกติ หลังอุปสมบทแล้วก็เกิดศรัธาอยากจะอยู่เป็นพระศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านำมาประพฤติปฏิบัติสั่งสอนสืบทอดพระศาสนาต่อไปจึงได้อยู่วัดหงษ์ประดิษฐาราม(คอหงษ์)เพื่อศึกษาหาความรู้จากพระอุปัชฌาย์และครูบาอาจารย์จนกระทั่งเรียนจบนักธรรมชั้นเอกที่วัดหงษ์ประดิษฐารามเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๖ อายุได้๒๖ปี พรรษาที่๓ นับว่าท่านเรียนได้ปีละชั้น หลังจากจบนักธรรมชั้นเอกแล้ว ท่านก็ช่วยสอนพระภิกษุสามเณรในสำนักเรียนวัดหงษ์ประดิษฐาราม(คอหงษ์)ต่อ และยังรับงานเป็นพระเลขานุการของพระปริยัติวรานุกูลพระอุปัชฌาย์ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอหาดใหญ่ในขณะนั้น
หลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม มีนิสัยเป็นผู้มีเมตตาสูงจึงเป็นที่รักใคร่ของพระภิกษุสามเณรในระหว่างนั้นท่านเหนื่อยมากเพราะมีหน้าที่มากและพระภิกษุสามเณรในความรับผิดชอบก็หลายรูป เมื่อออกพรรษาแล้วท่านก็มักหลีกออกไปธุดงค์ตามป่าเขาเลาเนาไพรเพื่อปลีกวิเวกเจริญสมณธรรมกรรมมัฏฐานสมถะวิปัสสนาขจัดกิเลสตัณหาเพื่อความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ในบางครั้งท่านก็ไปคนเดียวเที่ยวไปในป่าแถบจังหวัดสงขลา สตูล พัทลุง บางครั้งท่านก็ธุดงค์ไปกับพระสหธรรมิกเช่น พระอาจารย์เจริญ(เขียว) วัดโพธิ์เจริญ อำเภอรางู จังหวัดสตูล และอีก๒-๓รูป
รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหรงบน
เมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๓ หลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม ได้ไปร่วมพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดโคกสมานคุณ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัด สงขลา โดยพระครูสมานคุณากรณ์(พ่อท่านจันทร์ จนฺทวํโส)และได้พบกับคุณณรงค์ เลติกุล ศิษย์ หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัด นครปฐม ซึ่งเป็นหลานหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้ถ่ายทอดวิชายันต์เกราะเพชรให้พระครูสมานคุณากรณ์(พ่อท่านจันทร์ จนฺทวํโส) คุณณรงค์ เลติกุล จึงได้นิมนต์หลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม ให้มาอยู่วัดหรงบนเพราะวัดหรงบนขณะนั้นไม่มีพระภิกษุที่มีความสามารถมีแต่หลวงตาชราๆอยู่เฝ้าวัดเท่านั้น กุฏิวิหารก็เก่าทรุดโทรมผุพังไปตามกาลเวลา เมื่อหลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม มาอยู่วัดหรงบนก็ได้มีพระภิกษุมาอยู่ด้วยกันหลายรูป และมีการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนจนมีพระภิกษุสามเณรเต็มวัดกว่า๕๐รูป จนไม่มีกุฏิพอให้พระเณรจำวัดหลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม จึงสร้างกุฏิเพิ่มเติมขึ้นอีกกว่า๓๐หลัง
ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ หลวงพ่อสมนึก ฉนฺทธมฺโม ก็ได้รับแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาสวัดหรงบน และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหรงบนเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๗ อายุได้ ๓๘ปี พรรษา ๑๔ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นตลอดมา
พ.ศ.๒๕๕๕ อายุได้๕๖ปี๓๑พรรษา ได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์ที่ พระครูพิทักษ์อินทมุนี เมื่อ วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๕ และได้เดินทางไปรับใบตราตั้งตาลปัตรพัดยศที่จังหวัดระนองเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๖
สำหรับประวัติหลวงพ่อสมนึกท่านเมตตาเล่าถึงเรื่องราวย้อนหลังกลับไปให้ผมฟังว่าเมื่อสมัยที่โยมนิมนต์ท่านมาอยู่วัดหรงบนใหม่ๆปี พ.ศ. 2533 นั้น วัดหรงบนมีสภาพทรุดโทรมอย่างมากด้วยเพราะว่าวัดหรงบนขาดพระเณรดูแลมีเพียงหลวงตาจำวัดอยู่แค่รูปเดียว ท่านมองเห็นสภาพวัดหรงบนทรุดโทรมจึงอยากบูรณะวัดหรงบนใหม่แต่ก็เจอกับปัญหาอย่างใหญ่หลวงเนื่องจากวัดไม่มีปัจจัยจะบูรณะซ่อมแซมวัดเลย อีกสาเหตุอย่างหนึ่งก็คือวัดหรงบนไม่คอยมีคนเข้ามาทำบุญ หลวงพ่อสมนึกท่านก็เริ่มเข้าใจปัญหาของที่นี้มากขึ้นแต่ไม่ก็รู้จะใช้วิธีการใดจึงจะสามารถดึงศรัทธาของคนในพื้นที่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาบูรณะวัดขึ้นมาด้วยเหตุนี้เองท่านจึงตัดสินใจศึกษาคาถาอาคมในพระคัมภีร์ แต่ก็ต้องมาพบเจอปัญหาอีกครั้งเพราะว่าตำราวิชาอาคมล้วนเขียนด้วยอักษรขอมทำให้หลวงพ่อสมนึกไม่สามารถจะศึกษาต่อได้
จากนั้นท่านจึงหันมาศึกษาอักษรขอมไทย เริ่มตั้งแต่การศึกษาพยัญชนะ สระ ผสมสระกับพยัญชนะให้เป็นคำ แปลอักษรขอมเป็นภาษาบาลี แปลภาษาบาลีเป็นภาษาไทย แปลภาษาไทยอักษรขอมเป็นต้น เมื่อท่านอ่านเขียน ท่องจำอักษรขอมไทยจนชำนาญโดยใช้ระยะเวลาเพียง 3 เดือนก็สามารถศึกษาสำเร็จ หลวงพ่อสมนึกจึงศึกษาคัมภีร์ปถมังซึ่งเป็นขั้นต้นของการศึกษาวิชาอาคม หลวงพ่อสมนึกท่านเล่าว่าในคัมภีร์ปถมังบอกว่าเริ่มแรกด้วยการทำพินทุ คือแววกลม ถือเป็นปฐมกำเนิด จากนั้นจึงแตกเป็นทัณฑะ เภทะ อังกุ และสิระตามลำดับ สำเร็จเป็นปทมังพินทุ เวลาทำใช้แท่งดินสอเขียนลงบนกระดานชนวน มีการเรียกสูตรบริกรรมคาถากำกับตลอด จนสำเร็จเป็นนะปถมัง มีการนมัสการและเสกตามลำดับ ขณะทำมีขั้นตอนและวิธีการที่สลับซับซ้อนพิสดารมาก เนื้อหาของคัมภีร์ปถมังนี้มีทั้งสิ้น ๙ วรรค หรือ ๙ กัณฑ์ แต่ละกัณฑ์เป็นวิธีการทำผงเพื่อฝึกจิตอย่างพิสดารต่างกันไป โดยทุกวรรคหรือทุกกัณฑ์จะเริ่มต้นด้วยนะปถมังพินทุ จากนั้นจะแยกแยะไปเป็นอุณาโลม อุโองการ องค์พระภควัม หัวใจพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ ฯลฯ ต่างกันไปในแต่ละวรรค แต่ทุกวรรคจะจบที่สูญนิพพาน คือ นิพพานัง ปรมัง สุญญัง เหมือนกันทั้งสิ้น ขณะทำผู้ทำจะใช้จิตเพ่งอักขระ มือเขียน พร้อมบริกรรมคาถาอย่างต่อเนื่องจนจิตสงบเป็นเอกัคคตาสมาธิ เมื่อจบสูตรแล้วจึงเอามือลบอักขระบนกระดาน กล่าวกันว่าหากจิตเป็นสมาธิแน่วแน่ ผงดินสอพองบนกระดานชนวนนั้นบางทีก็จะร่วงหล่นหรือทะลุลอดแผ่นกระดานลงไปอยู่เบื้องล่างได้ เรียกว่าผงปัดตลอดหรือผงทะลุกระดาน เป็นของวิเศษมีอานุภาพยิ่งนัก หลวงพ่อสมนึกเล่าว่า การศึกษาคัมภีร์ปถมังเป็นการ ฝึกสมาธิ ไปในตัวแล้วก็จะสามารถถึงองค์ฌาณได้ อีกประการหนึ่งเป็น วิปัสสนา คือการคิดอย่างชาญฉลาด มีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง เกี่ยวกับสังขารธรรมอย่างละเอียดโดยใช้ลักษณะต่าง ๆ นานา เช่น เมื่อคิดทำความเข้าใจเรื่องรูปขันธ์จนแจ่มแจ้งชัดเจนด้วยญาตปริญญาแล้ว ก็คิดถึงรูปขันธ์โดยใช้ลักษณะที่ไม่เที่ยงของรูปขันธ์ว่า "รูปขันธ์ไม่เที่ยง เพราะปกติแล้วรูปขันธ์ ต้องสิ้นไป เป็นต้น
หลวงพ่อสมนึกเมตตาเล่าถึงการศึกษาคัมภีร์ปทมังว่าศึกษาเพื่ออะไรซึ่งท่านก็ได้อธิบายให้เข้าใจง่ายเป็นข้อๆ ดังนี้
1.การใช้ จิต ให้ถูกต้องไปตามแต่วิชานั้นๆเนื่องจากวิชาแต่ละวิชาใช้จิตไม่เหมือนกัน เช่น วิชาคงกระพันชาตรี จิตใจต้องกล้าแกร่งเกรงไม่กลัวต่อศัตราวุธที่พุ่งมาออก วิชาเมมตามหานิยม ทำจิตให้รักผู้อื่นเปรียบกับบุตรของตน วิชามหาอุด ต้องทำจิตให้อุดปิดทวารทั้ง9 วิชาชาตรี คนส่วนใหญ่มักเรียกรวม วิชาคงกระพัน กับ วิชาชาตรีเข้าด้วยกัน เป็นวิชาคงกระพันชาตรีแต่ที่จริงแล้ววิชาชาตรีนั้นต่างจากวิชาคงกระพันตรงที่ วิชาคงกระพันพฟันแทงไม่เข้าแต่ก็ยังมีความเจ็บปวดเกิดขี้นอยู่ แต่วิชาชาตรีนั้น ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเลย เพราะวิชาชาตรีนั้นทำให้ของหนักต่างๆที่จะมากระทบตัวจะเบาไปหมด เป็นต้น
2.การรู้จักใช้ ลมปราณ คือการสูดลมหายใจเข้า-ออก โดยการสูดเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในอากาศแล้วเคลื่อนย้ายมาสู่ลมหายใจร่างกายจนไปถึงแขนมือจนในที่สุดก็ลงสู่ปากกาหรือดินสอและตัวอักขระนั้นๆ
3.การใช้ กสิน การใช้กสินโดยตรงเมื่อจะลงอักขระนั้นต้องให้อักษรมีแสงสว่างเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมาบนตัวอักษรนั้นๆ
4.รู้จักการทำ สมาธิ การทำสมาธิจิตใจแน่วแน่เป็นหนึ่งไม่หวอกแวก จิตใจจะต้องสงบขณะที่ทำการลงอักขระนั้นๆ
5.การใช้ คาถา การใช้คาถาแต่ละด้านให้ตรงกับวิชานั้นๆ เป็นต้น
หลังจากหลวงพ่อสมนึกศึกษาคัมภีรปทมังสำเร็จแล้วท่านจึงหันมาศึกษาเรื่องยันต์ต่างๆท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่ายันต์แรกที่ท่านเริ่มศึกษาคือ ยันต์ตรีนิสิงเห ท่านบอกว่ายันต์ตรีนิสีเหเป็นแม่ยันต์ทั้งปวงถึงแม้จะมีแต่ตัวเลขแต่ก็รวมคาถาต่างๆมาอยู่ในยันต์นี้หมดสำหรับยันต์ตรีนิสีเหโบราณใช้แขวนเรือนเวลาคลอดบุตรหรือเรือนผู้มีลูกอ่อน เพื่อป้องกันภูตผีปีศาจและโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนี้ยันต์ตรีนิสิงเห ยังนิยมใช้จารบนแผ่นโลหะติดเสาเรือน เพื่อปัองกันไฟไหม้และฟ้าผ่า ตัวเลขชุดดังกล่าวเป็นกลเลขที่สามารถถอดไปได้อีกเช่นเดียวกับจตุรัสกลในทาง คณิตศาสตร์ โดยการตั้งฐานเลขและบวกลบคูณหารตามขั้นตอนในคัมภีร์ตรีนิสิงเห จนได้ผลลัพธ์เป็น อัตราตรีนิสิงเห โดยอัตราเลขชุดนี้สามารถตั้งบวกลบคูณหารต่อไปได้อีกตามกลแต่ละแบบยันต์ ตรีฯนี้ เป็นหนึ่งในขั้นต้นในการลบผง(ปถมัง อิธะเจ ตรีนิสิงเห และมหาราช) ผงที่ได้จากการทำตามคัมภีร์ตรีนิสิงเห เรียกผงตรีนิสิงเห เชื่อว่ามีอานุภาพทั้งทางอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยม ตลอดจนถอนคุณไสยสิ่งอวมงคลทั้งมวล ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |
- ไม่มีตัวเลือก - |
|
|
คงเหลือ | 7 ชิ้น | |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
|
ไม่มีสินค้าที่เลือก
กรุณาเลือกแบบสินค้าก่อนสั่งซื้อ
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|