ไฮไลท์
เหรียญเจริญพร หลังยันต์หนูกินนมแมว หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน ปี 2553 (ครูบาเมตตาหลวงแห่งเวียงพิงค์)
#ตามตำราโบราณยกให้ตะกั่วเป็นโลหะที่ซึมซับพุทธคุณได้ดีกว่าโลหะอื่นเป็นโลหะเนื้อเย็นอีกด้วย โดยหลวงปู่ดู่ ยืนยันว่า “พระเนื้อตะกั่ว” เสกแล้วสามารถอัดพลังเข้าไปได้ดีที่สุด
เป็นเหรียญรุ่นสี่ ที่ทางวัดได้จัดสร้างขึ้น โดยด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงปู่นั่งเต็มองค์...ซึ่งหลวงปู่เป็นคนเลือกแบบเอง
และยันต์ด้านหลังจะเป็นยันต์หนูกินน้ำนมแมว ซึ่งเด่นทางเมตตา มหานิยม เจรจาค้าขาย ติดต่อการงาน เข้าหาเจ้านาย
แล้วก็เพิ่มยันต์ทางแคล้วคลาดเข้าไปอีก เป็นอีกหนึ่งเหรียญที่น่าเก็บ
จัดสร้างในวาระครบ ๘ รอบ อายุวัฒนะ ๙๖ ปี ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๓
( ปัจจุบันอายุ105ปี )
พิธีพุทธาภิเษกถึง ๗ วาระ ณ.วัดบ้านฟ่อน ดังนี้
# วาระแรก วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓(วันมาฆบูชา)
# วาระที่สอง วันเสาร์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓(เสาร์๕)
# วาระที่สาม วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๓(วันพญาวัน)
# วาระที่สี่ วันศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓(วันวิสาขบูชา)
# วาระที่ห้า วันเสาร์ที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๓(วันจันทรุปราคา)
# วาระที่หก วันพุธที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๓
# วาระที่เจ็ด วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๓
#จำนวนการจัดสร้าง
เนื้อตะกั่ว จัดสร้างจำนวน ๑,๐๖๘ เหรียญ
===================================
ยันต์หนูกินนมแมว หนึ่งในสุดยอดยันต์ด้านเสน่ห์อันดับต้นๆในดินแดนเเคว้นล้านนา ไทยใหญ่ ว่ากันว่าอานุภาพของยันต์นี้สามารถทำให้ท่านผู้ที่แสนจะชิงชัง ก็จักต้องกลับใจมารักใคร่นิยมยินดี ดังเช่นเเมวกับหนู ที่ผูกอาฆาตกันโดยสัณชาติญาณ
กลับยังมารักใคร่ผูกไมตรี
เเมวรักหนูดังลูกในอกย่อมให้ดื่มนมเลือดในอกเเก่หนูอันเป็นเมตตาอาลัย แม้นผู้ที่มีความใกล้ชิดก็ย่อมแนบแน่นผูกจิตผูกใจรักใคร่เหมือนบุตรในอุทรณ์ ส่งผลให้ผู้ที่มียันต์หนูกินนมแมวติดตัวไว้นั้น แคล้วคลาดจากภยันตรายแลมีผู้คนนับหน้าถือตาเคารพเลื่อมใสและเมตตาเอ็นดูไม่เว้น กลับบุคคลทุกเพศทุกวัยทุกสถานที่ที่จรจากไปจักมีผู้อุปถัมภ์ดีนักแล
เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป พ่อค้าแม่ขายดารานักร้องนักพูดนักขายบุคคลทั่วไปที่ใคร่อยากเป็นผู้โดดเด่นในวงสังคมอุดมไปด้วยความรักใคร่
ร้อนแรง ด้านเมตตา เป็นที่เสาะหาของนักเสี่ยงดวง ขวัญใจพ่อค้าแม่ขาย ใช้แล้วมีแต่เงินเข้ากระเป๋าตุง เป็นเครื่องรางช่วยเพิ่มด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม ต้องตาตรึงใจทั้งชายหญิง หมายปองหญิงไดชายไดแค่พกไว้ทำจิตใจให้นิ่งกลั้นใจอธิษฐานเท่านั้นแหละ เผชิญหน้าเข้าใส่เลยเผลอแป็ปเดียวสมหวังแน่แพ้ใจกันทีเดียว
มีกินบะเสี้ยง ไม่มีอดไม่มีอยาก มีอำนาจสะกดเหยื่อจนศัตรูต้องยอมให้กินนม เป็นนะจังงัง เมตตามหานิยม ใครขี้เหล่ไม่สวยไม่หล่อ หมดสภาพ ดำ อ้วน แย่สุดๆ ลองเอาไปพกดูเถิด เสน่ห์มิรู้ตัว จะสวย จะหล่อ ผ่องใสเป็นยองใย สะกดใจคนได้เหมือนต้องมนต์ ใครที่เคยไม่สนก็จะกลับใจมารักไคร่ก็คราวนี้เพื่อนร่วมงานรังเกียจ คอยอิจฉา วาสนาไม่ดี ใช้ได้ทั้งนั้น เจ้านายไม่ชอบ ผู้บริหารไม่รักโดนกลั่นแกล้งจะพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผัวมีเมียน้อย เมียมีชู้ หรือจะสู้หนูดูดนมแมวได้
โบราณกล่าวว่า แม้เลือดในอกยังยอมให้ได้เลยหนูกับแมวเป็นศัตรูคู่อาฆาตเจอกันเมื่อไรต้องฆ่ากันให้ตายไปข้าง แต่นี่กลับมาให้ดูดนมจากอก แสดงว่าต้องแรงจริงไม่เช่นนั้นทำไม่ได้แน่นอน
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
เหรียญเจริญพร หลังยันต์หนูกินนมแมว หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน ปี 2553 (ครูบาเมตตาหลวงแห่งเวียงพิงค์)

#ตามตำราโบราณยกให้ตะกั่วเป็นโลหะที่ซึมซับพุทธคุณได้ดีกว่าโลหะอื่นเป็นโลหะเนื้อเย็นอีกด้วย โดยหลวงปู่ดู่ ยืนยันว่า “พระเนื้อตะกั่ว” เสกแล้วสามารถอัดพลังเข้าไปได้ดีที่สุด
 
เป็นเหรียญรุ่นสี่ ที่ทางวัดได้จัดสร้างขึ้น โดยด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงปู่นั่งเต็มองค์...ซึ่งหลวงปู่เป็นคนเลือกแบบเอง 
และยันต์ด้านหลังจะเป็นยันต์หนูกินน้ำนมแมว ซึ่งเด่นทางเมตตา มหานิยม เจรจาค้าขาย ติดต่อการงาน เข้าหาเจ้านาย 
แล้วก็เพิ่มยันต์ทางแคล้วคลาดเข้าไปอีก เป็นอีกหนึ่งเหรียญที่น่าเก็บ
 
จัดสร้างในวาระครบ ๘ รอบ อายุวัฒนะ ๙๖ ปี ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๓
( ปัจจุบันอายุ105ปี )
 
พิธีพุทธาภิเษกถึง ๗ วาระ ณ.วัดบ้านฟ่อน ดังนี้
 
# วาระแรก วันอาทิตย์ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓(วันมาฆบูชา)
# วาระที่สอง วันเสาร์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓(เสาร์๕)
# วาระที่สาม วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๓(วันพญาวัน)
# วาระที่สี่ วันศุกร์ที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓(วันวิสาขบูชา)
# วาระที่ห้า วันเสาร์ที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๓(วันจันทรุปราคา)
# วาระที่หก วันพุธที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๓
# วาระที่เจ็ด วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๓
 
   #จำนวนการจัดสร้าง
 
เนื้อตะกั่ว จัดสร้างจำนวน ๑,๐๖๘ เหรียญ
 
===================================
 
ยันต์หนูกินนมแมว หนึ่งในสุดยอดยันต์ด้านเสน่ห์อันดับต้นๆในดินแดนเเคว้นล้านนา ไทยใหญ่ ว่ากันว่าอานุภาพของยันต์นี้สามารถทำให้ท่านผู้ที่แสนจะชิงชัง ก็จักต้องกลับใจมารักใคร่นิยมยินดี ดังเช่นเเมวกับหนู ที่ผูกอาฆาตกันโดยสัณชาติญาณ 
กลับยังมารักใคร่ผูกไมตรี
 
เเมวรักหนูดังลูกในอกย่อมให้ดื่มนมเลือดในอกเเก่หนูอันเป็นเมตตาอาลัย แม้นผู้ที่มีความใกล้ชิดก็ย่อมแนบแน่นผูกจิตผูกใจรักใคร่เหมือนบุตรในอุทรณ์ ส่งผลให้ผู้ที่มียันต์หนูกินนมแมวติดตัวไว้นั้น แคล้วคลาดจากภยันตรายแลมีผู้คนนับหน้าถือตาเคารพเลื่อมใสและเมตตาเอ็นดูไม่เว้น กลับบุคคลทุกเพศทุกวัยทุกสถานที่ที่จรจากไปจักมีผู้อุปถัมภ์ดีนักแล
 
เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป พ่อค้าแม่ขายดารานักร้องนักพูดนักขายบุคคลทั่วไปที่ใคร่อยากเป็นผู้โดดเด่นในวงสังคมอุดมไปด้วยความรักใคร่
 
ร้อนแรง ด้านเมตตา เป็นที่เสาะหาของนักเสี่ยงดวง ขวัญใจพ่อค้าแม่ขาย ใช้แล้วมีแต่เงินเข้ากระเป๋าตุง เป็นเครื่องรางช่วยเพิ่มด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม ต้องตาตรึงใจทั้งชายหญิง หมายปองหญิงไดชายไดแค่พกไว้ทำจิตใจให้นิ่งกลั้นใจอธิษฐานเท่านั้นแหละ เผชิญหน้าเข้าใส่เลยเผลอแป็ปเดียวสมหวังแน่แพ้ใจกันทีเดียว
 
มีกินบะเสี้ยง ไม่มีอดไม่มีอยาก มีอำนาจสะกดเหยื่อจนศัตรูต้องยอมให้กินนม เป็นนะจังงัง เมตตามหานิยม ใครขี้เหล่ไม่สวยไม่หล่อ หมดสภาพ ดำ อ้วน แย่สุดๆ ลองเอาไปพกดูเถิด เสน่ห์มิรู้ตัว จะสวย จะหล่อ ผ่องใสเป็นยองใย สะกดใจคนได้เหมือนต้องมนต์ ใครที่เคยไม่สนก็จะกลับใจมารักไคร่ก็คราวนี้เพื่อนร่วมงานรังเกียจ คอยอิจฉา วาสนาไม่ดี ใช้ได้ทั้งนั้น เจ้านายไม่ชอบ ผู้บริหารไม่รักโดนกลั่นแกล้งจะพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผัวมีเมียน้อย เมียมีชู้ หรือจะสู้หนูดูดนมแมวได้
 
โบราณกล่าวว่า แม้เลือดในอกยังยอมให้ได้เลยหนูกับแมวเป็นศัตรูคู่อาฆาตเจอกันเมื่อไรต้องฆ่ากันให้ตายไปข้าง แต่นี่กลับมาให้ดูดนมจากอก แสดงว่าต้องแรงจริงไม่เช่นนั้นทำไม่ได้แน่นอน
 
===================================
 
ครูบาเจ้าดวงดี ยติโก วัดบ้านฟ่อน  เหมือนกับเอาตบะเดชะอำนาจอันยิ่งของครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งกับความเยือกเย็นสงบสันติของครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้มมารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน(ครบเครื่องทั้งบู๊และบุ๋นในหนึ่งเดียว)
 
"พระครูบาสายเหนือซึ่งยังมีชีวิตอยู่ และมีพลังจิตที่เย็น ใกล้เคียงกับครูบาเจ้าบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม(ซึ่งเป็นพระอรหันต์เจ้าผู้ขึ้นชื่อลือชาในความเย็นยะเยียบจับจิตจับใจที่สุดองค์หนึ่งแห่งยุค)มากที่สุด ก็เห็นจะมีแต่ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อนนี่แหละ...!!!!!!!!!"
 
ครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล วัดเด่นสะหลีศรีเมืองแกน แม่แตง เชียงใหม่
 
"ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อนนี้ ท่านเก่งจริง และยังเปิดคือแสดงให้ดู(โดยตาใน)ได้ด้วย ตอนนั้นเคยเอานรสิงห์แบบพม่าไปให้ท่านเสก ครูบาดวงดีท่านเสกให้ปรากฏออกมาเป็นตัวเป็นตนได้เลย ในขณะที่พระองค์อื่นๆบางองค์ท่านปิด หากใช้ตาในไปส่องดูท่านทำท่านเสก อาจจะโดนดี โดนอัดโดยกระแทก(ด้วยจิต)ออกมาให้ถึงกับเดี้ยง ถึงกับเสียศูนย์ หาทางกลับบ้านไม่ถูกเลยก็ได้..!!!!!!!!"
 
นักเล่นของสายล้านนา
 
หมายเหตุพิเศษ , ในคราวเดียวกันนี้ ได้มี"คนตาดี"ซึ่งเป็นนักปฏิบัติธรรมสายหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพงและศิษย์พระอาจารย์อิฏฐ์ วัดจุฬามณีจากจ.นครปฐมติดตามไปด้วย พบว่า
"ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อนเก่งมากๆ ได้ทั้งจิตและวิชชาครบถ้วน อำนาจจิตแรงกล้าสูสีกับครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งเลยทีเดียว โดยจิตครูบาอินจะหวือหวา ออกไปในทางอิทธิฤทธิ์มากกว่า แต่ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อนจะเย็นกว่า(ถึงบอกแล้วว่า ครูบาบ้านฟ่อนเป็นการรวมคุณพิเศษของครูบาอินและครูบาบุญปั๋นที่ครูบาเทืองรับรองว่า"เย็นที่สุด ไม่มีใดเทียม"ไว้เป็นหนึ่งเดียวอย่างน่าชื่นชมที่สุด) ซึ่งป๊า(พระอาจารย์อิฏฐ์ วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม)ยังยกย่องว่า พระเก่งสุดยอดในยุคนี้ ภาคใต้ก็ต้องเป็นหลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม ภาคเหนือก็ต้องยกให้ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อนนี่แหละ...!!!!!!"
===================================
 
เรื่องเล่า การเสกพระ ของครูบาเจ้าดวงดี ยติโก วัดบ้านฟ่อน จากผู้รู้สายปฎิบัติธรรม
 
"พระผู้เสกองค์นี้ เหมือนมีจิตที่หลุดพ้น ปล่อยวางจนหมดสิ้นแล้ว การอธิษฐานจิตของท่านจึงใช้แต่จิตล้วนๆ แต่วิชชาอาคมเก่าที่ท่านเคยร่ำเรียนมาอย่างมหาศาลก็ยังมีตกค้างอยู่ในจิตอย่างสมบูรณ์ ซึ่งท่านจะนำอาคมไสยเวทย์นั้นมาใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้ บรรดาคาถาอาคมทั้งหลายทำอะไรท่านไม่ได้หรือไม่มีผลใดๆต่อท่านต่อไปอีกแล้ว แค่กำหนดจิตอธิษฐานเพียงชั่วไม่กี่ขณะจิตโดยไม่ต้องว่าคาถาโอมออมตั้งรูปตั้งนามปั่นธาตุหนุนธาตุอะไรให้เสียเวลา ทั้งจิตและคาถาทุกอย่างก็จะมีการจัดระเบียบประจุเข้าไปโดยอัตโนมัติจนสำเร็จสมบูรณ์แบบในพริบตาเดียว นี่สิ จึงนับเป็นการเสกพระสายเวทย์วิทยาคมชั้นโลกุตระอย่างแท้จริง.!!!!!!!!!!!!!!!!!"
(ข้อมูลโดย หน่วยสืบราชการลับทางจิตแห่ง"พุทธวงศ์"สาย"โยคะ")
 
 
"พระองค์ที่เสกนี้ จิตบริสุทธิ์มาก แม้จะเคยร่ำเรียนคาถาอาคมมา แต่เวลาเสก ไม่ได้ร่ายคาถาว่าอาคมอะไรให้ยืดยาวยุ่งยากอะไรเลย เพียงแค่ใช้จิตล้วนๆอธิษฐานกำหนดเพียงอย่างเดียว คาถาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับองค์พระและอักขระยันต์ ก็ได้รับการเข้าไปประจุและเข้าไปขับเคลื่อนให้บังเกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ มีอานุภาพตามอุปเท่ห์แห่งอักขระตัวยันต์ต่างๆนั้นโดยอัตโนมัติและฉับพลันทุกประการ ซึ่งผู้ที่จะทำจะเสกแบบหลุดพ้นแล้วได้ผลครบเครื่องทั้งวิชชาและวิมุติได้แบบนี้ ต้องเป็นพระอริยเกจิระดับสุดยอดเท่านั้น จึงจะทำได้ถึงขนาดนี้เลยทีเดียว..!!!???!!!???"
(ข้อมูลโดย หน่วยสืบราชการลับทางจิตสาย"โพธิ")
 
===================================
 
ประวัติ ครูบาดวงดี ยติโก ::: ครูบาเมตตาหลวงแห่งเวียงพิงค์
 
เดิมชื่อ ดวงดี สมด้วง
เป็นบุตรของพ่อด้วง แม่คำป้อ สมด้วง
เกิดที่บ้านฟ่อน หมู่ที่ ๒ ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่
เมื่อ วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๗
มีพี่น้องร่วมท้องกันมามี ๔ คน คือ ๑. พ่อหนานเขียว ๒.แม่สา ๓.นางแฮ ๔.ครูบาดวงดี ยติโก
เดิมชื่อ เด็กชายดวงดี สมด้วง พอมีอายุได้ ๑๒ ปี พ่อด้วง แม่คำป้อ
ได้พาเอาเด็กชายดวงดี มาฝากเป็นลูกศิษย์ ครูบาอินตา สุทธิโก
ได้เข้ามา ศึกษาเล่าเรียนกับท่านครูบาอินตาได้หนึ่งปี พออายุได้ ๑๓ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร
ได้ชื่อว่าสามเณรดวงดี สมด้วง โดยมีพระอธิการคำภีระ เป็นพระอุปัชฌาย์
ณ ที่วัดวุฑฒิราษฎร์ ( บ้านฟ่อน ) เมื่อวันที่ ๑๙ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๗๑
 
พอเป็นสามเณรแล้วก็ไม่นิ่งดูดาย และได้ศึกษาพระธรรมวินัย ทั้งปริยัติธรรม จนสามมารถ สอบนักธรรมชั้นโทได้
อยู่ต่อมาพออายุได้ ๒๐ ปี ถึงวาระที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้ว
แต่แล้วสามเณรดวงดี ได้เกิดอาพาธขึ้นมาเป็นเวลา ๕ ปี
พอหายจากอาการอาพาธแล้ว อายุได้ ๒๕ ปี รู้สึกว่าสามเณรดวงดี สบายกายสบายใจแล้ว
พ่อด้วง แม่คำป้อ และท่านเจ้าอาวาสก็ได้ปรึกษาหารือกันว่า สมควรแก่เวลาที่จะอุปสมบทสามเณรดวงดี เป็นพระภิกษุได้
แล้วจึงได้อุปสมบทให้เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ โดยมี เจ้าอธิการอินถา อริโย วัดท้าวบุญเรืองเป็นพระอุปัชฌาย์
พระอธิการโอ๊ด อภิชโย วัดตองกายเป็นพระกรรมวาจารย์
พระอธิการอินตา สุทธิโก วัดวุฑฒิราษฎร์ ( บ้านฟ่อน ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
 
ได้รับฉายาว่า ยติโก
 
อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดโพธิ ( หนองควาย ) ขณะนั้นครูบาอินตาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านฟ่อนนี้
 
เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๒ -๒๔๙๒ ในสมัยนั้นมีพระอธิการคำมูล สิริวิชโย และครูบาดวงดี เป็นลูกศิษย์
หลังจากท่านครูบาอินตา มรณภาพลงก็มี พระอธิการคำมูล ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านฟ่อนแทนครูบาอินตา
จนมาถึงปี พ.ศ.๒๕๒๕ พระอธิการคำมูล ได้มรณภาพลง
ครูบาดวงดี ยติโก จึงได้รักษาการแทนเจ้าอาวาสจนถึงปี พ.ศ.๒๕๓๒
หลวงปู่ท่านก็ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านฟ่อนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้
 
ครูบาดวงดีท่านเป็นพระนักพัฒนา และยังเป็นหมอยาแผนโบราณอีกด้วย
โดยสมัยก่อนท่านทำยาแผนโบราณได้หลายอย่าง โดยท่านทำเองทั้งหมด
ตั้งแต่ไปเก็บว่าน สมุนไพรต่างๆในป่า แล้วนำมาคั่วและบดทำเองทุกขั้นตอน รักษาชาวบ้านหายมานักต่อนักแล้วครับ
หลวงปู่ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรมอย่างเคร่งครัด และได้คอยอบรมสั่งสอนพระเณรและศรัทธาญาติโยมของท่านอยู่มิขาด
ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีจริยาวัตรอันงดงาม และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังรูปหนึ่ง
ที่มีศรัทธาญาติโยม มาเคารพสักการบูชา อยู่มิขาดได้ทุกวันโดยมีศรัทธาญาติโยมจากต่างตำบล ต่างอำเภอ ต่างจังหวัดเดินทางมาขอพร
และประพรมน้ำพระพุทธมนต์มิได้ขาด
 
ครูบาดวงดี ยติโก นับเป็นพระผู้มีอริยะคุณอันยอดเยี่ยมยิ่งที่หาได้ยากยิ่งแล้วในปัจจุบัน
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาหน้าโรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านธัญทิพย์ อมูเลท
ธัญทิพย์ อมูเลท
บริการให้เช่า พระเครื่อง และเครื่องรางของมงคล ทั่วไทย
เบอร์โทร : 0629966394
อีเมล : thanyatip4289@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม