จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 0 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | หลวงปู่ทวด ครูบาศรีวิชัย สมเด็จโต หลวงพ่อเงิน |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
เหรียญเสมาหน้าเลื่อนหลวงพ่อทวด หลังพ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ ปัตตานี ปี 2557
รุ่นฉลองสมณศักดิ์ 48/57
พิมพ์ใบเสมา ด้านหน้าหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ หน้าเลื่อนผ่าปาก (นิยม ) ห่วงตัน (ไม่เจาะหู)
ด้านหลังรูปเหมือนพ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ
พิธีเสกใหญ่ปี 2557
เนื้อทองแดงรมดำ หมายเลข 2302
ขนาดพระสูง 3.7 ซ.ม. พร้อมกล่องเดิม
พุทธคุณสูง พุทธคุณเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย กลับร้ายให้กลายเป็นดี และให้ความก้าวหน้ารุ่งเรือง เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ร่มเย็นเป็นสุขในชีวิต
♦ ผู้ที่นับถือหลวงปู่ทวดเชื่อว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ทรงอภิญญาที่น่าเลื่อมใสศรัทธา มีเรื่องราวอภินิหารที่เล่าสืบต่อกันมา
จนกลายเป็นที่มาของคำว่า "หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด" โดยในสมัยที่ท่านยังมีชีวิต ท่านได้ขออาศัยเรือสำเภาเพื่อเดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา แต่ระหว่างทางเกิดพายุลมมรสุม ทำให้เรือสำเภาต้องจอดพักที่เกาะแห่งหนึ่งจนน้ำดื่มหมด ลูกเรือต่างพากันคิดว่า ตั้งแต่เดินเรือมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่เมื่อรับพระสงฆ์รูปนี้ขึ้นเรือก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนลำบาก จึงคิดวางแผนปล่อยหลวงปู่ทวดไว้ที่เกาะ ทว่าท่านได้แสดงอภินิหารด้วยการจุ่มเท้าซ้ายลงในน้ำทะเล ปรากฏว่าน้ำบริเวณนั้นกลายเป็นน้ำจืดที่สามารถดื่มกินได้ ทำให้เจ้าของเรือต้องขมาท่าน และนิมนต์ขึ้นเรือเพื่อเดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยาต่อไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นพระโพธิสัตว์
ช่วยคุ้มครอง ปัดเป่าสิ่งไม่ดี ส่งเสริมให้ผู้ศรัทธามีชีวิตที่ดีเจริญก้าวหน้าขึ้น
คาถาบูชา หลวงปู่ทวด วัดช้างให้
"นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา"
ขออาราธนา บารมีแห่งองค์พระโพธิสัตว์หลวงปู่ทวด โปรดอภิบาล รักษา คุ้มครอง
ช่วยเหลือ ดลใจให้ทุกท่านที่ประพฤติอยู่ในศีลธรรม มีความเคารพในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
จงมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ตลอดกาลนานเทอญ.....
การขอบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด
ด้วยการจุดธูป 16 ดอกบูชาวัตถุมงคลของท่าน
หรือ ระลึกถึงท่าน ตั้งจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่และศรัทธา
ท่อง " นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา " 16 จบ
และให้หมั่นถือศีล ๕ เวลาสวดมนต์ทำบุญอย่าลืมอุทิศบุญให้หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้
และพ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพและเทวดารักษาองค์พระที่คุณแขวนด้วยทุกวันยิ่งดีจะทำให้พระยิ่งขลัง ยิ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งๆ ขึ้นไป
=============================
วัดพลานุภาพ มีพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงพุทธาคมอย่าง พ่อท่านพรหม ทำให้สาธุชนจำนวนไม่น้อย ที่เดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อพรหมอย่างต่อเนื่อง
และทำให้วัดพลานุภาพเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น ได้รับการขนานนามจากชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า "เทพเจ้าฝ่ายบุ๋นแห่งเมืองลังกาสุกะ"
พ่อท่านพรหม นั้น ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่มีความเมตตาสูงมาก ไม่ว่าใครจะมีปัญหาอะไร มีความทุกข์แบบไหน เมื่อได้เข้าไปกราบนมัสการท่าน ไปสนทนากับท่าน ต่างก็ได้รับความสบายใจ ความทุกข์มลายหายไป มีแต่ความร่มเย็นในใจทุกท่านทุกคน
ที่เป็นอย่างนี้นั้นก็ด้วย นับตั้งแต่ท่านอุปสมบทมา ท่านก็ได้ทำความเพียร ตามข้อวัตรปฏิบัติ อันดีงาม ตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างสม่ำเสมอ ทุกวันมิได้ขาด นอกจากนี้ท่านก็ยังได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัด ปกครองคณะสงฆ์ วัดพลานุภาพ ด้วยดีอย่างไม่มีความขัดข้องขัดแย้งใด ๆ ด้วย อำนาจบารมีธรรม และ ความตั้งมั่นอยู่ในพรหมวิหารสี่ ของพ่อท่านที่ได้บำเพ็ญเพียรสั่งสมจนก่อเกิดเป็นพลานุภาพบารมี เฉพาะตนของท่านนั่นเอง พ่อท่านพรหม “ท่านจะพูดอยู่เสมอ ๆ ว่า ชีวิตที่เหลือของท่าน ท่านขออุทิศให้ ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์” พ่อท่านพรหมนั้น ท่านใช้ชีวิตบำเพ็ญสมณะรูป ของท่านอย่าง สมถะและถือสันโดษ ไม่โลภ มีสติอยู่เสมอ ชาวบ้านทั้งในละแวกวัดและใกล้เคียง รวมทั้งชาวบ้านในถิ่นอื่นต่าง ก็บอกเป็นเสียงเดียว ถึงความเป็น เนื้อนาบุญอันดี ของพ่อท่าน ปากต่อปาก จวบจนในระยะ หลังนี้ ชื่อเสียงของท่าน ข้อประพฤติปฏิบัติ ของท่าน นับวัน ก็มีแต่ยิ่งขจรขจายแพร่หลาย ยิ่ง ๆ ออกไป อีก
วัตถุมงคลของท่าน ที่ได้ปลุกเสก อธิษฐานจิตเดี่ยว เมื่อมีชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ข้าราชการ ที่ได้รับแจก เมื่อได้นำติดตัวไปใช้ ต่างก็เกิดมีประสบการณ์ ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ในทุก ๆด้าน สำหรับบางคนก็ได้รับโชคลาภ ค้าขายดี จนปัจจุบันนี้ พุทธศาสนิกชน ทั้งใกล้และไกล ต่างก็หลั่งไหล ไปที่วัดพลานุภาพ ทุกวัน
วัตถุมงคลของพ่อท่านพรหม ได้รับความศรัทธาเชื่อถือ ว่ามีพุทธคุณ มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร ...พ่อท่านพรหมนั้น ท่านยังขึ้นชื่อว่า เก่งในเรื่องสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา " ขนาดพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ยังต้องกล่าวชมเชย " ว่าหากใครต้องการ สะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ให้ไปหาท่านพรหม ที่วัดพลานุภาพ....พ่อท่านพรหม มีวิชาเอกที่เป็นที่กล่าวขวัญกันมาช้านาน วิชานี้ยากที่จะหาพระเกจิอาจารย์ท่านใดในปัจจุบันที่จะทำได้ นั้นก็คือ
" วิชาเพรชกลับ " คือการว่า พระคาถาอิติปิโสเดินหน้าและถอยหลังได้อย่างแม่นยำ ผู้ที่จะสำเร็จวิชานี้ ผู้นั้นต้องเป็นผู้มีสมาธิเป็นเลิศ เพราะการว่าพระคาถาอิติปิโสเดินหน้าถือเป็นเรื่องปกติแต่การว่าพระคาถาอิติปิโสถอยหลังนั้นถือว่ายากมาก ผู้ที่จะสำเร็จวิชานี้ได้ ต้องสำเร็จภายใน 1 วัน คือว่าพระคาถา อิติปิโสเดินหน้าและถอยหลัง108จบ โดยไม่ผิดเลย จึงจะถือว่าสำเร็จวิชา " เพรชกลับ " เป็นคาถาที่ให้คุณ ด้านแคล้วคลาด กลับร้ายให้กลายเป็นดี
นี่จึงเป็นที่มาของจุดเริ่มต้นในการนำเอาพระคาถาเอกของท่าน"คือพระคาถาเพรชกลับ" มาบรรจุไว้ใน วัตถุมงคลของพ่อท่านหลายต่อหลายรุ่น จนเกิดประสบกราณ์ต่อผู้ศรัทธามากมายจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ...ชาวไทย ชาวต่างประเทศ เช่น มาเลย์เซีย ต่างก็ให้ความเคารพนับถือ พ่อท่าน...
=========================================
พ่อท่านพรหม ธัมมธโร พระเกจิชื่อดังแห่งวัดพลานุภาพ (วัดทุ่งพลา) อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ผู้ตั้งปฏิปทามั่นในการอยู่ในพื้นที่อันตราย เป็นขวัญกำลังใจของทหารหาญและพลเรือนในพื้นที่ ด้วยการนำหลักศาสนาเป็นแกนกลางสร้างขวัญและกำลังใจ
มีนามเดิมว่า พรหม ราชบุตร เกิดเมื่อเดือนสิงหาคม 2461 ตรงกับวันเสาร์ เดือน 9 ปีมะเมีย บิดา–มารดา ชื่อ นายสีแก้วและนางคำแก้ว ราชบุตร ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรในจังหวัดปัตตานี
อายุ 20 ปี ตัดสินใจออกบวชตามประเพณี ที่พัทธสีมาวัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี
อยู่จำพรรษาที่วัดห้วยเงาะ โดยท่านได้ใช้เวลาว่างทั้งหมดเล่าเรียนการสวดมนต์ต่างๆ และรวมถึงการสวดภาณยักษ์ แบบฉบับของภาคใต้
ชีวประวัติส่วนใหญ่ได้รับการบอกเล่าจากศิษย์เท่าที่ใกล้ชิดเล่าให้ฟังบ้าง ทำให้พอทราบได้ว่าเป็นผู้คงแก่เรียน ชอบศึกษาวิชาความรู้ในศาสตร์หลายแขนง รวมไปถึงวิทยาคมจากพระเกจิดังทางภาคใต้หลายรูป
นอกจากนี้ ยังมีความรู้ทางด้านสมุนไพรโบราณมาตั้งแต่เด็ก โดยได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดา
หลังจากบวชเรียนได้ระยะเวลาหนึ่งก็ลาสิกขา
ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมอย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการพัฒนาท้องถิ่น หรือแม้กระทั่งการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากให้กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น จนทำให้เป็นที่นับถือของคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก
ในที่สุด ได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ‘บ้านลาแล–เมาะยี’ ต.กาบัง อ.ยะหา จ.ยะลา
ทำหน้าที่ติดต่อกันยาวนานกว่า 18 ปี จนเกิดความเบื่อหน่ายต่อชีวิตทางโลก จึงตั้งจิตด้วยศรัทธาอันแน่วแน่ เข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้ง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2530 ที่พัทธสีมาวัดพลานุภาพ ได้รับฉายานามว่า ธัมมธโร มีความหมายว่า ภิกษุผู้มีความกล้าหาญในธรรม
ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดห้วยเงาะ เพื่อปลีกวิเวก ปฏิบัติธรรม รวมทั้งศึกษาวิทยาคมต่างๆ กับพระเกจิอาจารย์สายใต้ที่เชี่ยวชาญ ด้านวิปัสสนา รวมทั้งศึกษาสรรพวิชาต่างๆ จากผู้เรืองวิทยาคมอีกหลายท่าน
ในระหว่างนี้เป็นสหธรรมิกกับพ่อท่านเขียว กิตติคุโณ พระเกจิชื่อดังแห่งวัดอรัญวาสิการาม (วัดห้วยเงาะ) ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ด้วยความที่อยู่วัดด้วยกัน ท่านทั้งสองจึงเคยร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรม และร่วมในพิธีกรรมต่างๆ ด้วยกันเสมอ
อยู่จำพรรษาที่วัดห้วยเงาะเป็นระยะเวลานาน 5 ปีเศษ กระทั่งวันที่ 7 ก.ค.2536 ย้ายมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสที่วัดพลานุภาพ
เป็นพระสงฆ์ที่มัธยัสถ์อดออมและ รักสันโดษ ชอบการอ่าน หมั่นศึกษาหาความรู้ในทุกด้าน รวมถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในอันที่จะนำไปสงเคราะห์ผู้อื่นได้ มีเมตตาสูงกับเหล่าศิษย์
ได้รับการขนานนามจากชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า “เทพเจ้าฝ่ายบุ๋นแห่งเมืองลังกาสุกะ” เคียงคู่กับพ่อท่านเขียว กิตติคุโณ แห่งวัดห้วยเงาะ ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่ได้รับสมญานาม “เทพเจ้าฝ่ายบู๊แห่งเมืองลังกาสุกะ”
ส่วนที่มาเนื่องมาจากที่คณะศิษย์ เมื่อได้รับวัตถุมงคล รวมทั้งได้รับการผูกข้อมือด้วยสายสิญจน์จะเกิดความรู้สึกเยือกเย็น ปลอดโปร่งสบายใจ
พ่อท่านพรหม ท่านเป็นพระที่มีเมตตาบารมีสูงมาก เป็นพระที่สมถะและถือสันโดษ ไม่ โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ใครที่เคยไปกราบท่านจะรู้สึกถึงความเป็นเนื้อนาบุญแท้ ๆ ของท่านได้ทันที ท่านมักกล่าวให้ได้ยินบ่อย ๆ ว่า “ชีวิตที่เหลือของท่าน ท่านขออุทิศให้แก่ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์” สรรพวิชาอาคมต่าง ๆ ที่ท่านได้ร่ำเรียนมา ท่านไม่เคยหวง ใครให้ทำอะไร ท่านก็จะทำให้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่เคารพนับถือเฉพาะในหมู่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดและชาวบ้านในหมู่บ้านละแวกใกล้วัดทั้งไทยพุทธและอิสลาม มาระยะหลังนี้เกียรติคุณและบารมีของท่านเริ่มโด่งดังขจรไปทั่วมากยิ่งขึ้นสืบเนื่องมาจากวัตถุมงคลที่ท่านได้แจกให้กับชาวบ้านและเหล่าทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำไปบูชาติดตัวได้ก่อเกิดประสบการณ์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ในหลาย ๆ ด้าน เช่น ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก โดนขว้างระเบิดแล้วไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย แม้กระทั่งบางรายโดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจังก็ยังมีชีวิตรอดมาได้อย่างปลอดภัย
ส่วนเรื่องที่โด่งดังมากที่สุด ก็คือ เรื่องที่ทหารแห่มาที่วัดกันเป็นจำนวนมาก เพื่อมาขอรับวัตถุมงคลจากท่านพร้อมกับเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนทหารท่านหนึ่งถูกยิงหลายนัดแต่ไม่เข้าในตัวมีวัตถุมงคลของพ่อท่านพรหมเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้พ่อท่านพรหมท่านยังเป็นเกจิที่มีความสุดยอดในการประกอบพิธีสะเพาะเคราะห์และเสริมต่อชะตาชีวิตที่เห็นผลกันมานักต่อนักจนเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว แม้แต่พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ และพ่อท่านพล วัดนาประดู่ รวมถึงเกจิอาวุโสหลายท่านในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังกล่าวชมให้กับลูกศิษย์ลูกหาของท่านแต่ละท่านได้ยินได้ฟังบ่อย ๆ
ที่ได้กล่าวไปในข้างต้นทั้งหมดเจตนาเพียงเพื่อต้องการสร้างศรัทธาและต้องการเผยแพร่เกียรติคุณของพระที่ดี ๆ อย่างพ่อท่านพรหมเท่านั้น ครั้งหนึ่งเคยมีคนเรียนถามท่านว่า “ที่ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก ท่านใช้วิชาอะไร” ท่านตอบกลับมาด้วยอาการสงบไม่มีความยินดียินร้ายใด ๆ ทั้งสิ้นว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ฉันก็ทำของฉันไปอย่างนั้นแหละอย่าไปสนใจกับมันเลย” นี่เป็นคำตอบของพ่อท่านที่มีผู้ได้ยินมาจริง ๆ เพราะท่านเป็นพระที่ไม่ชอบโอ้อวด ชอบที่จะถ่อมตนอยู่เสมอ ทุกวันนี้ถ้ามีใครไปถามท่านเรื่องแบบนี้ ก็จะได้รับคำตอบกลับมาในลักษณะนี้ทุกครั้งไป
ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง จึงมรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2562 เวลา 01.00 น. สิริอายุ 101 ปี...
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวสด และ onenee.com
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
เหรียญเสมาหน้าเลื่อนหลวงพ่อทวด หลังพ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ ปัตตานี ปี 2557
รุ่นฉลองสมณศักดิ์ 48/57
พิมพ์ใบเสมา ด้านหน้าหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ หน้าเลื่อนผ่าปาก (นิยม ) ห่วงตัน (ไม่เจาะหู)
ด้านหลังรูปเหมือนพ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ
พิธีเสกใหญ่ปี 2557
เนื้อทองแดงรมดำ หมายเลข 2302
ขนาดพระสูง 3.7 ซ.ม. พร้อมกล่องเดิม
พุทธคุณสูง พุทธคุณเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย กลับร้ายให้กลายเป็นดี และให้ความก้าวหน้ารุ่งเรือง เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ร่มเย็นเป็นสุขในชีวิต
♦ ผู้ที่นับถือหลวงปู่ทวดเชื่อว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ทรงอภิญญาที่น่าเลื่อมใสศรัทธา มีเรื่องราวอภินิหารที่เล่าสืบต่อกันมา
จนกลายเป็นที่มาของคำว่า "หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด" โดยในสมัยที่ท่านยังมีชีวิต ท่านได้ขออาศัยเรือสำเภาเพื่อเดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา แต่ระหว่างทางเกิดพายุลมมรสุม ทำให้เรือสำเภาต้องจอดพักที่เกาะแห่งหนึ่งจนน้ำดื่มหมด ลูกเรือต่างพากันคิดว่า ตั้งแต่เดินเรือมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่เมื่อรับพระสงฆ์รูปนี้ขึ้นเรือก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนลำบาก จึงคิดวางแผนปล่อยหลวงปู่ทวดไว้ที่เกาะ ทว่าท่านได้แสดงอภินิหารด้วยการจุ่มเท้าซ้ายลงในน้ำทะเล ปรากฏว่าน้ำบริเวณนั้นกลายเป็นน้ำจืดที่สามารถดื่มกินได้ ทำให้เจ้าของเรือต้องขมาท่าน และนิมนต์ขึ้นเรือเพื่อเดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยาต่อไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นพระโพธิสัตว์
ช่วยคุ้มครอง ปัดเป่าสิ่งไม่ดี ส่งเสริมให้ผู้ศรัทธามีชีวิตที่ดีเจริญก้าวหน้าขึ้น
คาถาบูชา หลวงปู่ทวด วัดช้างให้
"นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา"
ขออาราธนา บารมีแห่งองค์พระโพธิสัตว์หลวงปู่ทวด โปรดอภิบาล รักษา คุ้มครอง
ช่วยเหลือ ดลใจให้ทุกท่านที่ประพฤติอยู่ในศีลธรรม มีความเคารพในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
จงมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ตลอดกาลนานเทอญ.....
การขอบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด
ด้วยการจุดธูป 16 ดอกบูชาวัตถุมงคลของท่าน
หรือ ระลึกถึงท่าน ตั้งจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่และศรัทธา
ท่อง " นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา " 16 จบ
และให้หมั่นถือศีล ๕ เวลาสวดมนต์ทำบุญอย่าลืมอุทิศบุญให้หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้
และพ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพและเทวดารักษาองค์พระที่คุณแขวนด้วยทุกวันยิ่งดีจะทำให้พระยิ่งขลัง ยิ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งๆ ขึ้นไป
=============================
วัดพลานุภาพ มีพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงพุทธาคมอย่าง พ่อท่านพรหม ทำให้สาธุชนจำนวนไม่น้อย ที่เดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อพรหมอย่างต่อเนื่อง
และทำให้วัดพลานุภาพเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น ได้รับการขนานนามจากชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า "เทพเจ้าฝ่ายบุ๋นแห่งเมืองลังกาสุกะ"
พ่อท่านพรหม นั้น ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่มีความเมตตาสูงมาก ไม่ว่าใครจะมีปัญหาอะไร มีความทุกข์แบบไหน เมื่อได้เข้าไปกราบนมัสการท่าน ไปสนทนากับท่าน ต่างก็ได้รับความสบายใจ ความทุกข์มลายหายไป มีแต่ความร่มเย็นในใจทุกท่านทุกคน
ที่เป็นอย่างนี้นั้นก็ด้วย นับตั้งแต่ท่านอุปสมบทมา ท่านก็ได้ทำความเพียร ตามข้อวัตรปฏิบัติ อันดีงาม ตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างสม่ำเสมอ ทุกวันมิได้ขาด นอกจากนี้ท่านก็ยังได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัด ปกครองคณะสงฆ์ วัดพลานุภาพ ด้วยดีอย่างไม่มีความขัดข้องขัดแย้งใด ๆ ด้วย อำนาจบารมีธรรม และ ความตั้งมั่นอยู่ในพรหมวิหารสี่ ของพ่อท่านที่ได้บำเพ็ญเพียรสั่งสมจนก่อเกิดเป็นพลานุภาพบารมี เฉพาะตนของท่านนั่นเอง พ่อท่านพรหม “ท่านจะพูดอยู่เสมอ ๆ ว่า ชีวิตที่เหลือของท่าน ท่านขออุทิศให้ ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์” พ่อท่านพรหมนั้น ท่านใช้ชีวิตบำเพ็ญสมณะรูป ของท่านอย่าง สมถะและถือสันโดษ ไม่โลภ มีสติอยู่เสมอ ชาวบ้านทั้งในละแวกวัดและใกล้เคียง รวมทั้งชาวบ้านในถิ่นอื่นต่าง ก็บอกเป็นเสียงเดียว ถึงความเป็น เนื้อนาบุญอันดี ของพ่อท่าน ปากต่อปาก จวบจนในระยะ หลังนี้ ชื่อเสียงของท่าน ข้อประพฤติปฏิบัติ ของท่าน นับวัน ก็มีแต่ยิ่งขจรขจายแพร่หลาย ยิ่ง ๆ ออกไป อีก
วัตถุมงคลของท่าน ที่ได้ปลุกเสก อธิษฐานจิตเดี่ยว เมื่อมีชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ข้าราชการ ที่ได้รับแจก เมื่อได้นำติดตัวไปใช้ ต่างก็เกิดมีประสบการณ์ ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ในทุก ๆด้าน สำหรับบางคนก็ได้รับโชคลาภ ค้าขายดี จนปัจจุบันนี้ พุทธศาสนิกชน ทั้งใกล้และไกล ต่างก็หลั่งไหล ไปที่วัดพลานุภาพ ทุกวัน
วัตถุมงคลของพ่อท่านพรหม ได้รับความศรัทธาเชื่อถือ ว่ามีพุทธคุณ มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร ...พ่อท่านพรหมนั้น ท่านยังขึ้นชื่อว่า เก่งในเรื่องสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา " ขนาดพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ยังต้องกล่าวชมเชย " ว่าหากใครต้องการ สะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ให้ไปหาท่านพรหม ที่วัดพลานุภาพ....พ่อท่านพรหม มีวิชาเอกที่เป็นที่กล่าวขวัญกันมาช้านาน วิชานี้ยากที่จะหาพระเกจิอาจารย์ท่านใดในปัจจุบันที่จะทำได้ นั้นก็คือ
" วิชาเพรชกลับ " คือการว่า พระคาถาอิติปิโสเดินหน้าและถอยหลังได้อย่างแม่นยำ ผู้ที่จะสำเร็จวิชานี้ ผู้นั้นต้องเป็นผู้มีสมาธิเป็นเลิศ เพราะการว่าพระคาถาอิติปิโสเดินหน้าถือเป็นเรื่องปกติแต่การว่าพระคาถาอิติปิโสถอยหลังนั้นถือว่ายากมาก ผู้ที่จะสำเร็จวิชานี้ได้ ต้องสำเร็จภายใน 1 วัน คือว่าพระคาถา อิติปิโสเดินหน้าและถอยหลัง108จบ โดยไม่ผิดเลย จึงจะถือว่าสำเร็จวิชา " เพรชกลับ " เป็นคาถาที่ให้คุณ ด้านแคล้วคลาด กลับร้ายให้กลายเป็นดี
นี่จึงเป็นที่มาของจุดเริ่มต้นในการนำเอาพระคาถาเอกของท่าน"คือพระคาถาเพรชกลับ" มาบรรจุไว้ใน วัตถุมงคลของพ่อท่านหลายต่อหลายรุ่น จนเกิดประสบกราณ์ต่อผู้ศรัทธามากมายจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ...ชาวไทย ชาวต่างประเทศ เช่น มาเลย์เซีย ต่างก็ให้ความเคารพนับถือ พ่อท่าน...
=========================================
พ่อท่านพรหม ธัมมธโร พระเกจิชื่อดังแห่งวัดพลานุภาพ (วัดทุ่งพลา) อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ผู้ตั้งปฏิปทามั่นในการอยู่ในพื้นที่อันตราย เป็นขวัญกำลังใจของทหารหาญและพลเรือนในพื้นที่ ด้วยการนำหลักศาสนาเป็นแกนกลางสร้างขวัญและกำลังใจ
มีนามเดิมว่า พรหม ราชบุตร เกิดเมื่อเดือนสิงหาคม 2461 ตรงกับวันเสาร์ เดือน 9 ปีมะเมีย บิดา–มารดา ชื่อ นายสีแก้วและนางคำแก้ว ราชบุตร ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรในจังหวัดปัตตานี
อายุ 20 ปี ตัดสินใจออกบวชตามประเพณี ที่พัทธสีมาวัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี
อยู่จำพรรษาที่วัดห้วยเงาะ โดยท่านได้ใช้เวลาว่างทั้งหมดเล่าเรียนการสวดมนต์ต่างๆ และรวมถึงการสวดภาณยักษ์ แบบฉบับของภาคใต้
ชีวประวัติส่วนใหญ่ได้รับการบอกเล่าจากศิษย์เท่าที่ใกล้ชิดเล่าให้ฟังบ้าง ทำให้พอทราบได้ว่าเป็นผู้คงแก่เรียน ชอบศึกษาวิชาความรู้ในศาสตร์หลายแขนง รวมไปถึงวิทยาคมจากพระเกจิดังทางภาคใต้หลายรูป
นอกจากนี้ ยังมีความรู้ทางด้านสมุนไพรโบราณมาตั้งแต่เด็ก โดยได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดา
หลังจากบวชเรียนได้ระยะเวลาหนึ่งก็ลาสิกขา
ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมอย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการพัฒนาท้องถิ่น หรือแม้กระทั่งการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากให้กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น จนทำให้เป็นที่นับถือของคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก
ในที่สุด ได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ‘บ้านลาแล–เมาะยี’ ต.กาบัง อ.ยะหา จ.ยะลา
ทำหน้าที่ติดต่อกันยาวนานกว่า 18 ปี จนเกิดความเบื่อหน่ายต่อชีวิตทางโลก จึงตั้งจิตด้วยศรัทธาอันแน่วแน่ เข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้ง เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2530 ที่พัทธสีมาวัดพลานุภาพ ได้รับฉายานามว่า ธัมมธโร มีความหมายว่า ภิกษุผู้มีความกล้าหาญในธรรม
ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดห้วยเงาะ เพื่อปลีกวิเวก ปฏิบัติธรรม รวมทั้งศึกษาวิทยาคมต่างๆ กับพระเกจิอาจารย์สายใต้ที่เชี่ยวชาญ ด้านวิปัสสนา รวมทั้งศึกษาสรรพวิชาต่างๆ จากผู้เรืองวิทยาคมอีกหลายท่าน
ในระหว่างนี้เป็นสหธรรมิกกับพ่อท่านเขียว กิตติคุโณ พระเกจิชื่อดังแห่งวัดอรัญวาสิการาม (วัดห้วยเงาะ) ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ด้วยความที่อยู่วัดด้วยกัน ท่านทั้งสองจึงเคยร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรม และร่วมในพิธีกรรมต่างๆ ด้วยกันเสมอ
อยู่จำพรรษาที่วัดห้วยเงาะเป็นระยะเวลานาน 5 ปีเศษ กระทั่งวันที่ 7 ก.ค.2536 ย้ายมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสที่วัดพลานุภาพ
เป็นพระสงฆ์ที่มัธยัสถ์อดออมและ รักสันโดษ ชอบการอ่าน หมั่นศึกษาหาความรู้ในทุกด้าน รวมถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในอันที่จะนำไปสงเคราะห์ผู้อื่นได้ มีเมตตาสูงกับเหล่าศิษย์
ได้รับการขนานนามจากชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า “เทพเจ้าฝ่ายบุ๋นแห่งเมืองลังกาสุกะ” เคียงคู่กับพ่อท่านเขียว กิตติคุโณ แห่งวัดห้วยเงาะ ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่ได้รับสมญานาม “เทพเจ้าฝ่ายบู๊แห่งเมืองลังกาสุกะ”
ส่วนที่มาเนื่องมาจากที่คณะศิษย์ เมื่อได้รับวัตถุมงคล รวมทั้งได้รับการผูกข้อมือด้วยสายสิญจน์จะเกิดความรู้สึกเยือกเย็น ปลอดโปร่งสบายใจ
พ่อท่านพรหม ท่านเป็นพระที่มีเมตตาบารมีสูงมาก เป็นพระที่สมถะและถือสันโดษ ไม่ โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ใครที่เคยไปกราบท่านจะรู้สึกถึงความเป็นเนื้อนาบุญแท้ ๆ ของท่านได้ทันที ท่านมักกล่าวให้ได้ยินบ่อย ๆ ว่า “ชีวิตที่เหลือของท่าน ท่านขออุทิศให้แก่ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์” สรรพวิชาอาคมต่าง ๆ ที่ท่านได้ร่ำเรียนมา ท่านไม่เคยหวง ใครให้ทำอะไร ท่านก็จะทำให้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่เคารพนับถือเฉพาะในหมู่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดและชาวบ้านในหมู่บ้านละแวกใกล้วัดทั้งไทยพุทธและอิสลาม มาระยะหลังนี้เกียรติคุณและบารมีของท่านเริ่มโด่งดังขจรไปทั่วมากยิ่งขึ้นสืบเนื่องมาจากวัตถุมงคลที่ท่านได้แจกให้กับชาวบ้านและเหล่าทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำไปบูชาติดตัวได้ก่อเกิดประสบการณ์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ในหลาย ๆ ด้าน เช่น ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก โดนขว้างระเบิดแล้วไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย แม้กระทั่งบางรายโดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจังก็ยังมีชีวิตรอดมาได้อย่างปลอดภัย
ส่วนเรื่องที่โด่งดังมากที่สุด ก็คือ เรื่องที่ทหารแห่มาที่วัดกันเป็นจำนวนมาก เพื่อมาขอรับวัตถุมงคลจากท่านพร้อมกับเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนทหารท่านหนึ่งถูกยิงหลายนัดแต่ไม่เข้าในตัวมีวัตถุมงคลของพ่อท่านพรหมเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้พ่อท่านพรหมท่านยังเป็นเกจิที่มีความสุดยอดในการประกอบพิธีสะเพาะเคราะห์และเสริมต่อชะตาชีวิตที่เห็นผลกันมานักต่อนักจนเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว แม้แต่พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ และพ่อท่านพล วัดนาประดู่ รวมถึงเกจิอาวุโสหลายท่านในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังกล่าวชมให้กับลูกศิษย์ลูกหาของท่านแต่ละท่านได้ยินได้ฟังบ่อย ๆ
ที่ได้กล่าวไปในข้างต้นทั้งหมดเจตนาเพียงเพื่อต้องการสร้างศรัทธาและต้องการเผยแพร่เกียรติคุณของพระที่ดี ๆ อย่างพ่อท่านพรหมเท่านั้น ครั้งหนึ่งเคยมีคนเรียนถามท่านว่า “ที่ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก ท่านใช้วิชาอะไร” ท่านตอบกลับมาด้วยอาการสงบไม่มีความยินดียินร้ายใด ๆ ทั้งสิ้นว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ฉันก็ทำของฉันไปอย่างนั้นแหละอย่าไปสนใจกับมันเลย” นี่เป็นคำตอบของพ่อท่านที่มีผู้ได้ยินมาจริง ๆ เพราะท่านเป็นพระที่ไม่ชอบโอ้อวด ชอบที่จะถ่อมตนอยู่เสมอ ทุกวันนี้ถ้ามีใครไปถามท่านเรื่องแบบนี้ ก็จะได้รับคำตอบกลับมาในลักษณะนี้ทุกครั้งไป
ด้วยสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง จึงมรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2562 เวลา 01.00 น. สิริอายุ 101 ปี...
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวสด และ onenee.com
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |