พระผงหลวงพ่อคูณ รุ่น ‘ กูทำเอง ปี 2536 ฝังตะกรุดทองคำแท้ 1 ดอก

พระผงที่หลวงพ่อคูณตั้งใจทำเอง รุ่น ‘ กูทำเอง ‘ ปี2536 ฝังตะกรุดทองคำแท้ 1 ดอก
 

ตอกโค๊ต ‘ มิ ‘ ตอกโค๊ตหมึกสีแดงเลขไทย ๗๑ ด้านหน้า 

ด้านหลังเขียนว่า🙏สิริมงคล แซ่ยิด๗๑🙏ยันต์ดวงหลวงพ่อคูณ ด้านข้างตอกหมายเลขหมึกสีแดง

 

ช่วงปลายปี2535 หลวงพ่อคูณได้ปรารภกับคณะกรรมการวัดและลูกศิษย์ว่า หลวงพ่อท่านตั้งใจจะทำพระเองสักรุ่นโดยทำทุกขั้นตอนภายในวัด 

คณะกรรมการวัดและลูกศิษย์เสนอให้สร้างพระกริ่งบ้าง เหรียญบ้าง พระผงบ้าง หลังจากหารือกับหลวงพ่อคูณจึงสรุปว่าจะสร้างเป็นพระผง เนื่องจากสะดวกในการสร้างในวัด 

 

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาในเวลานั้นอาสาที่จะจัดหามวลสารศักดิ์สิทธิ์ให้ ท่านผู้ว่าฯได้ทำเรื่องขอทองคำเปลวที่ปิดที่ศาลหลักเมืองทุกจังหวัดทั่วประเทศ ผงธูปจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ 

อาทิเช่นผงธูปจากวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่ประดิษฐานพระพุทธชินราช เป็นต้น และมวลสารที่เป็นมงคลของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ โดยใช้เวลารวบรวมมวลสารนานถึงเกือบ10เดือน 

หลวงพ่อคูณได้มอบเกศา ผ้ายันต์ ปี2517ผงพุทธคุณเก่าที่หลวงพ่อคูณทำและเก็บไว้กว่า20ปี ไม้แก่นคูณและกาฝากคูณไว้เป็นส่วนผสม

 

 คณะกรรมการวัดจึงวางแผนจัดสร้างโดยถือเอาวันที่ 4ตุลาคม ปี2536 ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 70 ของหลวงพ่อคูณเป็นวันจัดสร้างและเปิดให้บูชา โดยใช้ชื่อรุ่นนี้ว่า “กูทำเอง” 

โดยหลวงพ่อคูณให้ใช้ฤกษ์ตั้งแต่ตีสามถึงบ่ายสาม (๐๓:๐๐ - ๑๕:๐๐) เป็นฤกษ์ในการจัดสร้าง โดยแต่เดิมกำหนดไว้ว่า สร้างได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นในฤกษ์ที่หลวงพ่อคูณกำหนดให้ 

เมื่อใกล้ถึงวันดังกล่าว โรงงานที่ได้รับการว่าจ้างได้ขนย้ายเครื่องมือและอุปกรณ์ในการจัดสร้างต่างๆมาเตรียมพร้อมที่วัดบ้านไร่ 

 

พอใกล้ได้ฤกษ์คณะกรรมการได้นำผ้ายันต์ปี2517 ที่หลวงพ่อคูณมอบให้ไปเผาไฟเพื่อจะได้เอาขี้เถ้าไปผสมกับมวลสาร แต่ปรากฎว่าเผาอย่างไรก็ไม่ไหม้ จึงไปแจ้งให้หลวงพ่อคูณทราบ หลวงพ่อคูณบอกว่าผ้ายันต์ผืนนี้กูเสกคาถากันไฟไว้เผาไม่ไหม้หรอก 

ให้นำไปหั่นเป็นฝอยแล้วเอาไปผสม คณะกรรมการจึงได้นำผ้ายันต์ไปหั่นเป็นฝอยๆ แล้วนำไปผสมกับมวลสารที่เตรียมไว้ ครั้นได้ฤกษ์จึงเริ่มสร้างพระ โดยนำมวลสารที่ผสมแล้วมากดพิมพ์ 

พอได้พระประมาณ 300องค์ ก็นำไปให้หลวงพ่อคูณเสก แล้วนำไปตอกโค้ตและหมายเลข ผึ่งแห้ง หลังจากนั้นก็บรรจุกล่องและเปิดให้บูชา โดยคณะกรรมการวัดตั้งราคาไว้ที่องค์ละ 900 บาท  ซึ่งก็สร้างไป เสกไป ให้บูชาไปตลอด 12 ชั่วโมง 

 

แต่ปรากฏว่ามีผู้ศรัทธาและผู้ที่นิยมวัตถุมงคลของหลวงพ่อคูณต่างพากันมารอแต่เช้ามืด ทำให้พระเสร็จไม่ทันกับความต้องการ ยิ่งสายคนยิ่งเยอะ พอตกบ่ายผู้คนยิ่งแน่น พอพระเสร็จชุดหนึ่งต่างพากันเบียดเสียดแย่งกัน เพราะกลัวจะไม่ได้พระ ทำให้เกิดเป็นจลาจลย่อยๆ คนที่ได้พระก็มีคนมาขอบูชาต่อโดยให้ราคาขึ้นถึงองค์ละ 1,500 บาท ครั้นใกล้หมดฤกษ์ แต่ยังมีผู้คนที่ยังไม่ได้พระอยู่เป็นจำนวนมากและหลายๆคนเดินทางมาไกล ทางคณะกรรมการวัดและลูกศิษย์กลัวจะเกิดปัญหา จึงประชุมกันและเปิดให้จองเพิ่มหลังจากหมดฤกษ์สร้างแล้ว มีผู้ที่ไม่ได้พระในฤกษ์สั่งจองเยอะมากรวมทั้งศูนย์พระต่างจังหวัดและในจังหวัดในเวลานั้นทราบข่าว ต่างพากันมาจองกันเป็นจำนวนมากมาย เนื่องจากเกรงว่าหลวงพ่อคูณจะหยุดสร้างวัตถุมงคล จนคณะกรรมการวัดต้องสั่งโรงงานทำเพิ่มอีก 70,000 องค์ พระที่สร้างในฤกษ์มีพิมพ์เดียว แบ่งเป็น2แบบ คือ 1 แบบหน้าทองคำฝังตะกรุดทองคำด้านหลัง สร้างในฤกษ์จำนวนไม่มาก แจกเฉพาะกรรมการไม่มีให้บูชา 2 แบบธรรมดาฝังตะกรุดทองคำ 1 ดอกด้านหน้า สร้างในฤกษ์ประมาณ 16,000 องค์ แต่พระชำรุดจำนวนมากประมาณ 6,000 องค์ เนื่องจากกดพิมพ์แล้วนำพระที่ได้มาซับให้แห้งโดยใช้กระดาษทิชชู่ ทำให้กระดาษทิชชู่ติดที่ผิวองค์พระ พอแกะทิชชู่ออกพระจึงชำรุด 

 

ตังนั้นในวงการจึงนิยมเล่นกันที่หมายเลขไม่เกิน 10,000 สำหรับพระที่เปิดให้จองเพิ่มนั้น คณะกรรมการวัดว่าจ้างให้โรงงานจัดสร้างเพิ่มอีกประมาณ 70,000 องค์ โดยพระทั้งหมดกลับไปทำที่โรงงาน และปั๊มหมายเลขต่อจนครบ มีจุดสังเกตุว่าพระผงที่สร้างในวัดเนื้อจะจัดกว่าที่ทำที่โรงงาน พระที่ทำในวัดได้รับความนิยมมาก เป็นที่ต้องการของตลาดจนราคาขึ้นไปถึงองค์ละ 5,000 บาท แต่หลังจากพระที่ทำที่โรงงานออกมาประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ปี2517 ศูนย์พระในจังหวัดและต่างจังหวัดได้นำมาเทขายอย่างหนัก จึงทำราคาพระรุ่นนี้ตกลงเหลือองค์ละพันกว่าบาท อย่างไรก็ตามพระที่สร้างในฤกษ์ ก็ยังหาได้ยาก พระผงรุ่น “กูทำเอง” ที่สร้างในฤกษ์นี้มีเจตนาการสร้างที่ชัดเจนและบริสุทธิ์ มวลสารที่ใช้ในการสร้างล้วนแล้วแต่เป็นมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากทั่วประเทศ โดยใช้เวลารวบรวมมวลสารเกือบ 10 เดือน พระชุดที่สร้างในฤกษ์นี้เป็นพระที่น่าใช้มาก ขึ้นคอได้ไม่อายใคร แต่เป็นที่น่าเสียดายที่พระชุดนี้ขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดี ทำให้นักสะสมโดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆ ไม่รู้ประวัติและแยกแยะไม่ออก ดังนั้นลองกลับไปหาดูที่บ้าน ถ้าใครมีรุ่นนี้อยู่ ให้พลิกดูเลขสีแดงที่ปั๊มอยู่ขอบข้างองค์พระ ถ้าเป็นเลขต่ำกว่า16,000ก็ขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณมีพระที่สร้างในฤกษ์อยู่ในครอบครองครับ 

 

ประชาชนส่วนใหญ่มักเสาะแสวงหาวัตถุมงคลของหลวงพ่อคูณไว้ติดตัวจนลืมนึกถึงคติธรรมคำสอนของหลวงพ่อคูณ แม้หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ จะไม่ใช่พระนักเทศน์ แต่จากคำพูดตรงๆง่ายๆ ของหลวงพ่อคูณก็ได้แทรกหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ

 เป็นการเตือนสติในการประพฤติปฏิบัติ เพื่อพัฒนาจิตใจของ พุทธศาสนิกชนให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้ที่ปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อจะเกิดประโยชน์สุขในการดำรงชีวิต ซึ่งจะเป็นผลต่อความสงบเรียบร้อยในสังคม 

 

คติธรรมคำสอนของหลวงพ่อคูณ

“คนเราเกิดมาก็ต้องแสวงหาความดีงาม การทำคุณความดีจึงจะเกิดคุณประโยชน์ต่อชาติ ต่อสังคมและพระพุทธศาสนา คนเรามัวแต่จะมาหลงตัวมัวเพลินกับข้าวของเงินทองมันจะมีแต่ทุกข์ 

ลูกที่รัก เมียที่รัก เพื่อนสหายที่รักก็เอาติดตัวไปไม่ได้ เพื่อนที่รักก็ตาม บุตรสามีก็ตาม เมื่อเราล้มหายตายจาก เขาก็ไปส่งเราแค่กองฟอน(เมรุ) จะเก็บไว้นานก็ไม่ได้ 

จะอาลัยอาวรณ์อยู่ชั่วครู่เท่านั้นเอง ตายแล้วทำอะไรไม่ได้ เขาเผาเสร็จก็กลับกันหมด ไม่เหลืออยู่เป็นเพื่อนเลย นี่จึงน่าจะคิดพิจารณากัน เมื่อตายแล้วคนที่ตายไปจะไปสู่สุคติหรือทุคติก็ไปด้วยตัวเขาเอง 

จะหาอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากความดีก็ไปสู่สุคติสะดวกสบายในโลกสวรรค์ ถ้าแม้ทำแต่ความชั่วก็ไหลลงสู่ที่ต่ำคือนรกเท่านั้นไม่มีอะไรมาก ดังนั้น ท่านจึงให้พิจารณาเสมอว่าตาย ตาย ตาย ทุกลมหายใจเข้าออกให้เห็นความจริง 

เพื่อลดกิเลสตัณหาอุปาทานของตนเอง โลกจะอยู่กันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข โดยถือว่า ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน

 คนจนหรือคนรวยก็ตายเหมือนกัน ตายแล้วก็ไม่สามารถนำอะไรติดตัวไปด้วยได้ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงตกอยู่ในอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา”