ไฮไลท์
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร เนื้อเงินลงยาแดง รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561
เนื้อเงินลงยาแดง เส้นผ่าศูนย์กลาง 22 มม.
🐉#เนื้อเงินลงยา ขนาด 22” เป็นขนาดที่มีการจัดสร้างน้อยที่สุดของไซค์ทั้งหมด จัดสร้าง เพียง 600 วงเท่านั้น
#พุทธคุณ มังกรเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงมั่งคั่งร่ำรวยของชาวจีน เมื่อนำมารวมกับแหวนไอ้ไข่แล้ว ความเฮงก็เกิดขึ้น ไอ้ไข่ขอได้ไหว้รับ ให้โชคให้ลาภ เมตตาค้าขาย แล้วยังมีมังกรอยู่คู่บารมีแบบนี้ ถือว่าใครได้สวมใส่แล้วต้องมีแต่เรื่องดีๆแน่นอน
คาถาบูชาไอ้ไข่
นะโม 3 จบ
“อิติ อิติ กุมารไข่เจดีย์ จะ มหาเถโร ลาภะ ลาภา ภะวันตุเม”
ไอ้ไข่วัดเจดีย์ หรือ ตาไข่วัดเจดีย์ คือรูปไม้แกะสลักของเด็กชายอายุประมาณ 9 -10 ขวบ ตั้งอยู่ในศาลาในวัดเจดีย์หรือวัดไอ้ไข่ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 7 ตำบลฉลอง อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่ ณ วัดแห่งนี้ เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตั้งแต่ในละแวกใกล้วัด ไปจนถึงต่างจังหวัดในแถบภาคใต้ จากศรัทธาที่เชื่อกันว่า “ขอได้ ไหว้รับ” โดยเฉพาะโชคลาภและการค้าขาย
การปลุกเสกไม่ได้ทำกันง่ายๆ เพราะท่านได้กำหนดไว้ว่า การสร้างองค์ท่าน(ผ่านร่างทรง)บอกว่า ให้เสกได้แค่ 10 ปีครั้งเท่านั้น คือที่ออกจากวัดเจดีย์ ต้องสร้าง10ปีครั้ง แต่ถ้าออกวัดอื่นเพื่อบำรุงวัดนั้นๆไม่นับ จึงทำให้มีผู้สนใจเช่าบูชากันมาก ตอนนี้เมื่อวันนี้ วัตถุมงคลราคาวัดขึ้นจากใบจองมาเป็น 2 เท่าแล้ว
การบูชาท่านนั้น จะให้ผลดีมากเหลือเกิน เพราะแค่รูปปั้นท่านที่ยังไม่ได้เสกแต่มีคนมาบนก็ถูกรางวัลกันรวยกันไปไม่น้อยทีเดียว
การตั้งหิ้งบูชากุมารไข่เด็กวัดเจดีย์✨✨
...วันและเวลา ใช้วันและเวลาที่สะดวกสำหรับท่าน
***ถ้าเป็นช่วงเวลาเช้าจะดีมาก****
✨✨จุดธูป จุดเทียนเหมือนการบูชาปกติ
ตั้งนะโม3จบ ตั้งจิตให้นิ่งแล้วอธิษฐาน..เอ่ยปาก
(บอกวัตถุประสงค์ของการบูชา)
..เสริมโชคลาภ เสริมทรัพย์ เสริมบารมี เสริมหน้าที่การงาน
..เสริมการค้าขาย เสริมการเจราจาต่อรอง
..ปกป้องคุ้มภัยให้ข้าพเจ้า....และครอบครัว
..และขอให้ข้าพเจ้าสมหวังดังที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ
(วันแรกของการตั้งหิ้งควรมีของถวายบ้าง)
✨✨ไม่ควรตั้งหิ้ง
1)หันไปทางหน้าห้องน้ำ
2)ปลายเท้ายื่นไปหาหิ้ง
3)ไม่ควรตั้งสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป
4)ใต้บันได ใต้แอร์ ใกล้กับราวตากผ้า
ใกล้กับที่วางรองเท้า ใกล้เตาไฟ ใกล้กรงสัตว์เลี้ยง
ทิศที่ควรหันไป ยกเว้นทิศตะวันตก นอกนั้นได้หมด
แต่ต้องดูความเหมาะสมอื่นๆ ประกอบด้วย จริงๆ แล้วแต่ละทิศจะส่งเสริมดวงชะตาต่างกันไปแล้วแต่บุคคล
ทิศตะวันออก จะหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ด้านเงินทองและโชคลาภ คนจึงนิยมหันไปทางนี้
ทิศเหนือ จะดีเรื่องอำนาจวาสนาบารมี
ทิศตะวันตก ที่คนไม่นิยมเพราะเป็นทิศที่หันหัวคนตายไปทางนั้น
แต่หากศึกษากันจริงๆ แล้วคนโบราณจะมีคติความเชื่อที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ แล้วนำมาปฏิบัติจนเป็นวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งหากตีความดีๆ แล้ว เราจะทึ่งในความฉลาดของบรรพบุรุษ ว่าคิดได้อย่างไร
สรุป ทุกอย่าง มีเหตุ และผล ให้พิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนที่จะได้พิจารณาอย่างรอบคอบตามองค์ประกอบและสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันขณะนั้น
วิธีการบูชา
ทางวัดบอกว่า ขนมหวาน น้ำ ได้หมด แต่ที่ควรบูชาที่ท่านชอบคือ น้ำแดง และขนมเปี๊ยะจะดีมาก และไม่ควรถวายของแก้บนหรือบนบานในวันพระ
ของที่นิยมนำมาเป็นของแก้บนคือ
1.ไก่ชน แบบปูน
2.ชุดทหาร
3.หนังสติ๊ก
4.ประทัด
จุดธูป 3 ดอกสำหรับการบูชา แต่ถ้าแก้บนจุด1 ดอก ทั้งนี้ ตามคำบอกเล่าของกรรมการวัด
การบูชาและขอพรไอ้ไข่
...เรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือ "พลังจิต" เพราะพลังจิตที่กล้าแกร่งมีสมาธิเป็นหนึ่งเดียวนั่นคือ แรงส่งมหาศาล ที่จะนำแรงสัจจะอธิษฐานในการบูชาให้ได้ผลตามที่มุ่งหวัง ซึ่งขอให้เข้าใจเสียก่อนว่า พลังจิตที่เราใช้เป็นแรงส่งหรือเชื่อมกับไอ้ไข่ เป็นเพียงพลังส่งการไปขอพร ขออำนาจบุญบารมีจากไอ้ไข่
...การไปขอ ไม่ใช่เป็นการไปบังคับ ซึ่งเราไม่มีอำนาจอะไรไปบังคับท่านได้ว่าท่านจะต้องช่วยหรือไม่ช่วย และรับรองได้ว่าคนที่กำลังเกิดทุกข์นั้น #ไม่มีพลังจิตพอด้วย เพียงไปขอความเมตตาจากท่านเท่านั้น
พลังจิตเป็นพลังธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และในตัวเราทุกคนนั้นมี จะมีมากหรือน้อยจะเชื่อมต่อกับท่านได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับฐานกำลังจิตเดิมที่มาจากกรรมดี ที่เคยทำมาหรือมีกรรมร่วมกันมา. การขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดลบันดาลให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องขออย่างมีสติ
...ในเวลาที่เรากำลังขอพรอยู่นั้น เราต้องรวมจิตให้มีพลังเพื่อเชื่อมบุญต่อกับท่านเหล่านั้น
แต่ความสำเร็จที่เราปรารถนานั้น เราต้องรุ้ว่าที่ขอนั้นบุญหรือบาป ผิดต่อศีลธรรมไหม ถ้าบาปก็งดไม่ต้องขอ ถ้าดีก็ทำยิ่งๆ ขึ้นไป เวลาขอพรเราต้องศรัทธา กราบสักการะด้วยความปิติยินดี จึงจะมีความสุข เมื่อมีความสุข #ความสำเร็จจะอยู่ที่เรา
เราต้องปฏิบัติดี ทำดี อยู่ในศีลธรรม แล้วความสุขและสิ่งที่เราปรารถนาจะอยู่กับเราแน่นอน....
วันพระ หรือ วันธรรมสวนะ หรือ วันอุโบสถ หมายถึง วันประชุมของพุทธศาสนิกชนเพื่อปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาในพระพุทธศาสนาประจำสัปดาห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปอีกคำหนึ่งว่า "วันธรรมสวนะ" อันได้แก่วันถือศีลฟังธรรม (ธรรมสวนะ หมายถึง การฟังธรรม) จากเหตุนี้ จึงไม่นิยมที่จะทำการแก้บนในวันพระ เพราะอาจจะไปรบกวนการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาได้
การเรียก "ไอ้ไข่" ไม่ใช่ว่าเราจะไม่แสดงความเคารพ แต่นั้นคือรูปนามของท่าน ท่านจะรับรู้ชื่อท่านในนามว่า "ไอ้ไข่" ก่อนหน้านั้นชาวบ้านเรียกท่านว่า เด็กวัด ทวดเที่ยง หักเหล็ก ผู้แกะไม้ทองหลวง ในยุคต้น
และผู้แกะไม้ตะเคียน ตามคำขอของ เด็กวัด ใน ปี ๒๕๒๕ ว่า.. "ช่วยแกะรูปใหม่ให้เราหน่อย" ถือได้ว่า ทวดเที่ยง เป็นผู้เปิดตำนาน "ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์" ตัวจริง ได้ตั้งชื่อให้ เด็กวัด ว่า "ไอ้ไข่" ในปี ๒๕๒๖ การเรียกทั่วๆ ไป ใครจะเรียก ตาไข่, ลุงไข่,ทวดไข่ ก็ตามแต่ท่านจะเรียกแล้วกัน #แต่ข้อบอกเคล็ดลับว่า เวลาไหว้ขอพร หรือบนบานท่าน ให้เรียก "ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์" เพราะอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าท่านจะรับรู้นามนี้ ท่านจะได้รับรู้คำขอ คำบนบาน ของเราเร็วขึ้น
"ไอ้ไข่" ท่านไม่ใช่กุมาร (ทอง) ท่านเป็นดวงจิตที่มีอิทธิฤทธิ์ และสะสมบุญบารมี ด้วยการช่วยเหลือชาวบ้าน ต่อมาก็มาช่วยเหลือสร้างความเจริญ ให้บวรพุทธศาสนา ส่วนตัวเชื่อว่าท่านน่าจะ ยกระดับจิตเป็น #ขั้นเทพ ไปแล้ว
และด้วยเหตุที่ "ไอ้ไข่" ไม่ใช่กุมาร (ทอง) ดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยง การเรียกท่านว่า.. ลูก (เพราะหลายคนเรียกแบบนี้จริงๆ) ด้วยความเข้าใจผิด คิดว่าท่านเป็นกุมาร (ทอง)
ประวัติ ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ความเป็นมา ที่ไม่มีใครเคยรู้
ความเป็นมาอะไรไม่รู้ น่ากลัวอยู่เหมือนกันค่ะเพื่อนๆ แต่ก็ต้องทำงานตามเป้าหมายให้เสร็จสิ้นกันไปจากนี้คงบอกได้เพียงว่าทุกอย่างต้องค่อยๆตัดสินใจในสิ่งที่ต้องการอยากจะรู้ค่ะ ทุกเรื่องไม่มีผิดหรือถูกอยากจะให้เพื่อนๆลองทบทวนเรื่องราวต่างๆ หลายทางหรือเพื่อนๆใครที่เคยทราบความเป็นมากันอยู่ทุนเดิมปกติ อาจจะทำให้ไม่แน่ใจกันเท่าไหร่น่ะ วันนี้อยากจะให้เพื่อนๆเข้ามาสักการะ เข้าใจความเป็นมาจากผู้ทราบเรื่องราวหรืออ่านประวัติกันมาบ้างแล้ว และได้นำรูปภาพเข้ามาอ้างอิงให้แก่เพื่อนๆตามเคยค่ะ อ่าน..ประวัติ ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ความเป็นมา ที่ไม่มีใครเคยรู้ ++
เรื่องเล่า ไอ้ไข่ เทพเจ้าแห่งสามัญชน
พระอธิการอภิชิต เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเล่าให้ฟังว่าปู่ของปู่ๆๆ หรือย่าของย่าๆๆ บอกว่าตรงนี้เป็นที่วัดมีเด็กเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด แต่ท่านอาจารย์ก็ไม่ละความพยายาม สืบค้นเค้าคำเล่าความจากคนโน้นคนนี้มาปะติดปะต่อพอเป็นเรื่องราวว่า
"ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์" ท่านเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เกิดในสมัยไหนไม่มีข้อมูล เล่ากันว่า ในครั้งกระโน้นพระขรัวทอง เป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์ มีเด็กวัดซึ่งเป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ 2 คน คนหนึ่งชื่อเหมียน อีกคนหนึ่งไม่ทราบชื่อ คนที่ไม่ทราบชื่อนั้นชาวบ้านเรียกกันว่า”ไอ้ไข่”“ไอ้ไข่”เป็นเด็กซุกซน แต่ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่เกรงกลัวใคร มีความรู้ทางเวทย์มนต์ คาถาอาคม มีลักษณะพิเศษเหนือกว่าเด็กธรรมดาทั่วๆไป
พระอาจารย์ทองเล่าต่อว่า ในตำนานเมืองนครกล่าวถึงเหตุการณ์ตอนเจ้าพระยาคืนเมือง มีท้องตรามายังเมือง"อลอง"(คำนี้ปราชย์ท้องถิ่นยืนยันคำอ่านว่า หลอง) มีบันทึกว่า...มาถึงเมืองอลอง แวะพักหนึ่งคืน นมัสการสมภารทองมีศิษย์เกะกะชื่อว่าไอ้ไข่...เล่ากันว่าหากชาวบ้านหมดปัญญาสามารถในเรื่องใดต้องนึกถึงไอ้ไข่เด็กวัด หรือไปออกปากให้ช่วยเหลือ เป็นอันต้องสำเร็จ จนถือกันว่าเป็นเด็กที่มีความแปลกอานุภาพพิเศษ สร้างความแปลกใจใจให้แก่ชาวบ้าน ถึงแม้ไอ้ไข่จะเป็นเด็กซุกซนแต่ก็ไม่มีใครเกลียดชัง กลับกลายเป็นเด็กที่ไปได้ทั่ว อยู่ในความระลึกของชาวบ้านตลอดมา และยังบ่งบอกว่าไอ้ไข่เป็นเด็กที่มีความจริงทั้งวาจาและจิตใจ ถือสัจจะเป็นหลัก สิ่งใดที่รับปากแล้วเป็นต้องทำให้ได้ ถึงแม้บางครั้งเป็นเรื่องอันตรายก็ตาม บางคนเล่าว่าหากควายตัวใดไม่ยอมให้จับหรือพยศ หากไอ้ไข่รับปากจับให้แล้วเมื่อตอนเข้าไปใกล้ควายหากไอ้ไข่จับหางติดแล้ว ก็ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาดไม่ว่าควายจะวิ่งอย่างไร ในที่สุดควายต้องละพยศหมดฤทธิ์ลงโดยสิ้นเชิง ไอ้ไข้ กลายเป็นเด็กที่คนยุคนัั้นกล่าวขวัญกันไม่รู้จบ
ท่านสมภารรูปปัจจุบันเล่าเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อท่านขรัวทองชราภาพ ท่านขรัวเห็นว่าวัดมีภัยทางศึกพม่าบุกเมืองนครแน่นอน วัดเจดีย์ ก็เป็นด่านหนึ่งที่พม่าบุก(ในสงคราม 9 ทัพ) เป็นเหตุให้ชาวบ้าน ชาววัด ต่างหนีศึกพม่าไปคนละทิศละทาง (ความตรงนี้มีหลักฐานชื่อบ้านในละแวกใกล้เคียงรองรับ เช่นทุ่งสู้เมือง นาค่าย ทุ่งเจ้าไชย เป็นต้น) ท่านสมภารทองเห็นดังนั้น จึงบอกให้ไอ้ไข่ช่วยรักษาวัดอย่าได้ทิ้งไปไหน(ความตรงนี้ ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี เรียกคนที่รักษาวัดว่า เลขวัด มีการสักเลขเป็นเครื่องหมายไม่ต้องให้ทางการเกณฑ์ไพร่พลไปรบ) ท่านสมภารทองเองก็อยู่ปกป้องคุ้มครองรักษาวัดด้วยเช่นกัน
พระอธิการอภิชิต เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเล่าต่อว่า ไม่สามารถทราบได้ว่าท่านสมภารขรัวทองมรณภาพเมื่อใด และไอ้ไข่มีชีวิตถึงสมัยไหน บ้างเล่าต่อๆกันมาว่า หลังจากท่านขรัวทองมรณภาพแล้ว ไอ้ไข่ก็เดินลงไปในสระน้ำหน้าวัด แล้วไม่ขึ้นมาให้ใครเห็นอีกเลย แต่วันดีคืนดีแม้ในปัจจุบัน ยังมีคนเห็นเด็กวิ่งเล่นในวัดหรือปรากฎร่างเด็กให้เห็น หรือมีเสียงเด็กให้ได้ยิน หรือปรากฏแก่ผู้ที่มานอนวัดเจดีย์แบบครึ่งหลับครึ่งตื่น
ราว พ.ศ.2543 ปีนั้นวัดนี้ไม่มีภิกษุจำพรรษา นายทหารจากกองทัพภาคที่ 4 นครศรีธรรมราช นำทหารมาปราบปรามผู้ก่อการร้ายแวะพักค้างคืนในเปลสนามที่ผูกติดกับต้นไม้ โดยไม่ได้บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะนายทหารผู้นี้ไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับวัดนี้มาก่อน ขณะทำท่าว่าจะหลับโดนเขกกบาลตกใจผงกหัวขึ้นมา เห็นเงาเด็กวิ่งหายไปในความมืด ท่านโดน 2-3 ครั้งต้องสั่งทหารเคลื่อนกำลังพลกลางดึก ปัจจุบัน (2553) ท่านผู้นี้ยังมีชีวิตและเล่าให้ใครต่อใครฟัง จากนั้นนามไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ก็ขจรขจายไปทั่วสารทิศ)
ก่อนหน้าที่นายทหารนำกำลังพลมาพักดังกล่าวแล้ว ที่วัดมีรูปแกะสลักทำด้วยไม้อยู่ในกุฏิ รูปแกะสลักมีความเป็นมาอย่างไร ท่านเจ้าอาวาสเล่าให้ฟังว่า…อยู่มาวันหนึ่ง ผู้ใหญ่เที่ยง เมืองอินทร์ ฆราวาสจอมขมังเวทผู้มีฉายาว่า"เที่ยง หักเหล็ก" (เพราะท่านมีอาคมแก่กล้าหักตะปู มีดพร้าได้) ท่านนำไม้ตะเคียนมาแกะสลักเป็นรูปคน แล้วอัญเชิญวิญญาณมาสิงสถิต และขนานนามรูปแกะสลักนั้นว่า"ไอ้ไข่วัดเจดีย์"
ดังนั้นนามเรียกขานประกอบด้วยคำสองคำ คือคำว่า"ไอ้"กับคำว่า"ไข่"รวมเป็น"ไอ้ไข่"คำนี้มีความหมายตามพจนานุกรมว่า ชื่อเพื่อนฝูงแสดงว่ามีความสนิทสนมมาก และไอ้ไข่ ท่านรับร่างไม้ที่ผู้ใหญ่เที่ยงแกะสลักให้ และรับนามนั้นด้วย
แต่บางคนเข้าใจว่าคำว่า"ไอ้"เป็นคำไม่สุภาพจึงใช้คำอื่นแทน เช่นน้องไข่ ตาไข่ ลุงไข่ ทวดไข่ ลูกไข่ หรือ ไข่ ซึ่งจะเป็นว่าหมายถึงผู้อื่นที่มิใช่ท่าน"ไอ้ไข่ วัดเจดีย์”
รูปแกะสลักด้วยไม้ดังกล่าวประดิษฐานอยู่ที่กุฏิ มีคนมากราบไหว้บูชา ขอพร บนบานศาลกล่าวขอให้มีโชคได้ลาภในการเสี่ยงดวงเล่นพนันขันต่อ หรือขอให้ช่วยเรียกคนให้มาซื้อของ หรือให้ทำยอดให้ได้ตามเป้า หรือของหายขอให้ช่วยหา หรือขอให้ช่วยปกป้องภัยนานา แล้วนำสิ่งของมาแก้บนมิไดเว้นแต่ละวัน ครั้นถึงวันสงกรานต์ 13-17 เมษายน ของทุกปีมีการจัดงานบุญ คณะกรรมการวัดนำรูปมาประดิษฐานยังปะรำพิธี ให้คนสรงน้ำพระแล้วอาบน้ำ ไอ้ไข่ ขอพรด้วยความเชื่อมั่น ศรัทธาใน “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ : เทพแห่งสามัญชน"
ประเพณีที่น่าสนใจของวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่)
งานประเพณีให้ทานไฟ ประมาณเดือนมกราคม
งานประเพณีสงกรานต์ ประมาณวันที่ 12-16 เมษายน
ไอ้ไข่มีความเป็นมาเนิ่นนานก่อนที่วัดเจดีย์จะกลับมาเป็นวัดอีกครั้ง หลวงพ่อสนทนาว่า เมื่อก่อนเขาเรียกว่าเด็กวัดเฉยๆ เวลาบนบานสารกล่าวเขามักออกชื่อว่า "ท่านเจ้าวัดและเด็กวัดเจดีย์" คำว่าไอ้ไข่เพิ่งมาเรียกเอาตอนพ่อเที่ยงแกะสลักรูปไม้แล้ว เหตุผลว่า อาจารย์เที่ยงหรือผู้ใหญ่เที่ยงนิมิตว่ามีเด็กไปบอกให้สร้างรูปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2523-24ในนิมิตเมื่อเห็นเด็กแก้ผ้าเปลื่อยกายกับพระจีวรสีคล้ำไปยืนให้เห็นในนิมิต และเอ่ยปากว่าแกะรูปเราให้ที เราจะได้มีที่อาศัยอยู่เป็นหลักแหล่ง ตาเที่ยงถามว่าใครหรือนี้ เด็กในนิมิตจึงบอกว่า"เราไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์" ตั้งแต่นั้นมาจึงได้รู้ว่าเด็กวัดนี้ชื่อ ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์
ประสบการณ์
เรื่องที่1
อาจารย์สอนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ท่านมีผ้ายันต์ตาไข่ สีแดงของที่เข้าพิธีปีนี้ใส่ในกระเป๋า ตอนสอน นศ. และได้มี นศ. คนใต้คนนึ่งได้โขมยไปในตอนที่ อาจารย์เผลอได้ข่าวว่า นศ. คนนี่เล่นของเหมือนกัน และลูกค้าได้มาปรึกษาผม ผมบอกว่าเดี๋ยวลองไปอ่านเรื่องราวตาไข่ไม้ตะเคียนที่ผมลงให้จบ เดี๋ยวคุณก็ทราบว่าตาไข่ท่านสุดยอดที่สุดในกุมารเทพแล้ว และแล้วเมื่อเช้าและผมบอกว่าผ้ายันต์แท้ เดี๋ยวก็ได้กลับมา มันเอาไปได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวมันเจอดีแล้วจริงๆครับ มันก็เอามาคืนโดยไม่ทราบสาเหตุ
เรื่องที่ 2
::ตาไข่ไม้ตะเคียน ไม้จากเสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช (ของขุนพันธ์) ::
-กุมารไอ้ไข่ สร้างจากไม้ตะเคียนนี้ผมไม่มีปัญญาเช่าหรอกนะครับ เพราะถึงมีเงินไปวัดก็ใช่ว่าจะเช่าได้ ต้องเป็นคนในเท่านั้นที่จะเช่าได้โดยไม้ตะเคียนที่นำมาแกะตาไข่นี้เป็นไม้ที่ได้มาจาก"เสาหลักเมืองนครศรีฯ"เมื่อปีพ.ศ.2530
โดยมีท่าน พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช(ขุนพันธ์) ท่านได้เสกลงคาถาอย่างเต็มเปี่ยมลงในไม้ต้นนี้และไม้ที่ทำก็ได้มีลูกศิษย์เก็บใว้เพื่อนำมาแกะเป็น ตาไข่ในปี พ.ศ.2556 เพื่อหาปัจจัยทำบุญสร้างกุฏิตาไข่และเสนาสถานทั้ววัดเจดีย์นี้โดยผู้ที่ร่วมทอดกระถินกลองละ 3 หมื่นบาทเท่านั้นถึงจะได้ตาไข่ไม้แกะนี้ไปครับ
- ไม้ตะเคียนชิ้นนี้มีความสักศิษย์ถึงกระทั่งผู้ทรงศีลที่มีของมีครูในพื้นที่ซึ่งเป็นศิษย์พ่อขุนพันธ์ถึงกับหงายหลังเมื่อได้จับไม้ตะเคียนชิ้นนี้ เพราะแรงสุดๆจนต้องนำสายศิลมาผูกที่ข้อแขนกันของเข้าตัวเองถึงยังไงก็ยังเอาไม่อยู่ครับพอท่านเรียกของของนั้นกลับมีพลังแรงเหนือคะนานับ
-หลังจากนั้นก็ได้ขออนุญาติบวงสรวงให้ได้มีการสร้างในปีนี้เช่นกัน2556
"ช่างไม้คนแรก"
หลังจากนั้นก็ได้มีคนนำไปแกะซึ่งช่างคนแรกฝีมือดี แต่เมื่อลงมือแกะ ก็มีอาการปวดหัวอย่างมากลูกเมียไม่สบายทั้งบ้าน พอลงมือทีไรก็ปวดหัวแทบแตก รุ่นเช้าช่างคนแรกเลยส่งไม้คืนและเชื่อกันว่าตาไข่ไม่ยอมให้ช่างคนนี้แกะ เพราะอาจจะสกปรก เช่น ติดตาหรือทำตัวไม่ดีมีใจสกปรก เมื่อนำไม้มาคืน ก็หายป่วยทั้งบ้านเลยครับ
"ช่างไม้คนที่2"
เมื่อช่างคนที่สองแกะเป็นเด็กหนุ่มก็แกะได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ เพราะเหมือนท่านจะอนุญาติแล้วครับ
หลังจากเสร็จเรียบร้อยทางผู้สร้างซึ่งเป็นศิษย์เชื่อสายพ่อขุนพันธ์ ท่านได้กล่าวว่า ตาไข่ท่านพาเทพมาเยอะมาอยู่ในไม้ในวัตถุมงคลต่างๆมากเพราะฉนั้นมงคลเต็มๆเหรียญเต็มไม้และเต็มองค์แน่นอนครับ
ก่อนหน้าที่ผมจะเจอรุ่นนี้โดยบังเอินผมฝันเห็นพ่อขุนพันธ์ สับไม้ถ่อน แต่เป็นไม้เสาบ้านนะครับแล้วไล้เราออกไปอย่างดุดัน แล้วเราก็ออกไปเจอวัวกระทิง มาวิ่งไล่ขวิดลูกชายผมลูกผมหลบทัน แล้วมาขวิดผม ผมก็พูดดีๆ วัวนั้นก็สงบลงทันดีและพ่อขุนพันธ์ท่านก็เรียกมาหาแล้วดูท่านเลื่อยไม้ต่อครับ และเจอผ้ายันต์แดงๆมีเลขด้วย แต่จำไม่ได่จริงๆ
แล้วพอช่วงบ่ายของวันนี้ วันที่ 3พค 56 ผมได้มารับรูปหล่อเนื้อเงินตาไข่วัดเจดีย์ ที่ผมได้ขอเช่ามาจากคนที่เขาจองมาจากวัด 1 องค์ผมก็เจอคนที่เขาเอา ตาไข่ ไม้ตะเคียนมาเลี่ยมกรอบ ผมเลยขอเขาดูและขอถ่ายรูปมาให้ท่านใด้ชมกันเป็นบุญตาครับ
เรื่องที่ 3
วันที่ 16เมษายน 56 เจอกับตัวคือ ขับรถไป กับเพื่อน เพื่อนที่เคยบูชาและยังขาดความเชื่อเรื่องกุมารเลยแต่พอมาก็เช่าเหรียญไป1เหรียญเล็กๆ กลับบ้านไป ถูกล๊อตตารี้2ตัว เฉยเลยทั้งๆที่ ตอนซื้อเก็บใว้ที่บ้านแน่ใจมากว่าไม่ใช่เลย 86 แต่เมื่อกลับไปที่บ้านก็ออก 86จริง(วันที่ไปวัดเป็นวันที่ 16 พอดี แต่กลับมาดุเลขในตอนเย็น)ออก 86 ส่วนผมเลขรถ 46 รางวัลที่1ก็ 846 (16 เมษา 56) แต่ผมไม่ซื้อเลยอด
เรื่องที่ 4
คือเมื่อที่ผมได้บูชาตาไข่วัดเจดีย์ ปี 56 องค์บูชา 16 นิ้ว มาใว้ในบ้านก็ลองบนดุว่าหากมีเงินเข้าจากการขายของก่อน 10 โมง(เพราะปกติจะเข้าตอนบ่าย)และก็เข้าจริงๆครับ 10 โมงแป๊ะ ผมก็แก้บนด้วยผ้าสามสีทำเป็นกางเกงห่ออวัยวะเพศให้ทันที และในคืนนั้นนี้เอง
ผมได้ฝันเห็นท่านมาเป็นรูปหล่อแบบที่ผมเช่ามาแล้วท่านยืนอยู่หน้าชายหาด มีผ้าสามสีที่ติดอยู่ด้วย แล้วประนมมืออยู่ ท่านบอกว่าเดี๋ยวจะเรื่องลม ฝน คลื่นยักมานะ แล้วก็มาอย่างโหมกระหน่ำ เริ่มจากฝัน ลมและมาคลื่นมาหนักมาก แล้วท่านบอกว่า ลงไปเลยลูก มึงจะไม่ตายหรอกเอาเหรียญกูไปให้มัน ทันใดนั้นผมก็มองลงไปในทะเลแล้วเจอเพื่อนผมที่กำลังจะเป็นครูในสามจังหวัด กำลังพายเรื่ออยู่ ผมบอกตาไข่ว่าไม่กล้าลง แล้วผมก็ตื่น แล้วผมก็รีบนำเหรียญรุ่นรับทรัพย์ปี 56 นี้ไปให้เพื่อนบูชา จากที่เขากลัวผีมาก แต่คราวนี้เขารับเฉยเลยอย่างมั่นใจแบบว่าพร้อมจะบูชาอย่างสนิดใจแล้วเพื่อนผมบอกว่าตั่งแต่มีตาไข่ ก้รู้สึกนอนหลับสบายมากสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
เรื่องที่5
ผมได้มอบเหรียญตาไข่ถวายให้พระอาจารย์ท่านนึง แล้วท่านก็บอกกับเหรียญเม็ดแตงตาไข่ว่า อยากได้มาบูชาอีก แล้วก็มีคนมาถวายอีกจริงๆครับ
🐓 ประวัติ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ 🐓
วัดเจดีย์หรือวัดไอ้ไข่ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 7 ตำบลฉลอง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เคยเป็นวัดร้างที่เชื่อกันว่าสร้างมาเป็นเวลานับ1000 ปี มีเพียงเจดีย์โบราณเก่ารกร้างอยู่ตรงบริเวณที่กำลังสร้างโบสถ์ในปัจจุบัน จนเมื่อประมาณ พ.ศ.2500 มีการบูรณะวัดเจดีย์ขึ้นมาใหม่ มีพระเข้ามาอยู่ประจำ เป็นที่ปฏิบัติศาสนกิจของชาวบ้านใกล้เคียง และเป็นที่ประดิษฐานของ “พ่อท่าน” พระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่ยังป็นวัดร้าง
ไอ้ไข่วัดเจดีย์ หรือ ตาไข่วัดเจดีย์ คือรูปไม้แกะสลักของเด็กชายอายุประมาณ 9 -10 ขวบ ตั้งอยู่ในศาลาในวัดเจดีย์เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่ ณ วัดแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตั้งแต่ในละแวกใกล้วัดไปจนถึงต่างจังหวัดในแถบภาคใต้จากศรัทธาที่เชื่อกันว่า “ขอได้ไหว้รับ” โดยเฉพาะโชคลาภ และการค้าขาย
เรื่องราวของไอ้ไข่หรือตาไข่นั้น มีที่มาจากการที่ชาวบ้านแถวนั้นเคยเห็นภาพเด็กวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณวัด เมื่อเข้าไปหาดูก็ไม่พบว่ามีเด็กมาพักอาศัยในบริเวณนั้นแต่อย่างใด เหตุการณ์เช่นนี้ปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ ชาวบ้านจึงเรียกเด็กที่ปรากฏร่างนั้นว่า "เด็กวัด" ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวิญญาณที่สถิตย์อยู่ ณ วัดเจดีย์แห่งนี้ และเรียกวิญญาณดวงนี้ว่าไอ้ไข่ ซึ่งเป็นคำที่ชาวบ้านในภาคใต้ใช้เรียกเด็กเล็กๆ เมื่อเชื่อกันว่าไอ้ไข่คือวิญญาณดวงหนึ่ง แต่ไม่มีใครเคยเดือดร้อนเพราะวิญญาณดวงนี้ นอกจากการปรากฏร่างให้เห็นก็อาจจะมีการล้อเล่นกับผู้ที่มาค้างแรมในวัด ไอ้ไข่ จึงเป็นที่รักชองชาวบ้าน ใครมีเรื่องเดือดร้อน วัว ควาย หมู ข้าวของสูญหาย ก็มาจุดธูปบนบานขอให้ช่วยกันหา ซึ่งก็มักจะประสพผลเสมอมา
ตำนานไอ้ไข่มีหลายเรื่องด้วยกัน บ้างก็ว่าไอ้ไข่คือวิญญาณเด็กที่ติดตามหลวงพ่อทวด เมื่อหลวงพ่อทวดธุดงค์มาถึงวัดร้างแห่งนี้ และรับรู้ด้วยญาณของท่านว่าที่นี้มีทรัพย์สินโบราณฝังอยู่ จึงให้วิญญาณดวงนี้เฝ้าดูแลปกปักษ์รักษาทรัพย์สินของแผ่นดิน อยู่ที่วัดแห่งนี้ตั้งแต่นั้นมา ในขณะที่บางตำนานก็ว่า ไอ้ไข่ คือเด็กลูกชาวบ้านแถวนั้นที่เคยวิ่งเล่นอยู่ในวัดตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นวัดโบราณ ต่อมาเด็กคนนั้นประสบอุบัติเหตุตกน้ำเสียชีวิต วิญญาณของเด็กน้อยคนนั้นซึ่งผูกพันอยู่กับวัดก็สถิตย์ที่วัดแห่งนี้ตลอดมา
เมื่อปี พ.ศ. 2526 พ่อท่านเทิ่ม เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ในขณะนั้นได้จัดสร้างเหรียญบูชาไอ้ไข่ เป็นรุ่นแรก พร้อมกับพัฒนาวัดเรื่อยมา ในเวลานั้นพื้นที่แถบนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้มีกองร้อยทหารพรานมาตั้งฐานปฏิบัติการชั่วคราวอยู่ที่วัดเจดีย์ คืนแรกที่มาพักทหารทั้งกองแทบไม่ได้หลับได้นอน เพราะมีเด็กเที่ยวมาหยอกเล่น ดึงแขนดึงขา โดนปืนตีศีรษะบ้าง ล้มราวปืนบ้าง เป็นที่วุ่นวาย รุ่งขึ้นจึงได้เอาเรื่องนี้มาเล่าให้ชาวบ้านฟัง ซึ่งชาวบ้านก็ได้บอกเล่าให้ทหารกลุ่มนั้นได้รับรู้ถึงเรื่องราวของไอ้ไข่ และบอกให้ทหารกลุ่มนี้บอกกล่าวแก่ดวงวิญญาณไอ้ไข่ และเมื่อทำอาหารรับประทานให้แบ่งอาหารตั้งเป็นเครื่องเซ่นให้กับไอ้ไข่ด้วย เมื่อทำดังนั้นคืนต่อมาทุกอย่างก็สงบ ไม่มีเหตุการณ์รบกวนใดๆ เมื่อทหารพรานเอาเรื่องนี้มาเล่าให้คนภายนอกรู้ ชื่อเสียงของไอ้ไข่ก็รู้จักกันมากขึ้น
จากการที่ไอ้ไข่ เป็นที่นับถือมายาวนาน จึงมีผู้คิดว่าคนรุ่นหลังล้วนมีวัยน้อยกว่าไอ้ไข่ทั้งสิ้น จึงไม่ควรเรียก “ไอ้ไข่”ซึ่งอาจจะเป็นการลบหลู่ ควรเรียกใหม่ “ตาไข่” ซึ่งจะเป็นการเรียกที่ให้การนับถือมากกว่า แต่ด้วยความที่ทุกคนคุ้นเคยกับคำเรียกขานว่าไอ้ไข่ และภาพที่ทุกคนเห็นชินตาคือภาพของเด็กคนหนึ่ง คนส่วนใหญ่ก็ยังเรียกไอ้ไข่อยู่เช่นเดิม
ในวัดเจดีย์ เต็มไปด้วยสิ่งของที่ผู้เลื่อมใสศรัทธาเอามาแก้บน เช่นรูปไก่ชน ชุดทหาร หนังสติ๊ก ของเล่นต่างๆ เป็นต้น ส่วนบริเวณที่ให้จุดประทัดก็มีเศษประทัดกองสูงเป็นเนินเขาย่อมๆ บ่งบอกถึงแรงศรัทธาที่มีต่อไอ้ไข่ และแสดงถึงผลสัมฤทธิ์จากผู้ที่มาขอแล้วได้รับจากไอ้ไข่ ทุกวันผู้คนต่างหลั่งไหลไปขอพรจากไอ้ไข่ เราจะไม่ได้ยินเสียงโฆษณาชักชวนให้ทำบุญ ทุกคนที่มาเพราะความเลื่อมใสอย่างแท้จริง ทุกวันเสียงประทัดดังจะขึ้นตลอดเวลา ส่วนในวันอังคารและวันเสาร์ก็จะมีกลองยาวแก้บน มาแสดงให้ไอ้ไข่ดูวันนึงป็นสิบรอบกันทีเดียว
วันนี้วัดเจดีย์เจริญรุดหน้าไปมาก อุโบสถขนาดใหญ่ที่กำลังก่อสร้างคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว ปัจจัยต่างๆจากศรัทธาที่ผู้คนมีต่อไอ้ไข่หลั่งไหลเข้ามายังวัดเจดีย์แห่งนี้ ทั้งยังเผื่อแผ่ไปยังชาวบ้านที่อยู่รอบวัด ได้มีรายได้จากการจำหน่ายเครื่องบูชาไอ้ไข่ วิญญาณเด็กน้อยดวงนี้เป็นที่พึ่งทางใจของทุกคนที่เลื่อมใส บารมีของเด็กน้อยที่เรียกว่าเป็นเด็กวัด ได้รวบรวมศรัทธาจากมวลชน สร้างวัดเจดีย์แห่งนี้ขึ้นมาใหม่ เป็นวัดเจดีย์ที่สวยงาม มั่นคง ดำรงพระพุทธศาสนาสืบไป
#มีเคล็ดลับ ด้วยนะ
แค่คิดดี ทำดี ปฏิบัติดี มีความเอื้อเฟื้อ ทำบุญ
รู้จักให้ เสียสละ ไม่โลภ มีสติ ปัญญาตั้งมั่นในพุทธศาสนา
สิ่งเหล่านี้ #ไอ้ไข่ชอบ
แล้วท่านจะรับรู้และประจักษ์ด้วยตัวท่านเอง!!
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร เนื้อเงินลงยาแดง รุ่นเจริญทรัพย์  ปี 2561 
 
เนื้อเงินลงยาแดง เส้นผ่าศูนย์กลาง 22 มม. 
 
🐉#เนื้อเงินลงยา ขนาด 22” เป็นขนาดที่มีการจัดสร้างน้อยที่สุดของไซค์ทั้งหมด จัดสร้าง เพียง 600 วงเท่านั้น
 
#พุทธคุณ มังกรเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงมั่งคั่งร่ำรวยของชาวจีน เมื่อนำมารวมกับแหวนไอ้ไข่แล้ว ความเฮงก็เกิดขึ้น ไอ้ไข่ขอได้ไหว้รับ ให้โชคให้ลาภ เมตตาค้าขาย แล้วยังมีมังกรอยู่คู่บารมีแบบนี้ ถือว่าใครได้สวมใส่แล้วต้องมีแต่เรื่องดีๆแน่นอน
 
คาถาบูชาไอ้ไข่
นะโม 3 จบ
“อิติ อิติ กุมารไข่เจดีย์ จะ มหาเถโร ลาภะ ลาภา ภะวันตุเม”
 
 
ไอ้ไข่วัดเจดีย์ หรือ ตาไข่วัดเจดีย์ คือรูปไม้แกะสลักของเด็กชายอายุประมาณ 9 -10 ขวบ ตั้งอยู่ในศาลาในวัดเจดีย์หรือวัดไอ้ไข่ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 7 ตำบลฉลอง อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่ ณ วัดแห่งนี้ เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตั้งแต่ในละแวกใกล้วัด ไปจนถึงต่างจังหวัดในแถบภาคใต้ จากศรัทธาที่เชื่อกันว่า “ขอได้ ไหว้รับ” โดยเฉพาะโชคลาภและการค้าขาย
 
การปลุกเสกไม่ได้ทำกันง่ายๆ เพราะท่านได้กำหนดไว้ว่า การสร้างองค์ท่าน(ผ่านร่างทรง)บอกว่า ให้เสกได้แค่ 10 ปีครั้งเท่านั้น คือที่ออกจากวัดเจดีย์ ต้องสร้าง10ปีครั้ง แต่ถ้าออกวัดอื่นเพื่อบำรุงวัดนั้นๆไม่นับ จึงทำให้มีผู้สนใจเช่าบูชากันมาก ตอนนี้เมื่อวันนี้ วัตถุมงคลราคาวัดขึ้นจากใบจองมาเป็น 2 เท่าแล้ว
การบูชาท่านนั้น จะให้ผลดีมากเหลือเกิน เพราะแค่รูปปั้นท่านที่ยังไม่ได้เสกแต่มีคนมาบนก็ถูกรางวัลกันรวยกันไปไม่น้อยทีเดียว
 
 
การตั้งหิ้งบูชากุมารไข่เด็กวัดเจดีย์✨✨
...วันและเวลา ใช้วันและเวลาที่สะดวกสำหรับท่าน
***ถ้าเป็นช่วงเวลาเช้าจะดีมาก****
 
✨✨จุดธูป จุดเทียนเหมือนการบูชาปกติ
ตั้งนะโม3จบ ตั้งจิตให้นิ่งแล้วอธิษฐาน..เอ่ยปาก
(บอกวัตถุประสงค์ของการบูชา)
..เสริมโชคลาภ เสริมทรัพย์ เสริมบารมี เสริมหน้าที่การงาน
..เสริมการค้าขาย เสริมการเจราจาต่อรอง 
..ปกป้องคุ้มภัยให้ข้าพเจ้า....และครอบครัว
..และขอให้ข้าพเจ้าสมหวังดังที่ตั้งใจไว้ทุกประการด้วยเทอญ
(วันแรกของการตั้งหิ้งควรมีของถวายบ้าง)
 
✨✨ไม่ควรตั้งหิ้ง
1)หันไปทางหน้าห้องน้ำ
2)ปลายเท้ายื่นไปหาหิ้ง
3)ไม่ควรตั้งสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป
4)ใต้บันได ใต้แอร์ ใกล้กับราวตากผ้า
ใกล้กับที่วางรองเท้า ใกล้เตาไฟ ใกล้กรงสัตว์เลี้ยง
ทิศที่ควรหันไป ยกเว้นทิศตะวันตก นอกนั้นได้หมด
แต่ต้องดูความเหมาะสมอื่นๆ ประกอบด้วย จริงๆ แล้วแต่ละทิศจะส่งเสริมดวงชะตาต่างกันไปแล้วแต่บุคคล
ทิศตะวันออก จะหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ด้านเงินทองและโชคลาภ คนจึงนิยมหันไปทางนี้
ทิศเหนือ จะดีเรื่องอำนาจวาสนาบารมี
ทิศตะวันตก ที่คนไม่นิยมเพราะเป็นทิศที่หันหัวคนตายไปทางนั้น
แต่หากศึกษากันจริงๆ แล้วคนโบราณจะมีคติความเชื่อที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ แล้วนำมาปฏิบัติจนเป็นวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งหากตีความดีๆ แล้ว เราจะทึ่งในความฉลาดของบรรพบุรุษ ว่าคิดได้อย่างไร 
สรุป ทุกอย่าง มีเหตุ และผล ให้พิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนที่จะได้พิจารณาอย่างรอบคอบตามองค์ประกอบและสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันขณะนั้น
 
วิธีการบูชา 
ทางวัดบอกว่า ขนมหวาน น้ำ ได้หมด แต่ที่ควรบูชาที่ท่านชอบคือ น้ำแดง และขนมเปี๊ยะจะดีมาก และไม่ควรถวายของแก้บนหรือบนบานในวันพระ 
ของที่นิยมนำมาเป็นของแก้บนคือ 
1.ไก่ชน แบบปูน
2.ชุดทหาร
3.หนังสติ๊ก 
4.ประทัด
จุดธูป 3 ดอกสำหรับการบูชา แต่ถ้าแก้บนจุด1 ดอก ทั้งนี้ ตามคำบอกเล่าของกรรมการวัด
 
การบูชาและขอพรไอ้ไข่
 
...เรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือ "พลังจิต" เพราะพลังจิตที่กล้าแกร่งมีสมาธิเป็นหนึ่งเดียวนั่นคือ แรงส่งมหาศาล ที่จะนำแรงสัจจะอธิษฐานในการบูชาให้ได้ผลตามที่มุ่งหวัง ซึ่งขอให้เข้าใจเสียก่อนว่า พลังจิตที่เราใช้เป็นแรงส่งหรือเชื่อมกับไอ้ไข่ เป็นเพียงพลังส่งการไปขอพร ขออำนาจบุญบารมีจากไอ้ไข่
 
...การไปขอ ไม่ใช่เป็นการไปบังคับ ซึ่งเราไม่มีอำนาจอะไรไปบังคับท่านได้ว่าท่านจะต้องช่วยหรือไม่ช่วย และรับรองได้ว่าคนที่กำลังเกิดทุกข์นั้น #ไม่มีพลังจิตพอด้วย เพียงไปขอความเมตตาจากท่านเท่านั้น
 
พลังจิตเป็นพลังธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และในตัวเราทุกคนนั้นมี จะมีมากหรือน้อยจะเชื่อมต่อกับท่านได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับฐานกำลังจิตเดิมที่มาจากกรรมดี ที่เคยทำมาหรือมีกรรมร่วมกันมา. การขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดลบันดาลให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องขออย่างมีสติ
 
...ในเวลาที่เรากำลังขอพรอยู่นั้น เราต้องรวมจิตให้มีพลังเพื่อเชื่อมบุญต่อกับท่านเหล่านั้น
 
แต่ความสำเร็จที่เราปรารถนานั้น เราต้องรุ้ว่าที่ขอนั้นบุญหรือบาป ผิดต่อศีลธรรมไหม ถ้าบาปก็งดไม่ต้องขอ ถ้าดีก็ทำยิ่งๆ ขึ้นไป เวลาขอพรเราต้องศรัทธา กราบสักการะด้วยความปิติยินดี จึงจะมีความสุข เมื่อมีความสุข #ความสำเร็จจะอยู่ที่เรา
 
เราต้องปฏิบัติดี ทำดี อยู่ในศีลธรรม แล้วความสุขและสิ่งที่เราปรารถนาจะอยู่กับเราแน่นอน....
วันพระ หรือ วันธรรมสวนะ หรือ วันอุโบสถ หมายถึง วันประชุมของพุทธศาสนิกชนเพื่อปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาในพระพุทธศาสนาประจำสัปดาห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปอีกคำหนึ่งว่า "วันธรรมสวนะ" อันได้แก่วันถือศีลฟังธรรม (ธรรมสวนะ หมายถึง การฟังธรรม) จากเหตุนี้ จึงไม่นิยมที่จะทำการแก้บนในวันพระ เพราะอาจจะไปรบกวนการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาได้
 
 
 การเรียก "ไอ้ไข่" ไม่ใช่ว่าเราจะไม่แสดงความเคารพ แต่นั้นคือรูปนามของท่าน ท่านจะรับรู้ชื่อท่านในนามว่า "ไอ้ไข่" ก่อนหน้านั้นชาวบ้านเรียกท่านว่า เด็กวัด ทวดเที่ยง หักเหล็ก ผู้แกะไม้ทองหลวง ในยุคต้น
และผู้แกะไม้ตะเคียน ตามคำขอของ เด็กวัด ใน ปี ๒๕๒๕ ว่า.. "ช่วยแกะรูปใหม่ให้เราหน่อย" ถือได้ว่า ทวดเที่ยง เป็นผู้เปิดตำนาน "ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์" ตัวจริง ได้ตั้งชื่อให้ เด็กวัด ว่า "ไอ้ไข่" ในปี ๒๕๒๖ การเรียกทั่วๆ ไป ใครจะเรียก ตาไข่, ลุงไข่,ทวดไข่ ก็ตามแต่ท่านจะเรียกแล้วกัน #แต่ข้อบอกเคล็ดลับว่า เวลาไหว้ขอพร หรือบนบานท่าน ให้เรียก "ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์" เพราะอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าท่านจะรับรู้นามนี้ ท่านจะได้รับรู้คำขอ คำบนบาน ของเราเร็วขึ้น
 
 "ไอ้ไข่" ท่านไม่ใช่กุมาร (ทอง) ท่านเป็นดวงจิตที่มีอิทธิฤทธิ์ และสะสมบุญบารมี ด้วยการช่วยเหลือชาวบ้าน ต่อมาก็มาช่วยเหลือสร้างความเจริญ ให้บวรพุทธศาสนา ส่วนตัวเชื่อว่าท่านน่าจะ ยกระดับจิตเป็น #ขั้นเทพ ไปแล้ว
และด้วยเหตุที่ "ไอ้ไข่" ไม่ใช่กุมาร (ทอง) ดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยง การเรียกท่านว่า.. ลูก (เพราะหลายคนเรียกแบบนี้จริงๆ) ด้วยความเข้าใจผิด คิดว่าท่านเป็นกุมาร (ทอง)
 
ประวัติ ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ความเป็นมา ที่ไม่มีใครเคยรู้
ความเป็นมาอะไรไม่รู้ น่ากลัวอยู่เหมือนกันค่ะเพื่อนๆ แต่ก็ต้องทำงานตามเป้าหมายให้เสร็จสิ้นกันไปจากนี้คงบอกได้เพียงว่าทุกอย่างต้องค่อยๆตัดสินใจในสิ่งที่ต้องการอยากจะรู้ค่ะ ทุกเรื่องไม่มีผิดหรือถูกอยากจะให้เพื่อนๆลองทบทวนเรื่องราวต่างๆ หลายทางหรือเพื่อนๆใครที่เคยทราบความเป็นมากันอยู่ทุนเดิมปกติ อาจจะทำให้ไม่แน่ใจกันเท่าไหร่น่ะ วันนี้อยากจะให้เพื่อนๆเข้ามาสักการะ เข้าใจความเป็นมาจากผู้ทราบเรื่องราวหรืออ่านประวัติกันมาบ้างแล้ว และได้นำรูปภาพเข้ามาอ้างอิงให้แก่เพื่อนๆตามเคยค่ะ อ่าน..ประวัติ ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ความเป็นมา ที่ไม่มีใครเคยรู้ ++
เรื่องเล่า ไอ้ไข่ เทพเจ้าแห่งสามัญชน
พระอธิการอภิชิต เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเล่าให้ฟังว่าปู่ของปู่ๆๆ หรือย่าของย่าๆๆ บอกว่าตรงนี้เป็นที่วัดมีเด็กเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด แต่ท่านอาจารย์ก็ไม่ละความพยายาม สืบค้นเค้าคำเล่าความจากคนโน้นคนนี้มาปะติดปะต่อพอเป็นเรื่องราวว่า
"ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์" ท่านเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เกิดในสมัยไหนไม่มีข้อมูล เล่ากันว่า ในครั้งกระโน้นพระขรัวทอง เป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์ มีเด็กวัดซึ่งเป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ 2 คน คนหนึ่งชื่อเหมียน อีกคนหนึ่งไม่ทราบชื่อ คนที่ไม่ทราบชื่อนั้นชาวบ้านเรียกกันว่า”ไอ้ไข่”“ไอ้ไข่”เป็นเด็กซุกซน แต่ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่เกรงกลัวใคร มีความรู้ทางเวทย์มนต์ คาถาอาคม มีลักษณะพิเศษเหนือกว่าเด็กธรรมดาทั่วๆไป
พระอาจารย์ทองเล่าต่อว่า ในตำนานเมืองนครกล่าวถึงเหตุการณ์ตอนเจ้าพระยาคืนเมือง มีท้องตรามายังเมือง"อลอง"(คำนี้ปราชย์ท้องถิ่นยืนยันคำอ่านว่า หลอง) มีบันทึกว่า...มาถึงเมืองอลอง แวะพักหนึ่งคืน นมัสการสมภารทองมีศิษย์เกะกะชื่อว่าไอ้ไข่...เล่ากันว่าหากชาวบ้านหมดปัญญาสามารถในเรื่องใดต้องนึกถึงไอ้ไข่เด็กวัด หรือไปออกปากให้ช่วยเหลือ เป็นอันต้องสำเร็จ จนถือกันว่าเป็นเด็กที่มีความแปลกอานุภาพพิเศษ สร้างความแปลกใจใจให้แก่ชาวบ้าน ถึงแม้ไอ้ไข่จะเป็นเด็กซุกซนแต่ก็ไม่มีใครเกลียดชัง กลับกลายเป็นเด็กที่ไปได้ทั่ว อยู่ในความระลึกของชาวบ้านตลอดมา และยังบ่งบอกว่าไอ้ไข่เป็นเด็กที่มีความจริงทั้งวาจาและจิตใจ ถือสัจจะเป็นหลัก สิ่งใดที่รับปากแล้วเป็นต้องทำให้ได้ ถึงแม้บางครั้งเป็นเรื่องอันตรายก็ตาม บางคนเล่าว่าหากควายตัวใดไม่ยอมให้จับหรือพยศ หากไอ้ไข่รับปากจับให้แล้วเมื่อตอนเข้าไปใกล้ควายหากไอ้ไข่จับหางติดแล้ว ก็ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาดไม่ว่าควายจะวิ่งอย่างไร ในที่สุดควายต้องละพยศหมดฤทธิ์ลงโดยสิ้นเชิง ไอ้ไข้ กลายเป็นเด็กที่คนยุคนัั้นกล่าวขวัญกันไม่รู้จบ
ท่านสมภารรูปปัจจุบันเล่าเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อท่านขรัวทองชราภาพ ท่านขรัวเห็นว่าวัดมีภัยทางศึกพม่าบุกเมืองนครแน่นอน วัดเจดีย์ ก็เป็นด่านหนึ่งที่พม่าบุก(ในสงคราม 9 ทัพ) เป็นเหตุให้ชาวบ้าน ชาววัด ต่างหนีศึกพม่าไปคนละทิศละทาง (ความตรงนี้มีหลักฐานชื่อบ้านในละแวกใกล้เคียงรองรับ เช่นทุ่งสู้เมือง นาค่าย ทุ่งเจ้าไชย เป็นต้น) ท่านสมภารทองเห็นดังนั้น จึงบอกให้ไอ้ไข่ช่วยรักษาวัดอย่าได้ทิ้งไปไหน(ความตรงนี้ ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี เรียกคนที่รักษาวัดว่า เลขวัด มีการสักเลขเป็นเครื่องหมายไม่ต้องให้ทางการเกณฑ์ไพร่พลไปรบ) ท่านสมภารทองเองก็อยู่ปกป้องคุ้มครองรักษาวัดด้วยเช่นกัน
พระอธิการอภิชิต เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเล่าต่อว่า ไม่สามารถทราบได้ว่าท่านสมภารขรัวทองมรณภาพเมื่อใด และไอ้ไข่มีชีวิตถึงสมัยไหน บ้างเล่าต่อๆกันมาว่า หลังจากท่านขรัวทองมรณภาพแล้ว ไอ้ไข่ก็เดินลงไปในสระน้ำหน้าวัด แล้วไม่ขึ้นมาให้ใครเห็นอีกเลย แต่วันดีคืนดีแม้ในปัจจุบัน ยังมีคนเห็นเด็กวิ่งเล่นในวัดหรือปรากฎร่างเด็กให้เห็น หรือมีเสียงเด็กให้ได้ยิน หรือปรากฏแก่ผู้ที่มานอนวัดเจดีย์แบบครึ่งหลับครึ่งตื่น
ราว พ.ศ.2543 ปีนั้นวัดนี้ไม่มีภิกษุจำพรรษา นายทหารจากกองทัพภาคที่ 4 นครศรีธรรมราช นำทหารมาปราบปรามผู้ก่อการร้ายแวะพักค้างคืนในเปลสนามที่ผูกติดกับต้นไม้ โดยไม่ได้บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะนายทหารผู้นี้ไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับวัดนี้มาก่อน ขณะทำท่าว่าจะหลับโดนเขกกบาลตกใจผงกหัวขึ้นมา เห็นเงาเด็กวิ่งหายไปในความมืด ท่านโดน 2-3 ครั้งต้องสั่งทหารเคลื่อนกำลังพลกลางดึก ปัจจุบัน (2553) ท่านผู้นี้ยังมีชีวิตและเล่าให้ใครต่อใครฟัง จากนั้นนามไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ก็ขจรขจายไปทั่วสารทิศ)
ก่อนหน้าที่นายทหารนำกำลังพลมาพักดังกล่าวแล้ว ที่วัดมีรูปแกะสลักทำด้วยไม้อยู่ในกุฏิ รูปแกะสลักมีความเป็นมาอย่างไร ท่านเจ้าอาวาสเล่าให้ฟังว่า…อยู่มาวันหนึ่ง ผู้ใหญ่เที่ยง เมืองอินทร์ ฆราวาสจอมขมังเวทผู้มีฉายาว่า"เที่ยง หักเหล็ก" (เพราะท่านมีอาคมแก่กล้าหักตะปู มีดพร้าได้) ท่านนำไม้ตะเคียนมาแกะสลักเป็นรูปคน แล้วอัญเชิญวิญญาณมาสิงสถิต และขนานนามรูปแกะสลักนั้นว่า"ไอ้ไข่วัดเจดีย์"
 
ดังนั้นนามเรียกขานประกอบด้วยคำสองคำ คือคำว่า"ไอ้"กับคำว่า"ไข่"รวมเป็น"ไอ้ไข่"คำนี้มีความหมายตามพจนานุกรมว่า ชื่อเพื่อนฝูงแสดงว่ามีความสนิทสนมมาก และไอ้ไข่ ท่านรับร่างไม้ที่ผู้ใหญ่เที่ยงแกะสลักให้ และรับนามนั้นด้วย
 
แต่บางคนเข้าใจว่าคำว่า"ไอ้"เป็นคำไม่สุภาพจึงใช้คำอื่นแทน เช่นน้องไข่ ตาไข่ ลุงไข่ ทวดไข่ ลูกไข่ หรือ ไข่ ซึ่งจะเป็นว่าหมายถึงผู้อื่นที่มิใช่ท่าน"ไอ้ไข่ วัดเจดีย์”
รูปแกะสลักด้วยไม้ดังกล่าวประดิษฐานอยู่ที่กุฏิ มีคนมากราบไหว้บูชา ขอพร บนบานศาลกล่าวขอให้มีโชคได้ลาภในการเสี่ยงดวงเล่นพนันขันต่อ หรือขอให้ช่วยเรียกคนให้มาซื้อของ หรือให้ทำยอดให้ได้ตามเป้า หรือของหายขอให้ช่วยหา หรือขอให้ช่วยปกป้องภัยนานา แล้วนำสิ่งของมาแก้บนมิไดเว้นแต่ละวัน ครั้นถึงวันสงกรานต์ 13-17 เมษายน ของทุกปีมีการจัดงานบุญ คณะกรรมการวัดนำรูปมาประดิษฐานยังปะรำพิธี ให้คนสรงน้ำพระแล้วอาบน้ำ ไอ้ไข่ ขอพรด้วยความเชื่อมั่น ศรัทธาใน “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ : เทพแห่งสามัญชน"
 
ประเพณีที่น่าสนใจของวัดเจดีย์ (ไอ้ไข่)
 
งานประเพณีให้ทานไฟ ประมาณเดือนมกราคม
งานประเพณีสงกรานต์ ประมาณวันที่ 12-16 เมษายน
ไอ้ไข่มีความเป็นมาเนิ่นนานก่อนที่วัดเจดีย์จะกลับมาเป็นวัดอีกครั้ง หลวงพ่อสนทนาว่า เมื่อก่อนเขาเรียกว่าเด็กวัดเฉยๆ เวลาบนบานสารกล่าวเขามักออกชื่อว่า "ท่านเจ้าวัดและเด็กวัดเจดีย์" คำว่าไอ้ไข่เพิ่งมาเรียกเอาตอนพ่อเที่ยงแกะสลักรูปไม้แล้ว เหตุผลว่า อาจารย์เที่ยงหรือผู้ใหญ่เที่ยงนิมิตว่ามีเด็กไปบอกให้สร้างรูปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2523-24ในนิมิตเมื่อเห็นเด็กแก้ผ้าเปลื่อยกายกับพระจีวรสีคล้ำไปยืนให้เห็นในนิมิต และเอ่ยปากว่าแกะรูปเราให้ที เราจะได้มีที่อาศัยอยู่เป็นหลักแหล่ง ตาเที่ยงถามว่าใครหรือนี้ เด็กในนิมิตจึงบอกว่า"เราไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์" ตั้งแต่นั้นมาจึงได้รู้ว่าเด็กวัดนี้ชื่อ ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์
 
ประสบการณ์ 
เรื่องที่1
อาจารย์สอนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ท่านมีผ้ายันต์ตาไข่ สีแดงของที่เข้าพิธีปีนี้ใส่ในกระเป๋า ตอนสอน นศ. และได้มี นศ. คนใต้คนนึ่งได้โขมยไปในตอนที่ อาจารย์เผลอได้ข่าวว่า นศ. คนนี่เล่นของเหมือนกัน และลูกค้าได้มาปรึกษาผม ผมบอกว่าเดี๋ยวลองไปอ่านเรื่องราวตาไข่ไม้ตะเคียนที่ผมลงให้จบ เดี๋ยวคุณก็ทราบว่าตาไข่ท่านสุดยอดที่สุดในกุมารเทพแล้ว และแล้วเมื่อเช้าและผมบอกว่าผ้ายันต์แท้ เดี๋ยวก็ได้กลับมา มันเอาไปได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวมันเจอดีแล้วจริงๆครับ มันก็เอามาคืนโดยไม่ทราบสาเหตุ
 
เรื่องที่ 2
::ตาไข่ไม้ตะเคียน ไม้จากเสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช (ของขุนพันธ์) ::
-กุมารไอ้ไข่ สร้างจากไม้ตะเคียนนี้ผมไม่มีปัญญาเช่าหรอกนะครับ เพราะถึงมีเงินไปวัดก็ใช่ว่าจะเช่าได้ ต้องเป็นคนในเท่านั้นที่จะเช่าได้โดยไม้ตะเคียนที่นำมาแกะตาไข่นี้เป็นไม้ที่ได้มาจาก"เสาหลักเมืองนครศรีฯ"เมื่อปีพ.ศ.2530
โดยมีท่าน พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช(ขุนพันธ์) ท่านได้เสกลงคาถาอย่างเต็มเปี่ยมลงในไม้ต้นนี้และไม้ที่ทำก็ได้มีลูกศิษย์เก็บใว้เพื่อนำมาแกะเป็น ตาไข่ในปี พ.ศ.2556 เพื่อหาปัจจัยทำบุญสร้างกุฏิตาไข่และเสนาสถานทั้ววัดเจดีย์นี้โดยผู้ที่ร่วมทอดกระถินกลองละ 3 หมื่นบาทเท่านั้นถึงจะได้ตาไข่ไม้แกะนี้ไปครับ
- ไม้ตะเคียนชิ้นนี้มีความสักศิษย์ถึงกระทั่งผู้ทรงศีลที่มีของมีครูในพื้นที่ซึ่งเป็นศิษย์พ่อขุนพันธ์ถึงกับหงายหลังเมื่อได้จับไม้ตะเคียนชิ้นนี้ เพราะแรงสุดๆจนต้องนำสายศิลมาผูกที่ข้อแขนกันของเข้าตัวเองถึงยังไงก็ยังเอาไม่อยู่ครับพอท่านเรียกของของนั้นกลับมีพลังแรงเหนือคะนานับ
-หลังจากนั้นก็ได้ขออนุญาติบวงสรวงให้ได้มีการสร้างในปีนี้เช่นกัน2556
"ช่างไม้คนแรก"
หลังจากนั้นก็ได้มีคนนำไปแกะซึ่งช่างคนแรกฝีมือดี แต่เมื่อลงมือแกะ ก็มีอาการปวดหัวอย่างมากลูกเมียไม่สบายทั้งบ้าน พอลงมือทีไรก็ปวดหัวแทบแตก รุ่นเช้าช่างคนแรกเลยส่งไม้คืนและเชื่อกันว่าตาไข่ไม่ยอมให้ช่างคนนี้แกะ เพราะอาจจะสกปรก เช่น ติดตาหรือทำตัวไม่ดีมีใจสกปรก เมื่อนำไม้มาคืน ก็หายป่วยทั้งบ้านเลยครับ
"ช่างไม้คนที่2"
เมื่อช่างคนที่สองแกะเป็นเด็กหนุ่มก็แกะได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ เพราะเหมือนท่านจะอนุญาติแล้วครับ
หลังจากเสร็จเรียบร้อยทางผู้สร้างซึ่งเป็นศิษย์เชื่อสายพ่อขุนพันธ์ ท่านได้กล่าวว่า ตาไข่ท่านพาเทพมาเยอะมาอยู่ในไม้ในวัตถุมงคลต่างๆมากเพราะฉนั้นมงคลเต็มๆเหรียญเต็มไม้และเต็มองค์แน่นอนครับ
ก่อนหน้าที่ผมจะเจอรุ่นนี้โดยบังเอินผมฝันเห็นพ่อขุนพันธ์ สับไม้ถ่อน แต่เป็นไม้เสาบ้านนะครับแล้วไล้เราออกไปอย่างดุดัน แล้วเราก็ออกไปเจอวัวกระทิง มาวิ่งไล่ขวิดลูกชายผมลูกผมหลบทัน แล้วมาขวิดผม ผมก็พูดดีๆ วัวนั้นก็สงบลงทันดีและพ่อขุนพันธ์ท่านก็เรียกมาหาแล้วดูท่านเลื่อยไม้ต่อครับ และเจอผ้ายันต์แดงๆมีเลขด้วย แต่จำไม่ได่จริงๆ
แล้วพอช่วงบ่ายของวันนี้ วันที่ 3พค 56 ผมได้มารับรูปหล่อเนื้อเงินตาไข่วัดเจดีย์ ที่ผมได้ขอเช่ามาจากคนที่เขาจองมาจากวัด 1 องค์ผมก็เจอคนที่เขาเอา ตาไข่ ไม้ตะเคียนมาเลี่ยมกรอบ ผมเลยขอเขาดูและขอถ่ายรูปมาให้ท่านใด้ชมกันเป็นบุญตาครับ
 
เรื่องที่ 3
วันที่ 16เมษายน 56 เจอกับตัวคือ ขับรถไป กับเพื่อน เพื่อนที่เคยบูชาและยังขาดความเชื่อเรื่องกุมารเลยแต่พอมาก็เช่าเหรียญไป1เหรียญเล็กๆ กลับบ้านไป ถูกล๊อตตารี้2ตัว เฉยเลยทั้งๆที่ ตอนซื้อเก็บใว้ที่บ้านแน่ใจมากว่าไม่ใช่เลย 86 แต่เมื่อกลับไปที่บ้านก็ออก 86จริง(วันที่ไปวัดเป็นวันที่ 16 พอดี แต่กลับมาดุเลขในตอนเย็น)ออก 86 ส่วนผมเลขรถ 46 รางวัลที่1ก็ 846 (16 เมษา 56) แต่ผมไม่ซื้อเลยอด
 
เรื่องที่ 4
คือเมื่อที่ผมได้บูชาตาไข่วัดเจดีย์ ปี 56 องค์บูชา 16 นิ้ว มาใว้ในบ้านก็ลองบนดุว่าหากมีเงินเข้าจากการขายของก่อน 10 โมง(เพราะปกติจะเข้าตอนบ่าย)และก็เข้าจริงๆครับ 10 โมงแป๊ะ ผมก็แก้บนด้วยผ้าสามสีทำเป็นกางเกงห่ออวัยวะเพศให้ทันที และในคืนนั้นนี้เอง
ผมได้ฝันเห็นท่านมาเป็นรูปหล่อแบบที่ผมเช่ามาแล้วท่านยืนอยู่หน้าชายหาด มีผ้าสามสีที่ติดอยู่ด้วย แล้วประนมมืออยู่ ท่านบอกว่าเดี๋ยวจะเรื่องลม ฝน คลื่นยักมานะ แล้วก็มาอย่างโหมกระหน่ำ เริ่มจากฝัน ลมและมาคลื่นมาหนักมาก แล้วท่านบอกว่า ลงไปเลยลูก มึงจะไม่ตายหรอกเอาเหรียญกูไปให้มัน ทันใดนั้นผมก็มองลงไปในทะเลแล้วเจอเพื่อนผมที่กำลังจะเป็นครูในสามจังหวัด กำลังพายเรื่ออยู่ ผมบอกตาไข่ว่าไม่กล้าลง แล้วผมก็ตื่น แล้วผมก็รีบนำเหรียญรุ่นรับทรัพย์ปี 56 นี้ไปให้เพื่อนบูชา จากที่เขากลัวผีมาก แต่คราวนี้เขารับเฉยเลยอย่างมั่นใจแบบว่าพร้อมจะบูชาอย่างสนิดใจแล้วเพื่อนผมบอกว่าตั่งแต่มีตาไข่ ก้รู้สึกนอนหลับสบายมากสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
 
เรื่องที่5
ผมได้มอบเหรียญตาไข่ถวายให้พระอาจารย์ท่านนึง แล้วท่านก็บอกกับเหรียญเม็ดแตงตาไข่ว่า อยากได้มาบูชาอีก แล้วก็มีคนมาถวายอีกจริงๆครับ
 
 
🐓 ประวัติ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ 🐓
 
วัดเจดีย์หรือวัดไอ้ไข่ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 7 ตำบลฉลอง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เคยเป็นวัดร้างที่เชื่อกันว่าสร้างมาเป็นเวลานับ1000 ปี มีเพียงเจดีย์โบราณเก่ารกร้างอยู่ตรงบริเวณที่กำลังสร้างโบสถ์ในปัจจุบัน จนเมื่อประมาณ พ.ศ.2500 มีการบูรณะวัดเจดีย์ขึ้นมาใหม่ มีพระเข้ามาอยู่ประจำ เป็นที่ปฏิบัติศาสนกิจของชาวบ้านใกล้เคียง และเป็นที่ประดิษฐานของ “พ่อท่าน” พระพุทธรูปเก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่ยังป็นวัดร้าง
 
ไอ้ไข่วัดเจดีย์ หรือ ตาไข่วัดเจดีย์ คือรูปไม้แกะสลักของเด็กชายอายุประมาณ 9 -10 ขวบ ตั้งอยู่ในศาลาในวัดเจดีย์เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่ ณ วัดแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตั้งแต่ในละแวกใกล้วัดไปจนถึงต่างจังหวัดในแถบภาคใต้จากศรัทธาที่เชื่อกันว่า “ขอได้ไหว้รับ” โดยเฉพาะโชคลาภ และการค้าขาย
 
เรื่องราวของไอ้ไข่หรือตาไข่นั้น มีที่มาจากการที่ชาวบ้านแถวนั้นเคยเห็นภาพเด็กวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณวัด เมื่อเข้าไปหาดูก็ไม่พบว่ามีเด็กมาพักอาศัยในบริเวณนั้นแต่อย่างใด เหตุการณ์เช่นนี้ปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ ชาวบ้านจึงเรียกเด็กที่ปรากฏร่างนั้นว่า "เด็กวัด" ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวิญญาณที่สถิตย์อยู่ ณ วัดเจดีย์แห่งนี้ และเรียกวิญญาณดวงนี้ว่าไอ้ไข่ ซึ่งเป็นคำที่ชาวบ้านในภาคใต้ใช้เรียกเด็กเล็กๆ เมื่อเชื่อกันว่าไอ้ไข่คือวิญญาณดวงหนึ่ง แต่ไม่มีใครเคยเดือดร้อนเพราะวิญญาณดวงนี้ นอกจากการปรากฏร่างให้เห็นก็อาจจะมีการล้อเล่นกับผู้ที่มาค้างแรมในวัด ไอ้ไข่ จึงเป็นที่รักชองชาวบ้าน ใครมีเรื่องเดือดร้อน วัว ควาย หมู ข้าวของสูญหาย ก็มาจุดธูปบนบานขอให้ช่วยกันหา ซึ่งก็มักจะประสพผลเสมอมา
 
ตำนานไอ้ไข่มีหลายเรื่องด้วยกัน บ้างก็ว่าไอ้ไข่คือวิญญาณเด็กที่ติดตามหลวงพ่อทวด เมื่อหลวงพ่อทวดธุดงค์มาถึงวัดร้างแห่งนี้ และรับรู้ด้วยญาณของท่านว่าที่นี้มีทรัพย์สินโบราณฝังอยู่ จึงให้วิญญาณดวงนี้เฝ้าดูแลปกปักษ์รักษาทรัพย์สินของแผ่นดิน อยู่ที่วัดแห่งนี้ตั้งแต่นั้นมา ในขณะที่บางตำนานก็ว่า ไอ้ไข่ คือเด็กลูกชาวบ้านแถวนั้นที่เคยวิ่งเล่นอยู่ในวัดตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นวัดโบราณ ต่อมาเด็กคนนั้นประสบอุบัติเหตุตกน้ำเสียชีวิต วิญญาณของเด็กน้อยคนนั้นซึ่งผูกพันอยู่กับวัดก็สถิตย์ที่วัดแห่งนี้ตลอดมา
 
เมื่อปี พ.ศ. 2526 พ่อท่านเทิ่ม เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ในขณะนั้นได้จัดสร้างเหรียญบูชาไอ้ไข่ เป็นรุ่นแรก พร้อมกับพัฒนาวัดเรื่อยมา ในเวลานั้นพื้นที่แถบนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้มีกองร้อยทหารพรานมาตั้งฐานปฏิบัติการชั่วคราวอยู่ที่วัดเจดีย์ คืนแรกที่มาพักทหารทั้งกองแทบไม่ได้หลับได้นอน เพราะมีเด็กเที่ยวมาหยอกเล่น ดึงแขนดึงขา โดนปืนตีศีรษะบ้าง ล้มราวปืนบ้าง เป็นที่วุ่นวาย รุ่งขึ้นจึงได้เอาเรื่องนี้มาเล่าให้ชาวบ้านฟัง ซึ่งชาวบ้านก็ได้บอกเล่าให้ทหารกลุ่มนั้นได้รับรู้ถึงเรื่องราวของไอ้ไข่ และบอกให้ทหารกลุ่มนี้บอกกล่าวแก่ดวงวิญญาณไอ้ไข่ และเมื่อทำอาหารรับประทานให้แบ่งอาหารตั้งเป็นเครื่องเซ่นให้กับไอ้ไข่ด้วย เมื่อทำดังนั้นคืนต่อมาทุกอย่างก็สงบ ไม่มีเหตุการณ์รบกวนใดๆ เมื่อทหารพรานเอาเรื่องนี้มาเล่าให้คนภายนอกรู้ ชื่อเสียงของไอ้ไข่ก็รู้จักกันมากขึ้น
 
จากการที่ไอ้ไข่ เป็นที่นับถือมายาวนาน จึงมีผู้คิดว่าคนรุ่นหลังล้วนมีวัยน้อยกว่าไอ้ไข่ทั้งสิ้น จึงไม่ควรเรียก “ไอ้ไข่”ซึ่งอาจจะเป็นการลบหลู่ ควรเรียกใหม่ “ตาไข่” ซึ่งจะเป็นการเรียกที่ให้การนับถือมากกว่า แต่ด้วยความที่ทุกคนคุ้นเคยกับคำเรียกขานว่าไอ้ไข่ และภาพที่ทุกคนเห็นชินตาคือภาพของเด็กคนหนึ่ง คนส่วนใหญ่ก็ยังเรียกไอ้ไข่อยู่เช่นเดิม
 
ในวัดเจดีย์ เต็มไปด้วยสิ่งของที่ผู้เลื่อมใสศรัทธาเอามาแก้บน เช่นรูปไก่ชน ชุดทหาร หนังสติ๊ก ของเล่นต่างๆ เป็นต้น ส่วนบริเวณที่ให้จุดประทัดก็มีเศษประทัดกองสูงเป็นเนินเขาย่อมๆ บ่งบอกถึงแรงศรัทธาที่มีต่อไอ้ไข่ และแสดงถึงผลสัมฤทธิ์จากผู้ที่มาขอแล้วได้รับจากไอ้ไข่ ทุกวันผู้คนต่างหลั่งไหลไปขอพรจากไอ้ไข่ เราจะไม่ได้ยินเสียงโฆษณาชักชวนให้ทำบุญ ทุกคนที่มาเพราะความเลื่อมใสอย่างแท้จริง ทุกวันเสียงประทัดดังจะขึ้นตลอดเวลา ส่วนในวันอังคารและวันเสาร์ก็จะมีกลองยาวแก้บน มาแสดงให้ไอ้ไข่ดูวันนึงป็นสิบรอบกันทีเดียว
 
วันนี้วัดเจดีย์เจริญรุดหน้าไปมาก อุโบสถขนาดใหญ่ที่กำลังก่อสร้างคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว ปัจจัยต่างๆจากศรัทธาที่ผู้คนมีต่อไอ้ไข่หลั่งไหลเข้ามายังวัดเจดีย์แห่งนี้ ทั้งยังเผื่อแผ่ไปยังชาวบ้านที่อยู่รอบวัด ได้มีรายได้จากการจำหน่ายเครื่องบูชาไอ้ไข่ วิญญาณเด็กน้อยดวงนี้เป็นที่พึ่งทางใจของทุกคนที่เลื่อมใส บารมีของเด็กน้อยที่เรียกว่าเป็นเด็กวัด ได้รวบรวมศรัทธาจากมวลชน สร้างวัดเจดีย์แห่งนี้ขึ้นมาใหม่ เป็นวัดเจดีย์ที่สวยงาม มั่นคง ดำรงพระพุทธศาสนาสืบไป
 
 #มีเคล็ดลับ ด้วยนะ
 
แค่คิดดี ทำดี ปฏิบัติดี มีความเอื้อเฟื้อ ทำบุญ
รู้จักให้ เสียสละ ไม่โลภ มีสติ ปัญญาตั้งมั่นในพุทธศาสนา
 
สิ่งเหล่านี้ #ไอ้ไข่ชอบ
แล้วท่านจะรับรู้และประจักษ์ด้วยตัวท่านเอง!!
 
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
แหวนไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ลายมังกร รุ่นเจริญทรัพย์ ปี 2561 (เนื้อเงินลงยาแดง)
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาหน้าโรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านธัญทิพย์ อมูเลท
ธัญทิพย์ อมูเลท
บริการให้เช่า พระเครื่อง และเครื่องรางของมงคล ทั่วไทย
เบอร์โทร : 0629966394
อีเมล : thanyatip4289@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม