จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ไม่จำกัด ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | พระปิดตา พระสังกัจจายน์ พระสีวลี พระอุปคุต |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
พระปิดตา รุ่นแรก วัดชัยมงคล ปี 2522 ตะกรุดทองคำ 9 ดอก หลวงปู่โต๊ะเสก (มีบัตรรับรองพระแท้)
- องค์นี้เนื้อผงเกสร ตระกรุดทองคำ ๙ ดอก ตอกโค๊ต รวย ด้านข้าง 9 โค๊ต
- มีบัตรรับรองพระแท้จากบริษัทล้านนาอมูเลท
พระปิดตารุ่นแรก หลังยันต์นะ วัดชัยมงคล ปี 2522 (หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ปลุกเสก)
หลวงปู่โต๊ะได้เดินธุดงค์ไปที่ ฝาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ประมาณปี 2495-2496 และได้เก็บมวลสารต่างๆ เกษรดอกไม้ เป็นต้นฯ
ในปี 2496 ท่านก็ไปร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดพระสิงห์ และท่านธุดงค์มาอีกครั้งในปี 2518 ที่วัดชัยมงคล
จัดสร้างและปลุกเสกโดยหลวงปู่โต๊ะและคณาจารย์ทางภาคเหนือ เพื่อนำไปบรรจุในองค์พระธาตุสบฝาง และบางส่วนนำออกมาให้เช่าบูชาในปี 2522 เพื่อหาทุนบูรณะองค์พระธาตุสบฝาง
เจตนาการสร้างดี พระผู้สร้างและปลุกเสกดี พิธีการสร้างและเนื้อหามวลสารดี
เป็นของดีที่หลวงปู่โต๊ะมอบไว้ให้คนเหนือได้ใช้ พุทธคุณไม่แตกจากวัดประดู่ฉิมพลีแน่นอน
#หลวงปู่โต๊ะได้ออกธุดงค์จาริกไปทั้วทุกภาคในประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ท่านได้ไปศึกษาพระปริยัติธรรม โดยได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ เรียนวิชาพุทธาคม และได้ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน และก็ได้ธุดงค์ไปยังภาคเหนือเพื่อศึกษาวิชากับพระอาจารย์อีกหลายท่าน และในขณะที่ท่านเดินธุดงค์ ท่านก็ได้เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับ หลวงพ่อชุ่ม วัดราชสิทธาราม ส่วนสหธรรมิกของท่านที่มีชื่อเสียงได้แก่ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง หลวงพ่อกล้าย วัดหงส์รัตนาราม และต่อจากนั้น ท่านก็เดินทางไปยังภาคใต้ ไปที่จังหวัดปัตตานี และเมื่อหลวงปู่ท่านกลับมาที่ จังหวัดธนบุรี กลับมายังวัดประดู่ฉิมพลี ท่านก็ได้สร้างพระพุทธบาทจำลอง
- หลวงพ่อแพวัด พิกุลทอง ได้กล่าวว่า "หลวงปู่โต๊ะพลังจิตแรงกล้าเป็นวสีเข้าออกตามใจนึก"
เรื่องมีอยู่ว่าหลวงพ่อแพท่านตามดูจิตหลวงปู่โต๊ะในงานพุทธาพิเศก พระเครื่องรุ่นนึง ...ท่านเล่าว่าพอหลวงปู่โต๊ะเข้าสมาธิก็เห็นมือที่จับสายสิญญ์มีแสงสี"ม่วง"จากมือหลวงปู่วิ่งไปตามสายสิญญ์สู่กองวัตถุมงคลเป็นรัศมีสีม่วงสว่างไสวจนหลวงปู่โต๊ะคลายจิตจากสมาธิแสงจึงจะหายไปหลวงพ่อแพเล่าว่าพลังจิตหลวงปู่โต๊ะองค์เดียวเท่ากับเกจิอาจารย์องค์อื่นรวมกันสิบองค์ดังนั้นเวลามีพิธีพุทธาภิเษกของหลวงพ่อแพทุกครั้งท่านจะนิมนต์หลวงปู่โต๊ะมาด้วยทุกครั้ง(พลังจิตสีม่วงหมายถึงพลังงานที่ประกอบด้วยบุญญฤทธิและอิทธิฤทธิถ้าเป็นพลังจิตสีขาวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพระสายปฏิบัติสายหลวงปู่มั่นจะเป็นบุญญฤทธิ)
- หลวงปู่เริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี ได้กล่าวถึงหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่
"บรรดาพระเกจิอาจารย์ในสมัยนี้ ฉันไม่กลัวใคร พอสู้เขาได้ แต่ที่ฉันยอมรับว่าแน่กว่าฉันก็มีหลวงปู่ทิมกับหลวงปู่โต๊ะนี่แหละ พลังจิตของท่านทั้งสองนี้แก่กล้าพอๆกัน
ในการเสกครั้งหนึ่ง จิตหลวงปู่ทิมหลวงปู่โต๊ะท่านเสกครอบไปทั้งพิธีเลย (เหมือนม่าน"บาเรียร์"พลังจิต) ยันกันไปก็ยันกันมา อย่างตัวฉันนี่ ยังไม่โผล่ขึ้นมาได้เลย
ก็พระเกจิองค์ไหนพลังจิตไม่ถึงขั้น ก็เสกไม่เข้า เพ่งจิตเข้าไปโดนม่านพลังของหลวงปู่ทั้งสอง ก็โดนตีกลับลงมาหมด
ได้แต่นั่งอนุโมทนาอยู่เฉยๆเท่านั้นแหละ!!!!!"( คำบอกเล่าของ หลวงปู่เริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี)
- ครั้งหนึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ ไปนมัสการหลวงปู่โต๊ะ เมื่อปฎิสันถารกันพอสมควรแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้ทรงตรัสถามว่า
“หลวงปู่คะ ไสยศาสตร์มีจริงหรือไม่คะ?”
ทำเอาหลวงปู่โต๊ะถึงกับอึ้ง แต่แค่พักเดียวหลวงปู่ท่านก็นึกออก หลวงปู่โต๊ะท่านได้หยิบปากกาข้างตัวท่าน มาเขียน อักระตัวนะ ที่ฝ่ามือ แล้วชูให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ดู
แล้วเอามือที่ลงนะนั้นมาเป่า แล้วชูให้ดูใหม่ ปรากฎว่าอักระนะที่ฝ่ามือท่านหายไปแล้ว และท่านก็ชี้ขึ้นไปบนขื่อ เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทอดพระเนตรตามนิ้วหลวงปู่ ก็ทรงเห็นนะที่เมื่อครู่อยู่ที่ฝ่ามือหลวงปู่ ไปติดอยู่ที่บนขื่อแล้ว เป็นอันไม่ต้องอธิบายแล้ว
- หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวณฺโณ-หลวงพ่อเกษม เขมโก
ในงานพิธีพุทธาภิเษก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ณ วัดนางเหลียว ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง
หลวงพ่อเกษมได้บอกกับลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ติดตามหลวงปู่โต๊ะ
องค์ที่นั่งปรกอยู่ข้างบนว่า... “เราไหว้องค์นี้เพียงองค์เดียวก็พอแล้ว” (ทั้งๆ ที่งานพิธีในวันนั้น มีการนิมนต์พระเกจิชั้นยอดมาร่วมนั่งปรกหลายต่อหลายองค์)
คาถาบูชาพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ
นะโม ๓ จบ
คะวัมปะติ จะ มหาเถโร ลาภะ ลาโภ นิรันตะรัง
คะวัมปะติ จะ มหาเถรัง ลาภะ สุขัง ภะวันตุเม
สวด 3-7-9 จบ
พระปิดตา มีพุทธคุณ ครบถ้วน ทั้งพุทธคุณทางเมตตา ค้าขาย โชคลาภ ทั้งแคล้วคลาด ปลอดภัย และยังเชื่อกันว่ามีพุทธคุณในการปิดกั้นสิ่งไม่ดี รวมถึงภัยอันตรายต่างๆ อีกด้วย
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
พระปิดตา รุ่นแรก วัดชัยมงคล ปี 2522 ตะกรุดทองคำ 9 ดอก หลวงปู่โต๊ะเสก (มีบัตรรับรองพระแท้)
- องค์นี้เนื้อผงเกสร ตระกรุดทองคำ ๙ ดอก ตอกโค๊ต รวย ด้านข้าง 9 โค๊ต
- มีบัตรรับรองพระแท้จากบริษัทล้านนาอมูเลท
พระปิดตารุ่นแรก หลังยันต์นะ วัดชัยมงคล ปี 2522 (หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ปลุกเสก)
หลวงปู่โต๊ะได้เดินธุดงค์ไปที่ ฝาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ประมาณปี 2495-2496 และได้เก็บมวลสารต่างๆ เกษรดอกไม้ เป็นต้นฯ
ในปี 2496 ท่านก็ไปร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดพระสิงห์ และท่านธุดงค์มาอีกครั้งในปี 2518 ที่วัดชัยมงคล
จัดสร้างและปลุกเสกโดยหลวงปู่โต๊ะและคณาจารย์ทางภาคเหนือ เพื่อนำไปบรรจุในองค์พระธาตุสบฝาง และบางส่วนนำออกมาให้เช่าบูชาในปี 2522 เพื่อหาทุนบูรณะองค์พระธาตุสบฝาง
เจตนาการสร้างดี พระผู้สร้างและปลุกเสกดี พิธีการสร้างและเนื้อหามวลสารดี
เป็นของดีที่หลวงปู่โต๊ะมอบไว้ให้คนเหนือได้ใช้ พุทธคุณไม่แตกจากวัดประดู่ฉิมพลีแน่นอน
#หลวงปู่โต๊ะได้ออกธุดงค์จาริกไปทั้วทุกภาคในประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ท่านได้ไปศึกษาพระปริยัติธรรม โดยได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ เรียนวิชาพุทธาคม และได้ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน และก็ได้ธุดงค์ไปยังภาคเหนือเพื่อศึกษาวิชากับพระอาจารย์อีกหลายท่าน และในขณะที่ท่านเดินธุดงค์ ท่านก็ได้เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับ หลวงพ่อชุ่ม วัดราชสิทธาราม ส่วนสหธรรมิกของท่านที่มีชื่อเสียงได้แก่ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง หลวงพ่อกล้าย วัดหงส์รัตนาราม และต่อจากนั้น ท่านก็เดินทางไปยังภาคใต้ ไปที่จังหวัดปัตตานี และเมื่อหลวงปู่ท่านกลับมาที่ จังหวัดธนบุรี กลับมายังวัดประดู่ฉิมพลี ท่านก็ได้สร้างพระพุทธบาทจำลอง
- หลวงพ่อแพวัด พิกุลทอง ได้กล่าวว่า "หลวงปู่โต๊ะพลังจิตแรงกล้าเป็นวสีเข้าออกตามใจนึก"
เรื่องมีอยู่ว่าหลวงพ่อแพท่านตามดูจิตหลวงปู่โต๊ะในงานพุทธาพิเศก พระเครื่องรุ่นนึง ...ท่านเล่าว่าพอหลวงปู่โต๊ะเข้าสมาธิก็เห็นมือที่จับสายสิญญ์มีแสงสี"ม่วง"จากมือหลวงปู่วิ่งไปตามสายสิญญ์สู่กองวัตถุมงคลเป็นรัศมีสีม่วงสว่างไสวจนหลวงปู่โต๊ะคลายจิตจากสมาธิแสงจึงจะหายไปหลวงพ่อแพเล่าว่าพลังจิตหลวงปู่โต๊ะองค์เดียวเท่ากับเกจิอาจารย์องค์อื่นรวมกันสิบองค์ดังนั้นเวลามีพิธีพุทธาภิเษกของหลวงพ่อแพทุกครั้งท่านจะนิมนต์หลวงปู่โต๊ะมาด้วยทุกครั้ง(พลังจิตสีม่วงหมายถึงพลังงานที่ประกอบด้วยบุญญฤทธิและอิทธิฤทธิถ้าเป็นพลังจิตสีขาวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพระสายปฏิบัติสายหลวงปู่มั่นจะเป็นบุญญฤทธิ)
- หลวงปู่เริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี ได้กล่าวถึงหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่
"บรรดาพระเกจิอาจารย์ในสมัยนี้ ฉันไม่กลัวใคร พอสู้เขาได้ แต่ที่ฉันยอมรับว่าแน่กว่าฉันก็มีหลวงปู่ทิมกับหลวงปู่โต๊ะนี่แหละ พลังจิตของท่านทั้งสองนี้แก่กล้าพอๆกัน
ในการเสกครั้งหนึ่ง จิตหลวงปู่ทิมหลวงปู่โต๊ะท่านเสกครอบไปทั้งพิธีเลย (เหมือนม่าน"บาเรียร์"พลังจิต) ยันกันไปก็ยันกันมา อย่างตัวฉันนี่ ยังไม่โผล่ขึ้นมาได้เลย
ก็พระเกจิองค์ไหนพลังจิตไม่ถึงขั้น ก็เสกไม่เข้า เพ่งจิตเข้าไปโดนม่านพลังของหลวงปู่ทั้งสอง ก็โดนตีกลับลงมาหมด
ได้แต่นั่งอนุโมทนาอยู่เฉยๆเท่านั้นแหละ!!!!!"( คำบอกเล่าของ หลวงปู่เริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ ชลบุรี)
- ครั้งหนึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ ไปนมัสการหลวงปู่โต๊ะ เมื่อปฎิสันถารกันพอสมควรแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้ทรงตรัสถามว่า
“หลวงปู่คะ ไสยศาสตร์มีจริงหรือไม่คะ?”
ทำเอาหลวงปู่โต๊ะถึงกับอึ้ง แต่แค่พักเดียวหลวงปู่ท่านก็นึกออก หลวงปู่โต๊ะท่านได้หยิบปากกาข้างตัวท่าน มาเขียน อักระตัวนะ ที่ฝ่ามือ แล้วชูให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ดู
แล้วเอามือที่ลงนะนั้นมาเป่า แล้วชูให้ดูใหม่ ปรากฎว่าอักระนะที่ฝ่ามือท่านหายไปแล้ว และท่านก็ชี้ขึ้นไปบนขื่อ เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทอดพระเนตรตามนิ้วหลวงปู่ ก็ทรงเห็นนะที่เมื่อครู่อยู่ที่ฝ่ามือหลวงปู่ ไปติดอยู่ที่บนขื่อแล้ว เป็นอันไม่ต้องอธิบายแล้ว
- หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวณฺโณ-หลวงพ่อเกษม เขมโก
ในงานพิธีพุทธาภิเษก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ณ วัดนางเหลียว ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง
หลวงพ่อเกษมได้บอกกับลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ติดตามหลวงปู่โต๊ะ
องค์ที่นั่งปรกอยู่ข้างบนว่า... “เราไหว้องค์นี้เพียงองค์เดียวก็พอแล้ว” (ทั้งๆ ที่งานพิธีในวันนั้น มีการนิมนต์พระเกจิชั้นยอดมาร่วมนั่งปรกหลายต่อหลายองค์)
====================================
พระปิดตา มีพุทธคุณ ครบถ้วน ทั้งพุทธคุณทางเมตตา ค้าขาย โชคลาภ ทั้งแคล้วคลาด ปลอดภัย และยังเชื่อกันว่ามีพุทธคุณในการปิดกั้นสิ่งไม่ดี รวมถึงภัยอันตรายต่างๆ อีกด้วย
คาถาบูชาพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ
นะโม ๓ จบ
คะวัมปะติ จะ มหาเถโร ลาภะ ลาโภ นิรันตะรัง
คะวัมปะติ จะ มหาเถรัง ลาภะ สุขัง ภะวันตุเม
สวด 3-7-9 จบ
พุทธคุณ ครบถ้วน ทั้งพุทธคุณทางเมตตา ค้าขาย โชคลาภ ทั้งแคล้วคลาด ปลอดภัย ปิดกั้นสิ่งไม่ดีต่างๆ
====================================
พระปิดตา หรือพระควัม หรือพระควัมปติ
เป็นพระเครื่องที่ได้รับความนิยม หวงแหน และใฝ่หามาบูชากันมาก ด้วยเชื่อว่าพระปิดตา มีพุทธคุณ ครบถ้วน ทั้งแคล้วคลาด ปลอดภัย และพุทธคุณทางเมตตา ค้าขาย โชคลาภ อย่างหลังคือ พุทธคุณทางเมตตานั้นมีความศรัทธามาก ตามตำนานว่า พระควัมปติหมายถึง พระสังกัจจายนะ หมายถึง พระมหากัจจายนะ พระสาวกของพระพุทธเจ้า
ประวัติความเป็นมาของพระปิดตานั้น มีอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน เนื่องจากพระปิดตานั้นมีอีกชื่อว่า พระควัมปติ
(บ้างก็เรียกว่า ภควัมบดี หรือ ภควัมปติ)
ซึ่งมีพระสาวกอยู่ 2 องค์ที่ถูกเรียกขานด้วยนามนี้ในสมัยพุทธกาล ซึ่งมีลาภเสมอเหมือน พระสีวลี เเละมีปัญญาเเละมีฤทธิ์มาก
......
ตำนานและประวัติของ พระปิดตา เรื่องที่ 1
พระควัมปติ คือ พระมหากัจจายนะ ผู้มีรูปงดงามคล้ายพระพุทธเจ้า
พระควัมบดี หรือ พระควัมปติ คือนามหนึ่งของพระมหากัจจายนะ หนึ่งในพระอรหันต์สมัยพุทธกาล ท่านเป็นบุตรของพราหมณ์ตระกูลกัจจายนะ ผู้เป็นปุโรหิต (ที่ปรึกษา) ของพระเจ้าจัณฑปัชโชต ในกรุงอุชเชนี นอกจากท่านจะมีความเฉลียวฉลาด สามารถศึกษาอะไรได้รวดเร็วแล้ว ท่านยังมีรูปกายที่งดงาม มีผิวพรรณดั่งทองคำอีกด้วย
ต่อมาท่านได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าจนเกิดความเลื่อมใสและสำเร็จเป็นพระอรหันต์ จึงได้อุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุสัมปทา (พระพุทธเจ้าทำการบวชให้) และพระพุทธเจ้าทรงยกย่องให้เป็นเอตทัคคะในทางอธิบายความย่อให้พิสดาร คือมีความสามารถเป็นเลิศในการย่อพระธรรมให้สั้นและเข้าใจง่าย
ด้วยความที่ท่านมีรูปงามมาก ทำให้หลายคนมักเข้าใจผิดว่าท่านคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเชื่อกันว่า "พระภควัมปติ" ที่ผู้คนเรียกขานท่านนั้น มีความหมายว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า" นั่นเอง นอกจากคนจะเข้าใจผิดแล้ว บางคนยังหลงใหลในรูปของท่านจนก่อกรรมโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเห็นโทษเช่นนี้แล้ว พระมหากัจจายนะจึงทรุดองค์ลงนั่งคู้บัลลังก์ ยกหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์ แล้วอธิษฐานจิตเนรมิตให้ร่างกลายเป็นอ้วน เตี้ย พุงพลุ้ยนับแต่นั้นเป็นต้น
ตำนานและประวัติของ พระปิดตา เรื่องที่ 2
พระควัมปติ คือ พระควัมปติเถระ ผู้เป็นสหายของพระยสเถระ
อีกความเชื่อหนึ่งก็คือ พระปิดตา ก็คือ พระควัมปติเถระ ผู้เป็นหนึ่งในพระอสีติมหาสาวก 80 องค์ (พระสาวกผู้ยิ่งใหญ่ สำคัญ และเป็นภิกษุผู้บรรลุธรรมขั้นสูงสุด คือพระอรหัตผล) เดิมท่านเป็นบุตรในตระกูลเศรษฐี และเป็นสหายกับยสมานพ (อ่านว่า ยะสะมานพ) ต่อมาเมื่อไดบรรพชาเป็นพระภิกษุสงฆ์และได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนบรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมกับสหายท่านอื่นๆ
นอกจากนี้พระควัมปติเถระท่านยังมีฤทธิ์มาก โดยความในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า ขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จไปยังเมืองสาเกต แล้วประทับอยู่ในพระวิหารอัญชนวัน ปรากฏว่าเสนาสนะมีไม่เพียงพอ ภิกษุจำนวนมากจึงต้องพักอยู่ที่เนินทรายริมแม่น้ำสรภู ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพระวิหาร แต่ทว่าในคืนนั้นเอง ก็เกิดเหตุน้ำหลากในยามวิกาล ทำให้สามเณรส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ พระพุทธเจ้าทรงทราบเหตุแล้วจึงตรัสให้พระควัมปติเถระหยุดกระแสน้ำนั้นไว้ ซึ่งพระควัมปติเถระก็สามารถใช้กำลังของฤทธิ์หยุดกระแสน้ำนั้นไว้ได้เป็นที่อัศจรรย์
ถึงแม้ว่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดเต็มร้อยว่าแท้จริงแล้ว พระปิดตา หรือ พระควัมปติ นั้นมีที่มาจากพระสาวกองค์ใดกันแน่ แต่ที่แน่นอนก็คือล้วนแต่เป็นมงคลทั้งสิ้น เพราะลักษณะของ พระปิดตา นั้นแสดงธรรมให้เห็นได้ดังนี้
ลักษณะของพระปิดตา และพุทธคุณของพระปิดตา
ร่างกายของมนุษย์ มี "ทวาร" หมายถึง "ประตู" แห่งการเข้าออก 9 ทาง ได้แก่ ตา 2 จมูก 2 หู 2 ปาก 1 รวมถึงช่องทางขับถ่ายด้านหน้าและด้านหลังอีก 2 รวมเป็น ทวารทั้ง 9
ลักษณะของพระปิดตา จึงสื่อถึงปริศนาธรรมในการปิดทวารทั้ง 9 คือปิดทางเข้าของกิเลสทั้งหลาย นั่นเอง โบราณจึงถือว่าพระเครื่องในรูปแบบของพระปิดตานั้น จะเป็นเครื่องระลึกให้เราสำรวมระวังกายและใจไม่ให้เปิดรับกิเลสเข้ามาโดยง่าย และยังเชื่อกันว่ามีพุทธคุณในการปิดกั้นสิ่งไม่ดี รวมถึงภัยอันตรายต่างๆ อีกด้วย
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |