ไฮไลท์
พระพิฆเนศร์ หลัง พระราหู ครูบาเจ้าดวงดี วัดท่าจำปี จ.เชียงใหม่ ปี 2551
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 5 ซม
พระราหู-พระพิฆเนศร์ วัดท่าจำปี อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ปี 2551
ครูบาเจ้าดวงดี สุภัทโท ท่านเจ้าคุณพระมงคลวิสุต อายุ ๑๐๒ ปี
สร้างจากเนื้อผงพุทธคุณ-ว่าน ๑๐๘ ซึ่งรวมมวลสารต่างๆ จากคณาจารย์ เกือบทั่วประเทศ และผงวิเศษต่างๆ ของท่านที่เก็บไว้นาน นำมารวมผสม
เป็นสุดยอดวัตถุมงคลอันล้ำค่า ของชาวล้านนาในรอบ 100 ปี
โดยเฉพาะท่านอธิฐานจิตเดี่ยว ๙ ราตรีกาลเพื่อออกให้ทำบุญบูชา ครบรอบวันเกิด ในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๑
.....................................................
พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ
มีความเชื่อว่า หากขอพรใดๆ ที่ไม่เกินวาสนาบารมี ย่อมประสบความสำเร็จ สมหวังดังปรารถนา พระพิฆเนศถือเป็นเทพเจ้าแห่งจักรวาล ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การงาน การเงิน หรือความรัก องค์พระพิฆเนศจะช่วยปัดเป่าอุปสรรค แก้ไขปัญหาต่างๆ
คาถาบูชาพระพิฆเนศ
ให้สวดคาถา( โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา 3 จบ) ตามด้วยการขอพร จะช่วยในเรื่องของการประสบความสำเร็จในชีวิต ขอโชคขอลาภ เกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินเงินทอง
............................................
พระราหูเป็นพระประจำวัน คนเกิดพุธกลางคืน และจะถูกโฉลกกับคนเกิดวันเสาร์ รวมถึงพระอังคาร หรือ คนเกิดวันอังคาร เชื่อว่าจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ส่งเสริมให้คุณต่อกันมาก หรือคนกำลังดวงตก มีเคราะห์ แก้ปีชง หรือคนที่ต้องการบูชาเพื่อหนุนดวง เสริมโชคลาภ ตามความเชื่อ
สำหรับคนที่มีความเชื่อในเรื่องของดวงชะตานั้น การไหว้ “พระราหู” คือสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ เนื่องจากพระราหูในทางโหราศาสตร์จะเชื่อกันว่าหากราหูมีการเคลื่อนย้าย จะส่งผลต่อดวงชะตาและลักขณาราศรีต่างๆ นั่นเอง
การบูชา พกพาพระราหูติดตัวนั้น จะทำให้สามารถ อธิฐานขอพรกับพระราหูประจำตัวที่เราบูชาได้ทันที ส่งผลดีต่อดวงชะตา กลับร้ายกลายเป็นดี พ้นเคราะห์ต่างๆ ทั้งยังบังดลบันดาลให้เกิดโชคลาภ การเงิน ไหลมาเทมา การงานเจริญก้าวหน้า ร่ำรวย เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี กันทั่วทุกคน…
คาถาบูชาพระราหู
คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ (สวด 12 จบ) แล้วตามด้วย
“ข้าพเจ้า (ชื่อ-นามสกุล) ขอบูชาพระราหู ขอให้อิทธิพลของดาวราหูจงส่งผลดีแก่ดวงชะตาของข้าพเจ้า ขอให้เกิดทางสว่างในหน้าที่การงาน ขอให้ได้พบเจอแต่กัลยาณมิตรที่ดี ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรงปราศจากโรคร้ายใดๆ ขอให้เกิดความสุขในครอบครัว ขอให้ดาวราหูประทานพรโชคลาภและความสำเร็จแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ (อธิษฐานเรื่องอื่นๆ ที่ปรารถนา)”
............................................
ประวัติ
หลวงปู่ครูบาดวงดี สุภัทโท ถือกำเนิดที่บ้านท่าจำปี ต.ทุ่งสะโตก อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เป็นคนพื้นเพบ้านท่าจำปีมาแต่กำเนิด บิดามารดา เป็นชาวไร่ชาวนา โยมบิดาชื่อ พ่ออูบ โยมมารดาชื่อ แม่จั๋นติ๊บ (สมัยนั้นยังไม่มีการใช้นามสกุล) หลวงปู่ถือกำเนิดในแผ่นดินรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ตรงกับสมัยพ่อเจ้าอินทวิชยานนท์ (เจ้ามหาชีวิต) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 เดือนเมษายน พ.ศ. 2449 หลวงปู่มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน เป็นชาย 4 คน เป็นหญิง 4 คน หลวงปู่เป็นลำดับที่ 7 และมีน้องสุดท้องชื่อแม่นิน
เริ่มต้นชีวิตในผ้ากาสาวพัตร
เมื่อหลวงปู่อายุได้ 11 ปี ได้ติดตามพ่อแม่ไปทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารแด่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่งขณะนั้นท่านครูบาถูกทางการจังหวัดลำพูน นำตัวมากักขังบริเวณที่วัดพระธาตุเจ้าหริภุญชัย (วัดหลวงลำพูน) ในข้อหาเป็นพระอุปัชฌาย์เถื่อนไม่มีหนังสืออนุญาตบวชพระ เมื่อท่านครูบาเจ้าฯได้เห็นเด็กชายดวงดี ท่านก็มีเมตตาอย่างสูงเรียกเข้าไปหาพร้อมกับบอกพ่อแม่ว่า "กลับไปให้เอาไปเข้าวัดเข้าวา ต่อไปภายหน้าจะได้พึ่งพาไหว้สามัน" นับเป็นพรอันประเสริฐ ยิ่งในการที่ท่านครูบาเจ้าฯได้พยากรณ์พร้อมกับประสาทพรให้หลวงปู่ตั้งแต่ยัง เด็กหลังจากที่เดินทางกลับถึงบ้าน ไม่กี่วันต่อมา บิดาก็นำขันข้าวตอกดอกไม้ พร้อมกับนำตัวเด็กชายดวงดีไปถวายฝากตัวเป็นศิษย์ (ขะโยม) ในท่านครูบาโปธิมา ซึ่งเป็นอธิการวัดท่าจำปี ใกล้ๆบ้านนั่นเอง ครูบาโปธิมาก็ได้พร่ำสอนหนังสือของทางการบ้านเมืองสมัยนั้น หลังจากสั่งสอนเด็กชายดวงดีจนพออ่านออกเขียนได้ ท่านครูบาโปธิมาก็ย้ายจากวัดท่าจำปีไปเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ห่างจากวัดท่าจำปีไปเล็กน้อย
ท่าครูบาสิงหะ เจ้าอาวาสท่านต่อมาได้ให้เด็กชายดวงดีศึกษาเป็นขะโยม(เด็กในวัด) อยู่กับคณูบาสิงหะได้ไม่นาน ครูบาสิงหะก็มรณภาพ คงเหลือสามเณรสิงห์แก้วดูวัดท่าจำปีแทนและทำหน้าที่สั่งสอนลูกศิษย์ไปด้วย หลังจากทำบุญประชุมเพลิงครูบาสิงหะแล้วสามเณรสิงห์แก้วก็ลาสิกขาจึงทำให้วัด ท่าจำปีร้างรกไม่มีเจ้าอาวาสติดต่อกันถึง 3 ปี ในขณะที่วัดร้างรานั้น หลวงปู่หรือเด็กชายดวงดีขณะนั้นก็ทำหน้าที่ดูแลวัดอย่างที่เคยปฏิบัติมา เช่น ปัดกวาดกุฏิวิหาร จัดขันดอกไม้บูชาพระ ตักน้ำคนโท(น้ำต้น)ถวายพระพุทธรูปตลอดเวลา
ต่อมาคณะศรัทธาวัดท่าจำปี ได้อาราธนานิมนต์ท่านครูบาโสภามาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าจำปี เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่จึงได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลทุ่งสะโตกอีก ตำแหน่งด้วย ทำให้วัดท่าจำปีเกิดความสำคัญขึ้นมาอย่างยิ่ง เพราะนอกจากท่านครูบาโสภณจะเป็นเจ้าคณะตำบลแล้ว ท่านยังเป็นพระสหธรรมมิกที่มีอายุพรรษารุ่นราวคราวเดียวกันกับม่านคณุบาศีล ธรรมศรีวิชัย มีผู้คนเคารพนับถือมากมายถึงกับขนานนามท่านว่า "ตุ๊เจ้าตนบุญตนวิเศษแห่งล้านนา" จริงๆ เพราะท่านมีบุญญาอภินิหารปรากฏแก่สายตาคนทั้งหลาย ซึ่งเป็นที่ร่ำลือถึงเหตุการณ์ต่างๆอย่างไม่ลดละตราบจนทุกวันนี้
หลังจาก เด็กชายดวงดีศึกษาภาษาพื้นเมืองได้คล่องแคล่ว อายุได้ 13 ปีพอดีท่านครูบาโสภาจึงนำเด็กชายดวงดีไปปรึกษากับท่านครูบาศรีวิชัย ซึ่งขณะนั้นท่านได้ขึ้นมาบูรณะปฏิสังขรณ์ทางเมืองเชียงใหม่ พ.ศ.2462 ท่านครูบาศรีวิชัยมีความพอใจเด็กชายดวงดีมาก ท่านครูบาโสภาก็เล่าเรื่องการบวชเณรให้ท่านครูบาศรีวิชัยฟัง ท่านก็บอกกับครูบาโสภณว่า "ถ้าบวชพระแล้วก็หื้อขึ้นมาจำพรรษาอยู่วัดพระสิงห์นี่แหละ จะได้เป็นเพื่อนกับนายสิงห์ดำ" (ซึ่งเป็นหลานแท้ๆของท่านครูบาศรีวิชัย)ซึ่งมีหน้าที่ปลงเกศาให้กับท่าน ครูบาศรีวิชัย
ในขณะที่หลวงปู่อยู่จำพรรษากับท่าครูบาเจ้าศรีวิชัยนับ ตั้งแต่เป็นสามเณรใหม่ๆนั้นและเดินทางปฏิบัติเล่าเรียนอยู่กับท่านครูบาเจ้า ศรีวิชัยนั้น ท่านอายุได 28 ปี เป็นช่วงที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยต้องอธิกรณ์ข้องกล่าวหาต่างๆนาๆ เช่นการบุกรุกป่าสงวน ซ่องสุมผู้คน ตั้งตนเป็นผีบุญ จนถึงกับถูกจับส่งตัวไปตัดสินความที่กรุงเทพฯ เนื่องจากถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่โต เมื่อคณะสงฆ์ในเขตปกครองแขวงบ้านแมง (อ.สันป่าตอง)ขอลาออกจากการปกครองเมืองเชียงใหม่ถึง 60 วัด ท่านครูบาโสภาวัดท่าจำปี ท่านครูบาปัญญา วัดท่ากิ่งแลหลวง ก็ถูกไต่สวนจนต้องนำคณะศิษย์หนีหนีไปแสวงบุญก่องสร้างวิหานพระพุทธบาท ฮังฮุ้ง ในเขตประเทศพม่าจนไม่ยอมกลับมาอีกเลย บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านครูบาศรีวิชัยต้องแยกย้ายกันไปแสวงบุญคนละทิศละ ทาง คงค้างแต่ท่านครูบาขาวปีทำหน้าที่ดูแลวัดสิงห็ และเป็นหัวแรงในการก่อสร้างวัดวาอารามที่ค้างไว้
ต่อมาท่านครูบาศรี วิชัยถูกชำระความพ้นผิดเดินทางกลับเมืองลำพูนอยู่ได้ไม่นาน ก็ถึงแก่มรณภาพที่วัดจามเทวี เมื่ออายุได้ 61 ปี ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่ดวงดีอายุได้ 32 ปี หลวงปู่ได้เดินทางไปก่อสร้างวัดวาอารามเจริญรอยตามท่านครูบาศรีวิชัยผู้เป็น พระอาจารย์ หลังจากนั้นก็ติดตามครูบาเจ้าอภิชัยผ้าขาวปีมาสร้างวิหารวัดท่าจำปีหลวงปู่ เดินทางกลับมาก่อสร้างวัดท่าจำปี ขณะนั้นอายุได้ 42 ปีได้รับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลทุ่งสะโตกจากท่านครูบาโสภาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าหลวงปู่จะมีตำแหน่งหน้าที่ทางการคณะสงฆ์ก็ตาม ท่านก็มิได้ละเลยข้อวัตรปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งท่านมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ในระหว่างที่มาดำรงค์ตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อจากท่านครูบาโสภา หลวงปู่ก็มิได้สร้างแต่เฉพาะวัดท่าจำปีเท่านั้น ทุกวัดในละแวกเดียวกันหลวงปู่ก็ช่วยเหลือเป็นแรงสำคัญไม่ว่าถนนหนทาง อุโบสถ วิหาร เจดีย์ สะพาน หรือแม้แต่โรงเรียน โรงพยาบาล หลวงปู่ก็ให้ความอุปถัมภ์บำรุง แม้กระทั่งวัดในเขตอำเภอสันป่าตอง หรือต่างอำเภอ หรือต่างจังหวัด จนไม่สามารถนำมาบรรยายได้ทั้งหมด
หน้าที่การคณะสงฆ์และสมณศักดิ์
หลวงปู่ครูบาดวงดีสุภัทฺโท ปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะตำบลทุ่งสะโตก อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๙๒
-วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับสถาปนาประทวนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวนเจ้าคณะตำบล
-วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทที่ "พระสุภัทรสีลคุณ" ณ พุทธมณฑล จังหวัด นครปฐม
-ปัจจุบันหลวงปู่เจริญอายุครบ 104ปี (83 พรรษา)
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
พระพิฆเนศร์ หลัง พระราหู ครูบาเจ้าดวงดี วัดท่าจำปี จ.เชียงใหม่ ปี 2551
 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 5 ซม
 
พระราหู-พระพิฆเนศร์ วัดท่าจำปี อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ปี 2551
ครูบาเจ้าดวงดี สุภัทโท ท่านเจ้าคุณพระมงคลวิสุต อายุ ๑๐๒ ปี 
 
สร้างจากเนื้อผงพุทธคุณ-ว่าน ๑๐๘ ซึ่งรวมมวลสารต่างๆ จากคณาจารย์ เกือบทั่วประเทศ และผงวิเศษต่างๆ ของท่านที่เก็บไว้นาน นำมารวมผสม 
เป็นสุดยอดวัตถุมงคลอันล้ำค่า ของชาวล้านนาในรอบ 100 ปี
โดยเฉพาะท่านอธิฐานจิตเดี่ยว ๙ ราตรีกาลเพื่อออกให้ทำบุญบูชา ครบรอบวันเกิด ในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๑
 
.
 
 
==========================================
 
 
พระพิฆเนศ เทพแห่งปราชญ์ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ
 
 
พระพิฆเนศ เป็นมหาเทพผู้ทรงภูมิปัญญายิ่งใหญ่ ผู้ขจัดอุปสรรคและอำนวยความสำเร็จในทุกสิ่ง พระองค์ทรงเป็นเทพเจ้าแห่งสากล (Universal God) ที่มีผู้เคารพนับถือมากที่สุดองค์หนึ่งในทั่วโลก
ไม่ว่าใน อินเดีย เนปาล ภูฏาน ทิเบต มองโกล จีน ญี่ปุ่น เกาหลี พม่า ไทย เขมร อินโดนีเซีย ฯลฯ พระพิฆเนศ คือเทพเจ้าที่มีปรีชาญาณเฉลียวฉลาด มีฤทธานุภาพมาก และทรงคุณธรรม คอยปราบภัยพาลและอภิบาลคนดี อีกทั้งยังเป็นเทพผู้กตัญญูถึงพร้อมด้วยความดีงาม สมควรแก่การสักการบูชาเป็นอย่างยิ่ง หากใครจะประกอบพิธี หรือทำกิจกรรมใด การเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เช่น เปิดกิจการร้านค้า เริ่มการทำงาน ขึ้นบ้านใหม่ ออกเดินทาง หรือแม้กระทั่งการบวงสรวงทำพิธีมงคลต่างๆ ฯลฯ ต้องบอกกล่าวบูชาองค์พระพิฆเนศก่อนเป็นลำดับแรก จึงจะเป็นสิริมงคล และประสบความสำเร็จ
 
 
พระพิฆเนศ มีกายเป็นมนุษย์ มีเศียรเป็นช้าง อีกชื่อหนึ่งจึงเรียกว่า คชานนท์ มีงาข้างเดียว อ้วนเตี้ย ท้องพลุ้ย หูยาน พระวรกายสีแดง สีขาว สีเหลือง ฯลฯ นุ่งห่มภูษาแดง มี ๔ กร ถือบ่วงบาศ ขอสับช้าง และมีเทพศัสตราวุธอีกหลายชนิด ซึ่งได้รับประทานจากพระศิวะ มีพาหนะบริวาร คือ หนู นามว่า มุสิกะ
 
 
 
ความเป็นมาเกี่ยวกับพระพิฆเนศ
 
พระพิฆเนศ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า คชานนท์ ซึ่งเป็นพระโอรสของพระศิวะกับพระศรีมหาอุมาเทวี โดยมีลักษณะ กายเป็นมนุษย์ มีเศียรเป็นช้าง มีพระกรรณกว้างใหญ่ งวงยาว มีงาข้างเดียว โดยลักษณะรูปร่างของพระองค์แสดงถึงความเป็นสิริมงคล ความหมายในแต่ละส่วนของท่าน เปรียบได้ดังนี้
 
 
 
พระเศียร ทรงมีเศียรอันใหญ่ เปี่ยมล้นไปด้วยปัญญาความรู้ เป็นแหล่งที่รวมปัญญาทั้งหมด
 
 
 
พระกรรณ ทรงใช้รับฟังคำสวดจากพระคัมภีร์และรับฟังความรู้ จากสิ่งอื่นๆ เปรียบเป็นสิ่งแรกแห่งการศึกษา
 
 
 
งวง ได้รับเลือกจากการเฟ้นหาทวิลักษณะ ความผิด-ถูก ความดี-ความชั่ว ซึ่งมีงวงช้างที่ยาวและใหญ่ สำหรับการใช้ชั่งน้ำหนักต่อการกระทำหรือการค้นหาสิ่งที่ดีงามต่างๆ และปัญญานั้นเกิดขึ้นเพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาของชีวิตให้หลุดพ้นจากอุปสรรคทั้งปวง นำไปสู่ความสำเร็จที่สมดั่งปรารถนา
 
 
 
งา มีงาข้างเดียว ที่อีกข้างหักนั้น แสดงให้เห็นถึง การใช้ชีวิต ที่มีทั้งความดีและความชั่ว โดยทำความเข้าใจให้รู้ถึงความแตกต่าง 
 
 
 
หนูมุสิกะ บริวารของพระพิฆเนศ แสดงถึงความอยากได้หรือความปรารถนาของมนุษย์
 
 
 
บ่วงบาศ ทรงถือโดยทรงลากจูงคนทั้งหลาย เพื่อให้เดินตามรอยพระบาทของพระองค์
 
 
 
ขวาน เป็นอาวุธที่พระองค์ทรงใช้ปกป้องความชั่วร้ายและขับไล่อุปสรรคต่างๆนาๆที่มาก่อกวนต่อบริวารของพระองค์
 
 
 
ขนมโมทกะ ซึ่งเป็นข้าวสุกผสมน้ำตาลปั้นเป็นลูก เพื่อประทานให้ให้เราเป็นรางวัลในการปฏิบัติตามรอยพระบาทของพระองค์
 
 
 
ท่าประทานพร หมายถึงความยิ่งใหญ่แห่งความสุข ความเจริญรุ่งเรือง และความสำเร็จให้กับสาวกของพระองค์ 
 
 
 
หากพิจาณาจากความหมายในทางสัญญะ พระพิฆเนศ ทรงมีพระวรกายที่อ้วน นั้นแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ เศียรที่เป็นช้างให้ความหมายว่า เป็นผู้ที่มีปัญญามาก พระองค์ทรงมีตาที่เล็ก สามารถมองเห็นถึงการแยกแยะ สิ่งที่ถูกผิด ทรงมีหูและจมูกที่ใหญ่ หมายถึง มีสัมผัสพิจารณาที่ดี และหนูที่เป็นสหาย อาจเปรียบได้กับ ความคิด วิเคราะห์ที่รวดเร็ว พลุ่งพล่าน 
 
 
 
 
ไหว้พระพิฆเนศ ช่วยเรื่องอะไร
 
โดยมีความเชื่อว่า หากขอพรใดๆ ที่ไม่เกินวาสนาบารมี ย่อมประสบความสำเร็จ สมหวังดังปรารถนา พระพิฆเนศถือเป็นเทพเจ้าแห่งจักรวาล ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การงาน การเงิน หรือความรัก องค์พระพิฆเนศจะช่วยปัดเป่าอุปสรรค แก้ไขปัญหาต่างๆ 
 
 
 
การเตรียมการสักการะพระพิฆเนศ
 
โดยหลักๆแล้ว การบูชาสักการะองค์พระพิฆเนศ สามารถบูชาได้ทุกวัน สามารถบูชาได้ทุกคน และสามารถอธิษฐานขอพรได้อย่างไม่จำกัด แต่หากต้องการบูชาอย่างถูกต้องตามความเชื่อนั้น ให้เริ่มต้นบูชาสักการะในวันอังคาร และวันพฤหัสบดี เพื่อถวายตัวเป็นผู้ศรัทธาของพระพิฆเนศ หลังจากนั้น สามารถบูชาได้ตามปกติ วันไหนก็ได้ เนื่องจากถือเป็นฤกษ์มงคลทั้งสิ้น 
 
 
 
ของไหว้สำหรับบูชาพระพิฆเนศ
 
ผลไม้ : อ้อย
 
เครื่องดื่ม : น้ำอ้อยและนมวัว
 
ขนมไทยและขนมอินเดีย : ขนมโมทกะ ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว และขนมหวานลาดูป
 
ของไหว้อื่นๆ : ข้าวสาร เกลือ พึช ผัก 
 
*สำหรับบูชาพระพิฆเนศ ห้ามสักการะด้วยเนื้อสัตว์ทุกชนิด สามารถใช้ขนมที่มีส่วนผสมของไข่ได้ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ จะดีกว่า*
 
 
 
ขั้นตอนการบูชาพระพิฆเนศ
 
- ให้นำเครื่องบูชาสักการะ วางไว้ด้านหน้าเทวรูปพระพิฆเนศ
 
- นำดอกไม้วางไว้หน้าเทวรูป หากเป็นพวงมาลัยให้นำไปคล้องที่พระกรของเทวรูป
 
- จุดเทียน ธูปหอม กำยาน ต่อหน้าเทวรูป
 
- ทำจิตใจให้สงบ ท่องนะโม 3 จบ ต่อด้วยบทสวดพระพิฆเนศ
 
- เมื่อท่องบทสวดมนต์เสร็จสิ้นแล้ว ให้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรได้เลย และกล่าวคำว่า โอม ศานติ 3 ครั้ง ทิ้งท้าย เพื่อขอความสงบสุขและสันติ เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
 
 
 
บทสวดพระพิฆเนศแบบสั้น
 
โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา (สามารถท่องได้ตั้งแต่ 3,5,7,9 จบ แล้วแต่ตามสะดวก)
 
 
 
บทสวดพระพิฆเนศของไทย
 
โอม พระพิฆเณศวร
 
สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ
 
ทุติยัมปิ พระพิฆเณศวร
 
สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ
 
ตะติยัมปิด พระพิฆเณศวร
 
สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ
 
 
 
บทสวดพระพิฆเนศเพื่อความสำเร็จ
 
โอม ศรีคะเนศายะนะมะ
 
ชะยะคะเณศะ ชะยะคะเณศะ ชายะคะเณศะ
 
เทวา มาตา ชากี ปะระ วะตี ปิตามะหา เทวา ละฑุวัน
 
กา โกคะ ละเค สันตะ กะเร เสวา เอก ทันตะ
 
ทะยาวันดะ จาระ ภุชา ธารี มาเถ สินทูระ เสเห
 
มูเส กี อะสะวารี อันธะนะ โก อางขะ เทตะ
 
โก กายา พามณะนะ โก กุตรร เทตะ
 
โกทินะ นิระทะนะ มายาฯ 
 
 
 
บทสวดพระพิฆเนศ 8 บท
 
โอม พูตายะ นะมะหะ
 
โอม ภัคตะวิฆนะ วินาศิเน นะมะหะ
 
โอม วิฆะณะราชายะ นะมะฮหะ
 
โอม ศุธิปริยายะ นะมะหะ
 
โอม ศริษายะ นะมะหะ
 
โอม สธิรายะ นะมะหะ
 
โอม สมาหิตายะ นะมะหะ
 
โอม สมุยายะ นะมะหะ 
 
 
 
ในปัจจุบันบทสวดพระพิฆเนศมีด้วยกันหลายบทสวด แต่สามารถใช้บทสวดใดก็ได้เพียงบทเดียว หรือจะสวดหลายๆบทต่อเนื่องกันก็ได้ อย่างไรก็ตาม การสักการะบูชาเทพเจ้าต่างๆ ถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อส่วนบุคคล เป็นการเสริมโชคลาภ เสริมพลังและความมั่นใจให้ผู้บูชาอีกทางหนึ่ง  ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัว ดำเนินชีวิตของเราด้วย
 
ขอบคุณข้อมุลจาก (aurora.co.th)
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาหน้าโรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านธัญทิพย์ อมูเลท
ธัญทิพย์ อมูเลท
บริการให้เช่า พระเครื่อง และเครื่องรางของมงคล ทั่วไทย
เบอร์โทร : 0629966394
อีเมล : thanyatip4289@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม