ไฮไลท์
เหรียญพระเจ้าตนหลวง หลังครูบาศรีวิชัย รุ่นมงคลบารมีเจริญทรัพย์ วัดศรีโคมคำ อ.เมือง จ.พะเยา ปี 2561 เนื้อทองแดงรุ้ง เลข 2669
เหรียญพระเจ้าตนหลวง"รุ่นมงคลบารมีเจริญทรัพย์" ด้านหลังเป็นครูบาศรีวิไชย ตนบุญแห่งลานนา
พระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปศักคิ์สิทธิ์ ศิลปเชียงแสน คู่บ้านคู่เมือง จ.พะเยา
เหรียญรุ่นนี้ออกแบบได้อย่างงดงามและลงตัวที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้านหน้าเป็นพระเจ้าตนหลวงบนดอกบัวมีพญานาคอยู่ด้านข้าง (ตามตำนานการสร้างพระเจ้าตนหลวง) ด้านหลังเป็นครูบาศรีวิไชย ตนบุญแห่งล้านนา เป็นเหรียญปั๊มที่มีความลึก มีมิติเด่นชัด จัดทำยาก และต้นทุนสูง
รับประกันของแท้ ถ่ายจากองค์จริง ตรงตามรูป
เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เกิดปีมะโรง ปีมะเส็ง หรือคนเกิดปีที่เกื้อหนุนกันกับปีมะโรง เช่น คนเกิดปีฉลู ปีระกา ปีชวด ปีวอก เพื่อหนุนดวง เสริมบารมี โชคลาภ เมตตา ค้าขาย แคล้วคลาดจากภัยอันตลาดทั้งปวง หรือคนที่ต้องการเสริมดวงแก้ปีชง ในปีมะโรง ตามความเชื่อ หรือคนที่เกิดวันเสาร์ ควรจะมีพระนาคปรกไว้บูชาเนื่องจากเป็นพระประจำวันเกิด
............................................................
เหรียญพระเจ้าตนหลวง หลังครูบาศรีวิชัย รุ่นมงคลบารมีเจริญทรัพย์ ปี 2561 หมายเลขมงคล 2669
ความหมายเลขมงคล
เลข 26 หมายเลขคู่นี้ มีเสน่ห์ทางคำพูด วาจาเป็นทรัพย์ ผู้คนมักติดใจในคำพูด มักมีคนมาขอคำปรึกษาบ่อยๆ ปลอบใจเก่ง ใครได้พูดคุยด้วยมักเกิดความสบายใจ สามารถเข้าถึงจิตใจของผู้อื่น จึงเปรียบเหมือนศาลาพักใจของคนทั้งหลาย ทำให้คนรอบข้างหลงใหลอยากใกล้ชิด รสนิยมสูง ติดใช้ของดีมีระดับ ทำให้สิ้นเปลืองไปบ้าง แต่ก็หาเงินเก่ง ซึ่งสามารถหาได้หลายทาง และส่วนใหญ่รายได้มักเกิดจากคำพูด เลขคู่นี้ได้ดีเพราะปาก และด้วยความที่เสน่ห์อยู่ที่ปาก คำพูดจึงเป็นอาวุธสำคัญของผู้ครอบครองเลขนี้
เลข 66 หมายเลขคู่นี้ ส่งเสริมด้านความอ่อนหวาน น่ารัก มองโลกในแง่ดี อารมณ์สุนทรีย์ รสนิยมดี รักสวยรักงาม เข้าใจศิลปะ ขี้สงสาร อารมณ์ดี ร่าเริง เหมือนคนที่ไม่มีทุกข์ ถนัดสร้างสีสันให้คนรอบตัวมีความสุข เจ้าสำราญ เลขคู่นี้มีเสน่ห์มากจึงดึงดูดเพศตรงข้ามเข้ามามากมาย ทำให้ต้องระวังวุ่นวายเรื่องรักๆใคร่ๆ เพราะจะมีรักซ้อน ประเภทกิ๊ก หรือมือที่สาม เกิดขึ้นได้ง่าย ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ มีโชคลาภและทรัพย์เข้ามาเรื่อยๆ ไม่ขาด หาเก่ง ใช้คล่อง มักมือเติบใช้จ่ายมาก ตามใจตัวเองจนเคยตัว ขาดการควบคุม แนะนำว่าสนุกให้น้อยลง แล้วจริงจังให้มากหน่อยก็น่าจะดีไม่น้อย ชีวิตนี้จะได้ยิ่งสมบูรณ์แบบ
เลข 69 หมายเลขคู่นี้ จะเป็นคนฝักใฝ่ทางศิลปะ มีอารมณ์สุนทรียภาพสูง รสนิยมดี แต่งตัวเก่ง เจ้าบทเจ้ากลอน พูดจาอ่อนหวาน เอาใจเก่ง โอบอ้อมอารี รักเพื่อนฝูง มีเสน่ห์ ชอบเพ้อฝัน สร้างจินตนาการ เลขชุดนี้ส่งผลให้ทั้งการเงินและความรักไหลเข้าไหลออก เพราะเงินทองหาง่าย หมุนคล่อง แต่ไม่รู้จักออม ข้อดีของเลขนี้มีอีกอย่างหนึ่ง คือ มักมีเงินเข้ามาแบบเหลือเชื่อ (มีใช้ตลอด) ส่วนความรัก จะรักง่าย หลงง่าย ไม่นานก็เบื่อ เอาแน่ไม่ได้อีก เหมาะจะประกอบอาชีพเกี่ยวกับเรื่องความสวยงาม เช่น นักออกแบบตกแต่ง นักแสดง ดารา นักร้อง ศิลปิน หรือค้าเสื้อผ้า เครื่องสำอางเครื่องประดับ เป็นต้น
ที่มาบทความของ ศาสตร์พลังตัวเลข โดย อ.นิติกฤตย์ กิตติศรีวรนันท์.
.......................................................
เหรียญพระเจ้าตนหลวง รุ่นมงคลบารมีเจริญทรัพย์ วัดศรีโคมคำ อ.เมือง จ.พะเยา หนึ่งในเหรียญอุปถัมภ์ของหลวงปู่ครูบาจันทร์ โชติโก วัดน้ำแป้ง เกจิดังแห่งล้านนา
ปลุกเสก ในอุปถัมป์ของครูบาจันทร์วัดน้ำแป้ง 2 วาระด้วยกัน
1.มหาวิทยาลัยพะเยา งานพุทธาพิเษกวัตถุมงคล พระนเรศวรมหาราช
2.วัดศรีโคมคำ ต่อหน้าองค์พระเจ้าตนหลวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพะเยา
เกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสกคับคั่ง อาทิ
ครูบาจันทร์ โชติโก วัดน้ำแป้งวนาราม อ.ปง จ.พะเยา
ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง อ.บ้านธิ จ.ลำพูน
ครูบาบุญรอด ปุริตวัตโต วัดบุญยืน จ.พะเยา
ครูบาอินสม วัดปางน้ำฮ้าย
พุทธคุณเด่น : ด้านโชคลาภ เงินทอง ค้าขายดี ธุระกิจรุ่งเรือง การงานก้าวหน้า ขอพร...สิ่งใดจะสำเร็จดังใจปราถนา
................................................
พระเจ้าตนหลวง วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2034 ตรงกับรัชสมัยของพญายอดเชียงราย กษัตริย์ล้านนาแห่งราชวงศ์มังราย และสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ พระมหากษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าตนหลวงเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ปางมารวิชัย ศิลปะสกุลช่างเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในดินแดนล้านนา
พระเจ้าตนหลวงเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพะเยา เดิมชื่อ พระเจ้าตนหลวงทุ่งเอี้ยงเมืองพะเยา เนื่องจากสร้างขึ้นบริเวณริมหนองเอี้ยง ต่อมาในปี พ.ศ. 2482 กรมประมงได้มีการก่อสร้างประตูกั้นน้ำ ทำให้น้ำแม่อิงและลำห้วยต่าง ๆ เอ่อล้นท่วมหนองเอี้ยงเป็นบริเวณกว้าง จนเกิดเป็นบึงขนาดใหญ่ ซึ่งภายหลังเรียกว่ากว๊านพะเยา ทำให้พระเจ้าตนหลวงประดิษฐานอยู่ริมกว๊านพะเยามาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อพระพุทธเจ้าได้เสด็จเดินทางออกโปรดสัตว์ในดินแดนสุวรรณภูมิตามตำนานพระเจ้าเลียบโลก ได้เสด็จมาเมืองพะเยา ขณะนั้นมียักษ์ตนหนึ่งไม่ได้กินอะไรมา 7 วัน เห็นพระพุทธเจ้าจึงไล่เลยไปจนเหนื่อย พระพุทธเจ้าจึงประทับรอยพระบาทบนแผ่นหิน ยักษ์คิดในใจว่าชายผู้นี้มีแรงมากแท้ สามารถเหยียบหินให้มีรอยเท้าได้ พระพุทธเจ้าจึงโปรดและให้ยักษ์รับศีลห้าไว้ และตรัสกับพระอานนท์ว่า ยักษ์วิ่งไล่เลย ภายหลังโจรจะมาอยู่ที่นี่และเรียกว่าเวียงเลย และได้พบกับตายายสองผัวเมีย ตายายสองผัวเมียไม่มีข้าวจึงถวายพลูและครกหินตำหมากพลู พระพุทธเจ้าจึงตรัสกับพระอานนท์ว่า ตายายสองผัวเมียได้ถวายพลูและครกหินตำหมากพลู ภายหน้าที่นี่จะเรียกว่าพลูปอ และเมืองนี้จะมีหินมากนัก พระพุทธเจ้าได้เสด็จขึ้นสู่จอมดอยและได้พบกับนายช่างทอง นายช่างทองได้ถวายข้าวปลาอาหารแด่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าฉันเสร็จแล้วได้ลูบพระเศียรประทานพระเกศาให้แก่นายช่างทอง นายช่างทองรับใส่กระบอกไม้รวก ภายหลังคือพระธาตุจอมทอง (ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา) พระพุทธเจ้าทรงกระหายน้ำ รับสั่งให้พระอานนท์ไปตักน้ำตรงหนองตีนดอยมาถวาย พระอานนท์จะตักน้ำแต่พญานาคชื่อธุมมสิกขีขัดขวางและเนรมิตหงอนให้เป็นควันปิดหนองไว้ พระพุทธเจ้าจึงเสด็จไปประทับยืนข้างหนองน้ำ พญานาคจะพ่นควันแผ่พังพอนใส่ แต่ก็เห็นพระวรกายของพระพุทธเจ้าเต็มไปด้วยฉัพพรรณรังสี จึงทูลถามว่าเป็นใคร พระพุทธเจ้าได้แนะนำตัวและแสดงอภินิหารเนรมิตพระวรกายให้ใหญ่เท่ากับพระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า ประทับนั่ง พระวรกายสูง32ศอก และเหยียบพญานาคธุมมสิขีจมลงไปในหนอง พญานาคธุมมสิกขีจึงรีบไปนำก้อนหินที่พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้าเคยประทับนั่งฉันภัตตาหาร มาให้พระพุทธเจ้าประทับนั่งฉันน้ำ พระพุทธเจ้ามีพุทธทำนายว่า ภายหลัง ตายายสองผัวเมียที่ถวายหมากพลูจะได้สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่เท่าพระกกุสันธพุทธเจ้าและสั่งให้พญานาคธุมมสิกขีนำคำ (ภาษาเหนือเรียกทองคำว่า คำ) มามอบให้ตายายสองผัวเมีย
ภายหลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้ว พญายอดเชียงรายเป็นกษัตริย์เมืองเชียงใหม่ พระเมืองยี่เป็นเจ้าเมืองพะเยา ตายายสองผัวเมียที่เคยถวายหมากพลูได้มาเกิดเป็น ตายายสองผัวเมีย ทำอาชีพเลี้ยงเป็ดเลี้ยงห่านขาย พญานาคธุมมสิกขีจึงเนรมิตกายเป็นชายนุ่งขาวห่มขาวนำคำ 420,500 บาท มามอบและบอกให้ตายายสองผัวเมียสร้างสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่เท่าพระกกุสันธพุทธเจ้า และเนรมิตกายตนให้เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่เท่ากับพระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า ประทับนั่ง พระวรกายสูง 32 ศอก และหนีหายไป พ.ศ. ๒๐๓๔ ตายายสองผัวเมียจึงเริ่มถมสระหนองเอี้ยงและทำการปั้นอิฐ ใช้เวลาถึง ๓๓ ปีจึงทำการปั้นองค์พระ ทาปูน ทารัก ปิดทอง สำเร็จใน พ.ศ. ๒๐๖๗ ในรัชสมัยพญาแก้วเป็นกษัตริย์เมืองเชียงใหม่ พระเมืองตู้เป็นเจ้าเมืองพะเยา พญาแก้วมีศรัทธาสร้างพระวิหารหลวงครอบพระเจ้าตนหลวง กำหนดเขตแดนของวัด และพญาแก้ว พระเมืองตู้ ได้กัลปนาถวายข้าพระ 20 ครัวเรือน ให้เป็นข้าพระเจ้าตนหลวง ตั้งชื่อวัดว่า วัดศรีโคมคำ (เพราะเมื่อแรกสร้างพระเจ้าตนหลวง ตายายสองผัวเมียได้นำทองคำไปผูกกับปลายไม้แล้วปักลงกลางหนองเอี้ยง และประกาศให้คนนำดินมาปาทั้งกลางวันกลางคืน จนดินเต็มหนอง ตอนกลางคืนก็จุด "ผางกม"(ผางประทีบ) เพื่อให้คนได้เห็นคำ จนเป็นที่มาของคำว่า "กมคำ" (จุดกมขว้างคำ)และเป็น สะหรีกมคำ-เพี้ยนเป็น ศรีโคมคำ และ วัดศรีโคมคำในที่สุด)
จังหวัดพะเยาจัดงานนมัสการพระเจ้าตนหลวงขึ้นทุกปี ในเดือนหก หรือเดือนพฤษภาคม ช่วงสัปดาห์วิสาขบูชา เรียกว่าเทศกาลแปดเป็ง แปดเป็งหมายถึงคืนวันเพ็ญในเดือนแปด (นับตามปฏิทินจันทรคติแบบล้านนา) ตรงกับเดือนพฤษภาคม แปดเป็งมีความสำคัญ เกี่ยวเนื่องกับพระเจ้าตนหลวง 5 ประการ ได้แก่
เป็นวันที่เริ่มโยนหินก้อนแรกลงถมหนองเอี้ยง (กว๊านพะเยาในปัจจุบัน) เพื่อปรับปรุงพื้นที่ใช้สำหรับก่อปูนขึ้นเป็นองค์พระ
เป็นวันเริ่มก่อสร้างองค์พระเจ้าตนหลวง
เป็นวันที่สร้างองค์พระเสร็จสมบูรณ์
เป็นวันเฉลิมฉลององค์พระครั้งแรก
เป็นประเพณีที่ชาวบ้านถือปฏิบัติเป็นประจำทุกปี ในช่วงวันวิสาขบูชาหรือวันแปดเป็ง
เทศกาลแปดเป็ง จัดขึ้นภายในวัดศรีโคมคำ ช่วงกลางวันมีการทำบุญฉลององค์พระเจ้าตนหลวง พระประธานในวิหาร ช่วงกลางคืนมีการออกร้านขายของและมหรสพต่าง ๆ นอกจากงานเทศกาลแปดเป็งภายในวัดศรีโคมคำแล้ว สัปดาห์วันวิสาขบูชาของจังหวัดพะเยา นอกจากทางวัดศรีโคมคำจะมีงานนมัสการพระเจ้าตนหลวงในช่วงดังกล่าวแล้ว วัดติโลกอาราม ซึ่งเป็นวัดที่จมอยู่ใต้กว๊านพะเยา ยังมีพิธีเวียนเทียนกลางน้ำในช่วงวันวิสาขบูชา ถือเป็นงานเทศกาลที่จัดขึ้นใกล้กัน นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามของวัดศรีโคมคำ พระเจ้าตนหลวง กว๊านพะเยาและพิธีเวียนเทียนกลางน้ำของวัดติโลกอารามได้ในช่วงเวลาเดียวกัน
.......................................................
ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย
จากข้อมูลในหนังสือ สารประวัติครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ของ สิงฆะ วรรณสัย ได้ระบุข้อมูลชีวิตชั้นต้นของ ครูบาเจ้าศรีวิชัย ไว้ว่า ท่านเกิดในปีขาล เดือน 9 เหนือ หรือเดือน 7 ของภาคกลาง ตรงกับวันขึ้น 11 ค่ำ จ.ศ. 1240 เวลาพลบค่ำ ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2421 ที่บ้านปาง ตำบลแม่ตืน ในปัจจุบันคือ ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
ท่านเป็นบุตรของนายควาย และนางอุสา มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน บ้านเกิดของพวกเขาคือ บ้านสันป่ายางหลวง ทางด้านเหนือของตัวเมืองลำพูน ในวันที่นางอุสาเจ็บท้องจะคลอดลูก พระอาทิตย์ได้คล้อยต่ำลงไปเกือบจะ 6 โมงเย็น นายควายและญาติพี่น้องพร้อมด้วยหมอตำแย ได้ดูแลการคลอดของนางอุสาอย่างเต็มที่ และในขณะนั้นท้องฟ้าอากาศที่สว่างไสวกลับมืดครึ้ม เกิดพายุแรงพัดกระหน่ำสายฝนตกลงมาอย่างหนักและมีเสียงฟ้าร้อง
จนกระทั่งในที่สุด นางอุสาก็ได้คลอดทารกน้อยออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้และเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งเมื่อเสียงฝนและพายุก็หยุดสงบลง ทำให้ครอบครัวของนายควายได้ตั้งชื่อเด็กน้อยที่เกิดขึ้นมาว่า ‘เด็กชายอินท์เฟือน’ ตามภาษาล้านนาแปลว่ากระเทือนหรือกัมปนาท
เมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มน้อยอายุ 17 ปี นายเฟือนได้เข้าสู่เส้นทางธรรม บวชเป็นเณรที่วัดบ้านปาง ร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ กับครูบาขัตติยะ เมื่อสามเณรอินตาเฟือนมีอายุย่าง 21 ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นพระที่วัดบ้านโฮ่งหลวง จังหวัดลำพูน ได้รับฉายานามว่า “สิริวิชโยภิกขุ” หรือ “พระศรีวิชัย”
พระศรีวิชัย เป็นที่ร่ำลือกันว่า ท่านเป็นผู้มีศรีลาจารวัตรที่งดงามและเคร่งครัด อาทิ ท่านงดการเสพหมาก เมี่ยง บุหรี่ นอกจากนี้ยังงดฉันเนื้อสัตว์ ตั้งแต่เมื่ออายุ 26 ปี และฉันอาหารเพียงมื้อเดียว ซึ่งมักจะเป็นผักต้มใส่กับเกลือและพริกไทย
ด้วยจริยวัตรอันเคร่งครัดของท่าน ทำให้เกิดแรงศรัทธาแก่เหล่าพุทธศาสนิกชน กระทั่งรวบรวมเหล่าพุทธศาสนิกชนทำการสร้างทางเดินขึ้นดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ได้เป็นผลสำเร็จ โดยเริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 และสร้างเสร็จเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2478
นอกจากที่ท่านจะสร้างทางขึ้นดอยสุเทพแล้ว ท่านยังได้จัดการสังคายนาพระไตรปิฎกฉบับลานนาไทย รวมทั้งการสร้าง และบูรณวัดต่าง ๆ หลายวัด ท่านเป็นผู้ทรงศีล จนได้รับขนานนามว่า “พระครูบาศีลธรรมเจ้า”
พระศรีวิชัย ให้ความสนใจในวิชาอาคม และยึดถือเป็นของวิเศษ นำพาความเจริญสู่ชีวิตมาให้ และว่ากันว่า ด้วยความเลื่อมใสในวิชาอาคม พระศรีวิชัยมีความคิดที่จะลาสิกขา รวมทั้งท่านยังได้สักขาหมึกดำทั้ง 2 ข้างตามความนิยมของชายล้านนาสมัยนั้น
ในเวลานั้นครูบาขัตติยะมรณภาพลง พระศรีวิชัยจึงได้ทำบุญฌาปนกิจพระอาจารย์ หลังจากนั้นด้วยท่านเป็นพระที่มีพรรษามากที่สุดในขณะนั้น ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัด จากนั้นจึงทำการย้ายวัดจากที่ตั้งเดิมขึ้นไปอยู่บนเขา และให้ชื่อว่า “วัดศรีดอนชัยทรายมูลบุญเรือง”
ชื่อเสียงของครูบาเจ้าศรีวิชัยทำให้พระสังฆาธิการในจังหวัดลำพูนบางรูปนำโดยเจ้าคณะจังหวัดลำพูนตั้งอธิกรณ์กล่าวหาว่าท่าน 8 ข้อ อาทิ ทำตัวเป็น “ผีบุญ” อวดอิทธิฤทธิ์ ซ่องสุมกำลังผู้คน คิดขบถต่อบ้านเมือง และนำท่านไปจำไว้ที่ลำพูนและวัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ จากนั้นจึงได้ส่งตัวท่านไปไต่สวนที่กรุงเทพฯ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงทรงตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องพระศรีวิชัย ประกอบด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ พระญาณวราภรณ์ (ม.ร.ว.ชื่น สุจิตฺโต) และพระธรรมไตรโลกาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) ได้ถวายรายงานมีความเห็นว่า ข้อ 1-5 ซึ่งเกี่ยวกับการไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง พระศรีวิชัยรับสารภาพและได้รับโทษแล้ว ข้อที่เหลือซึ่งเกี่ยวกับการอ้างคุณวิเศษ พระศรีวิชัยไม่มีความผิด เพราะประชาชนเล่าลือไปเอง และเจ้าคณะลงโทษเกินไป ควรปล่อยพระศรีวิชัยกลับภูมิลำเนา สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณโรรสทรงเห็นชอบ
ครูบาศรีวิชัย มรณภาพเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน สิริอายุได้ 60 ปี ตั้งศพไว้ที่วัดบ้านปาง เป็นเวลา 1 ปี จึงได้เคลื่อนศพมาตั้งไว้ ณ วัดจามเทวี อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน จนกระทั่งวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2489 จึงได้รับพระราชทานเพลิงศพ โดยมีประชาชนมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพจำนวนมาก และประชาชนเหล่านั้นได้เข้าแย่งชิงอัฏฐิธาตุของครูบาศรีวิชัย ตั้งแต่ไฟยังไม่มอดสนิท แม้แต่แผ่นดินตรงที่ถวายพระเพลิง ก็ยังมีผู้ขุดเอาไปสักการบูชา อัฏฐิธาตุของท่านที่เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมได้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 7 ส่วน แบ่งไปบรรจุตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วแผ่นดินล้านนา ดังนี้
ส่วนที่ 1 บรรจุที่ วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน
ส่วนที่ 2 บรรจุที่ วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่
ส่วนที่ 3 บรรจุที่ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม จังหวัดลำปาง
ส่วนที่ 4 บรรจุที่ วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา
ส่วนที่ 5 บรรจุที่ วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่
ส่วนที่ 6 บรรจุที่ วัดน้ำฮู จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ส่วนที่ 7 บรรจุที่ วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ณ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวภายหลังการร่วมคณะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ร่วมรับฟังข้อเสนอการสนับสนุนแผนแม่บทโครงการเสนอชื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นบุคคลสำคัญของโลก
รวมถึงติดตามการดำเนินงานในจังหวัดเชียงใหม่ ว่ากระทรวงศึกษาธิการ มีบทบาทหลักในการสนับสนุนการดำเนินงานขับเคลื่อนการเสนอชื่อ ครูบาเจ้าวิชัย ให้ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพในวาระครบรอบ 150 ปี ชาตกาล ครูบาเจ้าศรีวิชัย ในพ.ศ.2571 ต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก
คาถาบูชา ครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนา
อะยัง วุจจะติ สิริวิชะโย นามะ มหาเถโร อุตตะมะสีโล นะระเทเวหิ ปูชิโต โส ระโห ปัจจะยาทีนัง มะหะลาภา ภะวันตุ เม อะหัง วันทามิ สัพพะทา อะหัง วันทามิ สิระสา อะหัง วันทามิ สัพพะโส สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
เหรียญพระเจ้าตนหลวง หลังครูบาศรีวิชัย รุ่นมงคลบารมีเจริญทรัพย์ วัดศรีโคมคำ อ.เมือง จ.พะเยา ปี 2561 เนื้อทองแดงรุ้ง เลข 2669
 
เหรียญพระเจ้าตนหลวง"รุ่นมงคลบารมีเจริญทรัพย์" ด้านหลังเป็นครูบาศรีวิไชย ตนบุญแห่งลานนา
พระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปศักคิ์สิทธิ์ ศิลปเชียงแสน คู่บ้านคู่เมือง จ.พะเยา
 
เหรียญรุ่นนี้ออกแบบได้อย่างงดงามและลงตัวที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้านหน้าเป็นพระเจ้าตนหลวงบนดอกบัวมีพญานาคอยู่ด้านข้าง (ตามตำนานการสร้างพระเจ้าตนหลวง) ด้านหลังเป็นครูบาศรีวิไชย ตนบุญแห่งล้านนา เป็นเหรียญปั๊มที่มีความลึก มีมิติเด่นชัด จัดทำยาก และต้นทุนสูง
 
รับประกันของแท้ ถ่ายจากองค์จริง ตรงตามรูป
 
เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เกิดปีมะโรง ปีมะเส็ง หรือคนเกิดปีที่เกื้อหนุนกันกับปีมะโรง เช่น คนเกิดปีฉลู ปีระกา ปีชวด ปีวอก เพื่อหนุนดวง เสริมบารมี โชคลาภ เมตตา ค้าขาย แคล้วคลาดจากภัยอันตลาดทั้งปวง หรือคนที่ต้องการเสริมดวงแก้ปีชง ในปีมะโรง ตามความเชื่อ หรือคนที่เกิดวันเสาร์ ควรจะมีพระนาคปรกไว้บูชาเนื่องจากเป็นพระประจำวันเกิด
 
............................................................
เหรียญพระเจ้าตนหลวง หลังครูบาศรีวิชัย รุ่นมงคลบารมีเจริญทรัพย์ ปี 2561 หมายเลขมงคล 2669

ความหมายเลขมงคล
เลข 26 หมายเลขคู่นี้ มีเสน่ห์ทางคำพูด วาจาเป็นทรัพย์ ผู้คนมักติดใจในคำพูด มักมีคนมาขอคำปรึกษาบ่อยๆ ปลอบใจเก่ง ใครได้พูดคุยด้วยมักเกิดความสบายใจ สามารถเข้าถึงจิตใจของผู้อื่น จึงเปรียบเหมือนศาลาพักใจของคนทั้งหลาย ทำให้คนรอบข้างหลงใหลอยากใกล้ชิด รสนิยมสูง ติดใช้ของดีมีระดับ ทำให้สิ้นเปลืองไปบ้าง แต่ก็หาเงินเก่ง ซึ่งสามารถหาได้หลายทาง และส่วนใหญ่รายได้มักเกิดจากคำพูด เลขคู่นี้ได้ดีเพราะปาก และด้วยความที่เสน่ห์อยู่ที่ปาก คำพูดจึงเป็นอาวุธสำคัญของผู้ครอบครองเลขนี้

เลข 66 หมายเลขคู่นี้ ส่งเสริมด้านความอ่อนหวาน น่ารัก มองโลกในแง่ดี อารมณ์สุนทรีย์ รสนิยมดี รักสวยรักงาม เข้าใจศิลปะ ขี้สงสาร อารมณ์ดี ร่าเริง เหมือนคนที่ไม่มีทุกข์ ถนัดสร้างสีสันให้คนรอบตัวมีความสุข เจ้าสำราญ เลขคู่นี้มีเสน่ห์มากจึงดึงดูดเพศตรงข้ามเข้ามามากมาย ทำให้ต้องระวังวุ่นวายเรื่องรักๆใคร่ๆ เพราะจะมีรักซ้อน ประเภทกิ๊ก หรือมือที่สาม เกิดขึ้นได้ง่าย ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ มีโชคลาภและทรัพย์เข้ามาเรื่อยๆ ไม่ขาด หาเก่ง ใช้คล่อง มักมือเติบใช้จ่ายมาก ตามใจตัวเองจนเคยตัว ขาดการควบคุม แนะนำว่าสนุกให้น้อยลง แล้วจริงจังให้มากหน่อยก็น่าจะดีไม่น้อย ชีวิตนี้จะได้ยิ่งสมบูรณ์แบบ

เลข 69 หมายเลขคู่นี้ จะเป็นคนฝักใฝ่ทางศิลปะ มีอารมณ์สุนทรียภาพสูง รสนิยมดี แต่งตัวเก่ง เจ้าบทเจ้ากลอน พูดจาอ่อนหวาน เอาใจเก่ง โอบอ้อมอารี รักเพื่อนฝูง มีเสน่ห์ ชอบเพ้อฝัน สร้างจินตนาการ เลขชุดนี้ส่งผลให้ทั้งการเงินและความรักไหลเข้าไหลออก เพราะเงินทองหาง่าย หมุนคล่อง แต่ไม่รู้จักออม ข้อดีของเลขนี้มีอีกอย่างหนึ่ง คือ มักมีเงินเข้ามาแบบเหลือเชื่อ (มีใช้ตลอด) ส่วนความรัก จะรักง่าย หลงง่าย ไม่นานก็เบื่อ เอาแน่ไม่ได้อีก เหมาะจะประกอบอาชีพเกี่ยวกับเรื่องความสวยงาม เช่น นักออกแบบตกแต่ง นักแสดง ดารา นักร้อง ศิลปิน หรือค้าเสื้อผ้า เครื่องสำอางเครื่องประดับ เป็นต้น
ที่มาบทความของ ศาสตร์พลังตัวเลข โดย อ.นิติกฤตย์ กิตติศรีวรนันท์. 
.......................................................
เหรียญพระเจ้าตนหลวง รุ่นมงคลบารมีเจริญทรัพย์ วัดศรีโคมคำ อ.เมือง จ.พะเยา หนึ่งในเหรียญอุปถัมภ์ของหลวงปู่ครูบาจันทร์ โชติโก วัดน้ำแป้ง เกจิดังแห่งล้านนา
ปลุกเสก ในอุปถัมป์ของครูบาจันทร์วัดน้ำแป้ง 2 วาระด้วยกัน
1.มหาวิทยาลัยพะเยา งานพุทธาพิเษกวัตถุมงคล พระนเรศวรมหาราช
2.วัดศรีโคมคำ ต่อหน้าองค์พระเจ้าตนหลวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพะเยา
 
เกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสกคับคั่ง อาทิ
ครูบาจันทร์ โชติโก วัดน้ำแป้งวนาราม อ.ปง จ.พะเยา
ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง อ.บ้านธิ จ.ลำพูน
ครูบาบุญรอด ปุริตวัตโต วัดบุญยืน จ.พะเยา
ครูบาอินสม วัดปางน้ำฮ้าย
 
พุทธคุณเด่น : ด้านโชคลาภ เงินทอง ค้าขายดี ธุระกิจรุ่งเรือง การงานก้าวหน้า ขอพร...สิ่งใดจะสำเร็จดังใจปราถนา
 
................................................
 
พระเจ้าตนหลวง วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา
 
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2034 ตรงกับรัชสมัยของพญายอดเชียงราย กษัตริย์ล้านนาแห่งราชวงศ์มังราย และสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แห่งราชวงศ์สุพรรณภูมิ พระมหากษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าตนหลวงเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ปางมารวิชัย ศิลปะสกุลช่างเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในดินแดนล้านนา
 
พระเจ้าตนหลวงเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพะเยา เดิมชื่อ พระเจ้าตนหลวงทุ่งเอี้ยงเมืองพะเยา เนื่องจากสร้างขึ้นบริเวณริมหนองเอี้ยง ต่อมาในปี พ.ศ. 2482 กรมประมงได้มีการก่อสร้างประตูกั้นน้ำ ทำให้น้ำแม่อิงและลำห้วยต่าง ๆ เอ่อล้นท่วมหนองเอี้ยงเป็นบริเวณกว้าง จนเกิดเป็นบึงขนาดใหญ่ ซึ่งภายหลังเรียกว่ากว๊านพะเยา ทำให้พระเจ้าตนหลวงประดิษฐานอยู่ริมกว๊านพะเยามาจนถึงทุกวันนี้
 
เมื่อพระพุทธเจ้าได้เสด็จเดินทางออกโปรดสัตว์ในดินแดนสุวรรณภูมิตามตำนานพระเจ้าเลียบโลก ได้เสด็จมาเมืองพะเยา ขณะนั้นมียักษ์ตนหนึ่งไม่ได้กินอะไรมา 7 วัน เห็นพระพุทธเจ้าจึงไล่เลยไปจนเหนื่อย พระพุทธเจ้าจึงประทับรอยพระบาทบนแผ่นหิน ยักษ์คิดในใจว่าชายผู้นี้มีแรงมากแท้ สามารถเหยียบหินให้มีรอยเท้าได้ พระพุทธเจ้าจึงโปรดและให้ยักษ์รับศีลห้าไว้ และตรัสกับพระอานนท์ว่า ยักษ์วิ่งไล่เลย ภายหลังโจรจะมาอยู่ที่นี่และเรียกว่าเวียงเลย และได้พบกับตายายสองผัวเมีย ตายายสองผัวเมียไม่มีข้าวจึงถวายพลูและครกหินตำหมากพลู พระพุทธเจ้าจึงตรัสกับพระอานนท์ว่า ตายายสองผัวเมียได้ถวายพลูและครกหินตำหมากพลู ภายหน้าที่นี่จะเรียกว่าพลูปอ และเมืองนี้จะมีหินมากนัก พระพุทธเจ้าได้เสด็จขึ้นสู่จอมดอยและได้พบกับนายช่างทอง นายช่างทองได้ถวายข้าวปลาอาหารแด่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าฉันเสร็จแล้วได้ลูบพระเศียรประทานพระเกศาให้แก่นายช่างทอง นายช่างทองรับใส่กระบอกไม้รวก ภายหลังคือพระธาตุจอมทอง (ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา) พระพุทธเจ้าทรงกระหายน้ำ รับสั่งให้พระอานนท์ไปตักน้ำตรงหนองตีนดอยมาถวาย พระอานนท์จะตักน้ำแต่พญานาคชื่อธุมมสิกขีขัดขวางและเนรมิตหงอนให้เป็นควันปิดหนองไว้ พระพุทธเจ้าจึงเสด็จไปประทับยืนข้างหนองน้ำ พญานาคจะพ่นควันแผ่พังพอนใส่ แต่ก็เห็นพระวรกายของพระพุทธเจ้าเต็มไปด้วยฉัพพรรณรังสี จึงทูลถามว่าเป็นใคร พระพุทธเจ้าได้แนะนำตัวและแสดงอภินิหารเนรมิตพระวรกายให้ใหญ่เท่ากับพระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า ประทับนั่ง พระวรกายสูง32ศอก และเหยียบพญานาคธุมมสิขีจมลงไปในหนอง พญานาคธุมมสิกขีจึงรีบไปนำก้อนหินที่พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้าเคยประทับนั่งฉันภัตตาหาร มาให้พระพุทธเจ้าประทับนั่งฉันน้ำ พระพุทธเจ้ามีพุทธทำนายว่า ภายหลัง ตายายสองผัวเมียที่ถวายหมากพลูจะได้สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่เท่าพระกกุสันธพุทธเจ้าและสั่งให้พญานาคธุมมสิกขีนำคำ (ภาษาเหนือเรียกทองคำว่า คำ) มามอบให้ตายายสองผัวเมีย
 
ภายหลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้ว พญายอดเชียงรายเป็นกษัตริย์เมืองเชียงใหม่ พระเมืองยี่เป็นเจ้าเมืองพะเยา ตายายสองผัวเมียที่เคยถวายหมากพลูได้มาเกิดเป็น ตายายสองผัวเมีย ทำอาชีพเลี้ยงเป็ดเลี้ยงห่านขาย พญานาคธุมมสิกขีจึงเนรมิตกายเป็นชายนุ่งขาวห่มขาวนำคำ 420,500 บาท มามอบและบอกให้ตายายสองผัวเมียสร้างสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่เท่าพระกกุสันธพุทธเจ้า และเนรมิตกายตนให้เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่เท่ากับพระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า ประทับนั่ง พระวรกายสูง 32 ศอก และหนีหายไป พ.ศ. ๒๐๓๔ ตายายสองผัวเมียจึงเริ่มถมสระหนองเอี้ยงและทำการปั้นอิฐ ใช้เวลาถึง ๓๓ ปีจึงทำการปั้นองค์พระ ทาปูน ทารัก ปิดทอง สำเร็จใน พ.ศ. ๒๐๖๗ ในรัชสมัยพญาแก้วเป็นกษัตริย์เมืองเชียงใหม่ พระเมืองตู้เป็นเจ้าเมืองพะเยา พญาแก้วมีศรัทธาสร้างพระวิหารหลวงครอบพระเจ้าตนหลวง กำหนดเขตแดนของวัด และพญาแก้ว พระเมืองตู้ ได้กัลปนาถวายข้าพระ 20 ครัวเรือน ให้เป็นข้าพระเจ้าตนหลวง ตั้งชื่อวัดว่า วัดศรีโคมคำ (เพราะเมื่อแรกสร้างพระเจ้าตนหลวง ตายายสองผัวเมียได้นำทองคำไปผูกกับปลายไม้แล้วปักลงกลางหนองเอี้ยง และประกาศให้คนนำดินมาปาทั้งกลางวันกลางคืน จนดินเต็มหนอง ตอนกลางคืนก็จุด "ผางกม"(ผางประทีบ) เพื่อให้คนได้เห็นคำ จนเป็นที่มาของคำว่า "กมคำ" (จุดกมขว้างคำ)และเป็น สะหรีกมคำ-เพี้ยนเป็น ศรีโคมคำ และ วัดศรีโคมคำในที่สุด)
 
จังหวัดพะเยาจัดงานนมัสการพระเจ้าตนหลวงขึ้นทุกปี ในเดือนหก หรือเดือนพฤษภาคม ช่วงสัปดาห์วิสาขบูชา เรียกว่าเทศกาลแปดเป็ง แปดเป็งหมายถึงคืนวันเพ็ญในเดือนแปด (นับตามปฏิทินจันทรคติแบบล้านนา) ตรงกับเดือนพฤษภาคม แปดเป็งมีความสำคัญ เกี่ยวเนื่องกับพระเจ้าตนหลวง 5 ประการ ได้แก่
 
เป็นวันที่เริ่มโยนหินก้อนแรกลงถมหนองเอี้ยง (กว๊านพะเยาในปัจจุบัน) เพื่อปรับปรุงพื้นที่ใช้สำหรับก่อปูนขึ้นเป็นองค์พระ
เป็นวันเริ่มก่อสร้างองค์พระเจ้าตนหลวง
เป็นวันที่สร้างองค์พระเสร็จสมบูรณ์
เป็นวันเฉลิมฉลององค์พระครั้งแรก
เป็นประเพณีที่ชาวบ้านถือปฏิบัติเป็นประจำทุกปี ในช่วงวันวิสาขบูชาหรือวันแปดเป็ง
เทศกาลแปดเป็ง จัดขึ้นภายในวัดศรีโคมคำ ช่วงกลางวันมีการทำบุญฉลององค์พระเจ้าตนหลวง พระประธานในวิหาร ช่วงกลางคืนมีการออกร้านขายของและมหรสพต่าง ๆ นอกจากงานเทศกาลแปดเป็งภายในวัดศรีโคมคำแล้ว สัปดาห์วันวิสาขบูชาของจังหวัดพะเยา นอกจากทางวัดศรีโคมคำจะมีงานนมัสการพระเจ้าตนหลวงในช่วงดังกล่าวแล้ว วัดติโลกอาราม ซึ่งเป็นวัดที่จมอยู่ใต้กว๊านพะเยา ยังมีพิธีเวียนเทียนกลางน้ำในช่วงวันวิสาขบูชา ถือเป็นงานเทศกาลที่จัดขึ้นใกล้กัน นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามของวัดศรีโคมคำ พระเจ้าตนหลวง กว๊านพะเยาและพิธีเวียนเทียนกลางน้ำของวัดติโลกอารามได้ในช่วงเวลาเดียวกัน 
 
.......................................................
 
ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย
 
จากข้อมูลในหนังสือ สารประวัติครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ของ สิงฆะ วรรณสัย ได้ระบุข้อมูลชีวิตชั้นต้นของ ครูบาเจ้าศรีวิชัย ไว้ว่า ท่านเกิดในปีขาล เดือน 9 เหนือ หรือเดือน 7 ของภาคกลาง ตรงกับวันขึ้น 11 ค่ำ จ.ศ. 1240 เวลาพลบค่ำ ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2421 ที่บ้านปาง ตำบลแม่ตืน ในปัจจุบันคือ ตำบลศรีวิชัย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
 
ท่านเป็นบุตรของนายควาย และนางอุสา มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน บ้านเกิดของพวกเขาคือ บ้านสันป่ายางหลวง ทางด้านเหนือของตัวเมืองลำพูน ในวันที่นางอุสาเจ็บท้องจะคลอดลูก พระอาทิตย์ได้คล้อยต่ำลงไปเกือบจะ 6 โมงเย็น นายควายและญาติพี่น้องพร้อมด้วยหมอตำแย ได้ดูแลการคลอดของนางอุสาอย่างเต็มที่ และในขณะนั้นท้องฟ้าอากาศที่สว่างไสวกลับมืดครึ้ม เกิดพายุแรงพัดกระหน่ำสายฝนตกลงมาอย่างหนักและมีเสียงฟ้าร้อง
 
จนกระทั่งในที่สุด นางอุสาก็ได้คลอดทารกน้อยออกมาพร้อมกับเสียงร้องไห้และเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งเมื่อเสียงฝนและพายุก็หยุดสงบลง ทำให้ครอบครัวของนายควายได้ตั้งชื่อเด็กน้อยที่เกิดขึ้นมาว่า ‘เด็กชายอินท์เฟือน’ ตามภาษาล้านนาแปลว่ากระเทือนหรือกัมปนาท
 
เมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มน้อยอายุ 17 ปี นายเฟือนได้เข้าสู่เส้นทางธรรม บวชเป็นเณรที่วัดบ้านปาง ร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ กับครูบาขัตติยะ เมื่อสามเณรอินตาเฟือนมีอายุย่าง 21 ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นพระที่วัดบ้านโฮ่งหลวง จังหวัดลำพูน ได้รับฉายานามว่า “สิริวิชโยภิกขุ” หรือ “พระศรีวิชัย”
 
พระศรีวิชัย เป็นที่ร่ำลือกันว่า ท่านเป็นผู้มีศรีลาจารวัตรที่งดงามและเคร่งครัด อาทิ ท่านงดการเสพหมาก เมี่ยง บุหรี่ นอกจากนี้ยังงดฉันเนื้อสัตว์ ตั้งแต่เมื่ออายุ 26 ปี และฉันอาหารเพียงมื้อเดียว ซึ่งมักจะเป็นผักต้มใส่กับเกลือและพริกไทย
 
ด้วยจริยวัตรอันเคร่งครัดของท่าน ทำให้เกิดแรงศรัทธาแก่เหล่าพุทธศาสนิกชน กระทั่งรวบรวมเหล่าพุทธศาสนิกชนทำการสร้างทางเดินขึ้นดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ได้เป็นผลสำเร็จ โดยเริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 และสร้างเสร็จเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2478
 
นอกจากที่ท่านจะสร้างทางขึ้นดอยสุเทพแล้ว ท่านยังได้จัดการสังคายนาพระไตรปิฎกฉบับลานนาไทย รวมทั้งการสร้าง และบูรณวัดต่าง ๆ หลายวัด ท่านเป็นผู้ทรงศีล จนได้รับขนานนามว่า “พระครูบาศีลธรรมเจ้า”
 
พระศรีวิชัย ให้ความสนใจในวิชาอาคม และยึดถือเป็นของวิเศษ นำพาความเจริญสู่ชีวิตมาให้ และว่ากันว่า ด้วยความเลื่อมใสในวิชาอาคม พระศรีวิชัยมีความคิดที่จะลาสิกขา รวมทั้งท่านยังได้สักขาหมึกดำทั้ง 2 ข้างตามความนิยมของชายล้านนาสมัยนั้น
 
ในเวลานั้นครูบาขัตติยะมรณภาพลง พระศรีวิชัยจึงได้ทำบุญฌาปนกิจพระอาจารย์ หลังจากนั้นด้วยท่านเป็นพระที่มีพรรษามากที่สุดในขณะนั้น ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัด จากนั้นจึงทำการย้ายวัดจากที่ตั้งเดิมขึ้นไปอยู่บนเขา และให้ชื่อว่า “วัดศรีดอนชัยทรายมูลบุญเรือง”
 
ชื่อเสียงของครูบาเจ้าศรีวิชัยทำให้พระสังฆาธิการในจังหวัดลำพูนบางรูปนำโดยเจ้าคณะจังหวัดลำพูนตั้งอธิกรณ์กล่าวหาว่าท่าน 8 ข้อ อาทิ ทำตัวเป็น “ผีบุญ” อวดอิทธิฤทธิ์ ซ่องสุมกำลังผู้คน คิดขบถต่อบ้านเมือง และนำท่านไปจำไว้ที่ลำพูนและวัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ จากนั้นจึงได้ส่งตัวท่านไปไต่สวนที่กรุงเทพฯ
 
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงทรงตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องพระศรีวิชัย ประกอบด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ พระญาณวราภรณ์ (ม.ร.ว.ชื่น สุจิตฺโต) และพระธรรมไตรโลกาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) ได้ถวายรายงานมีความเห็นว่า ข้อ 1-5 ซึ่งเกี่ยวกับการไม่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง พระศรีวิชัยรับสารภาพและได้รับโทษแล้ว ข้อที่เหลือซึ่งเกี่ยวกับการอ้างคุณวิเศษ พระศรีวิชัยไม่มีความผิด เพราะประชาชนเล่าลือไปเอง และเจ้าคณะลงโทษเกินไป ควรปล่อยพระศรีวิชัยกลับภูมิลำเนา สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณโรรสทรงเห็นชอบ
 
ครูบาศรีวิชัย มรณภาพเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481 ที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน สิริอายุได้ 60 ปี ตั้งศพไว้ที่วัดบ้านปาง เป็นเวลา 1 ปี จึงได้เคลื่อนศพมาตั้งไว้ ณ วัดจามเทวี อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน จนกระทั่งวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2489 จึงได้รับพระราชทานเพลิงศพ โดยมีประชาชนมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพจำนวนมาก และประชาชนเหล่านั้นได้เข้าแย่งชิงอัฏฐิธาตุของครูบาศรีวิชัย ตั้งแต่ไฟยังไม่มอดสนิท แม้แต่แผ่นดินตรงที่ถวายพระเพลิง ก็ยังมีผู้ขุดเอาไปสักการบูชา อัฏฐิธาตุของท่านที่เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมได้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 7 ส่วน แบ่งไปบรรจุตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วแผ่นดินล้านนา ดังนี้
 
ส่วนที่ 1 บรรจุที่ วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน
ส่วนที่ 2 บรรจุที่ วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่
ส่วนที่ 3 บรรจุที่ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม จังหวัดลำปาง
ส่วนที่ 4 บรรจุที่ วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา
ส่วนที่ 5 บรรจุที่ วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่
ส่วนที่ 6 บรรจุที่ วัดน้ำฮู จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ส่วนที่ 7 บรรจุที่ วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
 
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ณ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวภายหลังการร่วมคณะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ร่วมรับฟังข้อเสนอการสนับสนุนแผนแม่บทโครงการเสนอชื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นบุคคลสำคัญของโลก
 
รวมถึงติดตามการดำเนินงานในจังหวัดเชียงใหม่ ว่ากระทรวงศึกษาธิการ มีบทบาทหลักในการสนับสนุนการดำเนินงานขับเคลื่อนการเสนอชื่อ ครูบาเจ้าวิชัย ให้ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพในวาระครบรอบ 150 ปี ชาตกาล ครูบาเจ้าศรีวิชัย ในพ.ศ.2571 ต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก
 
คาถาบูชา ครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนา
 
อะยัง วุจจะติ สิริวิชะโย นามะ มหาเถโร อุตตะมะสีโล นะระเทเวหิ ปูชิโต โส ระโห ปัจจะยาทีนัง มะหะลาภา ภะวันตุ เม อะหัง วันทามิ สัพพะทา อะหัง วันทามิ สิระสา อะหัง วันทามิ สัพพะโส สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาหน้าโรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านธัญทิพย์ อมูเลท
ธัญทิพย์ อมูเลท
บริการให้เช่า พระเครื่อง และเครื่องรางของมงคล ทั่วไทย
เบอร์โทร : 0629966394
อีเมล : thanyatip4289@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม