อยากให้พระขลังๆ ส่งพลังเต็มที่ เมื่อได้มาแล้ว ต้องจัด"ขันธ์ห้า" บอกกล่าวท่านก่อน!!
พระหรือวัตถุมงคลที่เราใส่ทำไมไม่ส่งผล เนื่องจากว่าเราไม่เคยบอกกล่าววัตถุมงคล ครูบาอาจารย์ และ เทวดาที่คอยดูแลวัตถุมงคล อย่างเป็นทางการเลย ได้มาก็เลี่ยมห้อยเลย บางทีได้มาจากศูนย์พระ เช่าพระ ก็เช่าต่อๆ กันมา จำเป็นต้องตั้งขันธ์5ขันธ์8 เพื่อเป็นการบูชาครู แบบง่ายๆ ทั้งพระเครื่อง พระเหรียญ พระผง ตะกรุด เครื่องราง
1. เทียนขาว 5
2. ธูป 5
3. ดอกมะลิ 1 พวง
4. เงิน24 บาท
5. ถาด1ใบ
6. วัตถุมงคล
7. ธูป 16 ดอก (จุดด้วย)
1. ให้นำเทียน5เล่มวางเรียงเป็นแพ (ไม่ต้องจุด)
2. ธูปวางเรียง (ไม่ต้องจุด)
3. นำดอกมะลิวาง
4. เงิน24 บาท
บอกกล่าวครูบาอาจารย์ต้นสาย ที่หลวงปู่ หลวงพ่อ ทั้งหลาย ที่ท่านได้สร้างวัตถุมงคลทั้งหลาย ได้อาราธนาคาถา อักขระ เลขยันต์ มา สร้างวัตถุมงคล ขอครูต้นสาย และที่สืบทอดวิชานี้มา ที่ล่วงลับไปแล้ว ลงมาประสิทธิ์ วัตถุมงคลทั้งหลายเหล่านี้
ข้าแต่หลวงปู่............. ข้าพเจ้าชื่อ....… นามสกุล............ วันเดือนปีเกิดเวลาตกฟาก...........,,, อาศัยอยู่บ้านเลขที่.................ที่อยู่.........
ลูกได้นำวัตถุมงคลของหลวงปู่มาบูชามาห้อยคอเพื่อ เป็นมิ่งขวัญ มิ่งมงคลในชีวิต ขอให้หลวงปู่ช่วยอุดหนุนค้ำชูดวงชะตา การงาน การเงินและส่งเสริมให้ลูกเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดปลอดภัย คิดเงินได้เงิน คิดทองได้ทอง ปราศจากโรคภัย อันตรายใดๆ ปัดเป่าคุณไสย เสนียดจัญไร ทุกข์โศกโรคภัย ด้วยเทอญ (หรือแล้วแต่ ว่าผู้สร้างเก่งด้านใด วัตถุมงคลนั้นดีด้านใด ก็ขอเดี่ยวๆ เช่น ขุนแผน ก็ขอให้นับแต่ นี้จะขอบูชาขุนแผนนี้ ขอให้มีเสน่ห์เมตตา ไปไหน คนก็เมตตา รักใคร่ )
พอธูปหมดดอก เอาพระมาใส่ได้เหมือนหลวงพ่อหลวงปู่มอบให้กับมือ อย่าลืมเอาเงิน24 บาทไปใส่ตู้บริจาคอะไรก็ได้ ถ้าเป็นบุญใหญ่ยิ่งดีแล้วอุทิศบุญให้หลวงปู่ด้วย
หลวงปู่ ครูบาอินถา วัดยั้งเมิน เคยเมตตาสอนลูกศิษย์ในการบูชาวัตถุมงคล เหมือนกันในการจัดขันธ์ 5 ว่าครูบาอาจารย์ ไม่ว่าท่านอยู่ที่ไหน ท่านก็จะมาให้
ผู้นำไปใช้จะต้องปฏิบัติให้ถูกวิธีตามขั้นตอน หมั่นนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ต้องสวดคาถาให้ขึ้นใจ ที่สำคัญห้ามใช้ในทางที่ผิดศิลธรรม และปฏิบัติตามข้อห้ามในการใช้วัตถุมงคลนั้นๆ อย่างเคร่งครัด
ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ให้ทำบุญใส่บาตรถวายสังฆทาน ปล่อยนกปล่อยปลา บริจาคให้ทานแก่คนตกทุกข์ได้ยาก บริจาคโลงศพผ้าคลุมศพไร้ญาติ
กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลที่ทำมาให้แก่ตนเอง คนในครอบครัว ทุกดวงจิต ทุกดวงวิญญาณ เทพเทวาอารักษ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ ท่านทั้งหลายที่ประสิทธิ์ประสาทวิทยาคม และสถิตปกปักษ์รักษาอยู่ภายในพระเครื่อง วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง อยู่เป็นประจำ จะเพิ่มความเข้มขลัง ให้วัตถุมงคลมากยิ่งขึ้น ชีวิตจะประสบความสำเร็จรุ่งเรือง ตลอดไป
การผิดครู ผิดข้อห้ามในการใช้พระเครื่อง วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง เมื่อจะให้ครูอาจารย์ยกโทษให้เรา จะต้องทำอย่างไร
คงต้องขอพูดถึงเรื่องการขอขมาก่อน หากเป็นครูมนุษย์ ก็ต้องเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน และนำพานครูที่มีดอกไม้ ธูปเทียน(ขันธ์ 5) ขอขมาต่อครูอาจารย์ที่เป็นมนุษย์
หากเป็นครูท่านได้ละสังขารไปแล้ว หรือเป็นครูที่เป็นทิพยญาณ หรือพระเครื่อง วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ก็ต้องเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน(ตั้งขันธ์ 5) ขอขมาต่อพระเครื่อง วัตถุมงคลนั้น ๆ หลังจากนั้น ให้นำวัตถุมงคลดังกล่าวไปแช่น้ำส้มป่อยเดือน 5 เพื่อให้พระเครื่อง วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ที่เสื่อมแล้ว หรือพลังอ่อนกำลังลง กลับมาศักดิ์สิทธิ์ใช้งานได้เหมือนเดิม ถ้าเป็นรอยสักยันต์ให้นำน้ำส้มป่อยเดือย5 มาทาที่รอยสัก หรือใช้น้ำส้มป่อยอาบ เหมือนอาบน้ำมนต์ เชื่อว่าจะทำให้กลับมาเข้มขลังดังเดิม(ซึ่งความเชื่อเรื่อง ส้มป่อย แก้ของเสื่อมนี้แพร่หลายในล้านนามานานหลายชั่วอายุคน)
ผลที่ได้คือ ครูท่านย่อมให้อภัยเสมอ เพราะขึ้นชื่อว่าครู เปรียบเสมือนบิดา-มารดา คนที่สองของศิษย์ หากศิษย์ทำผิด ขอให้รู้สำนึก และละเว้นการกระทำผิดดังกล่าวอีก
ครูทุกท่าน ย่อมอโหสิกรรมให้ศิษย์ที่สำนึกผิด และพร้อมที่จะปรับปรุงตนเอง ให้อยู่ในทำนองคลองธรรมที่ดี เสมอ หากการทำผิดเป็นการพลั้งเผลอ ผลที่ได้รับไม่มีอะไรรุนแรง แต่หากรู้แล้วยังทำอีก เจตนาทำผิดครู อันนี้หนักหน่อย ต่อเมื่อทำการขอขมาครู ครูย่อมให้อภัยศิษย์ที่สำนึกผิดทุกคน
"แต่หากเป็นกรรมเวรที่ได้ละเมิดศีลนั้น แม้ครูท่านจะอภัยแล้ว ก็ไม่อาจพ้นวิบากกรรมที่ก่อขึ้นไว้ได้ เพราะเป็นเวรกรรม ที่ตัวเองได้ผิดศีล5 หาใช่่เป็นที่ครูบาอาจารย์ดลบันดาลให้เป็นไป ดังคำพระที่ว่า
“ขึ้นชื่อว่ากรรมจะดีหรือชั่ว ย่อมส่งผลต่อผู้กระทำเสมอ กรรมที่ไม่ให้ผลย่อมไม่มีในโลก ....ด้วยประการชะนี้แล”
============================================================
============================================================
============================================================
ส้มป่อยเดือน 5 พืชศักดิ์สิทธิ์ แก้ของเสื่อม แก้รอยสัก ของขลังเสื่อมกำลัง ล้างอาถรรพ์ (สายมูต้องมีติดบ้าน)
ฝักส้มป่อยเดือน 5 เป็นพืชที่คนล้านนาเชื่อว่าเป็นพืชมงคล ที่มีพลังความศักดิ์สิทธิ์
พกติดตัวป้องกันสิ่งอัปมงคล หรือใช้ทำน้ำมนต์ในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ แก้ของ แก้ขึด
หรืองานมงคลต่างๆ ทั้งการ สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัว ในวันขึ้นขึ้นปีใหม่ไทย
หรือเทศกาลสงกรานต์ การสะเดาะเคราะห์ งานบวช
การขอขมาต่างๆ ล้างเสนียดจัญไร คุณไสยฯ มนต์ดำ ออกจากตัว
===============================
คนล้านนามีความเชื่อว่าเป็นพืช ที่มีพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ พกติดตัวป้องกันสิ่งอัปมงคล
ตามความเชื่อของคนล้านนา หากคนที่สักยันต์ คนที่ห้อยพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังต่างๆ
หากพลาดพลั้งทำผิดครู ผิดข้อห้าม ข้อเสื่อม ที่ครูบาอาจารย์ได้สั่งห้ามไว้ โดยไม่ได้ตั้งใจ
ก็จะรีบทำน้ำส้มป่อย เพื่อล้างหน้า ลูบศรีษะ ลูบรอยสักยันต์ หรือชำระล้างเนื้อตัวหลังอาบน้ำ
หรือนำพระเครื่องและเครื่องรางต่างๆ แช่ลงไปในน้ำส้มป่อย เพื่อขอขมาลาโทษ
เพื่อให้พระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังต่างๆ กลับมาเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ดังเดิม
หรือในวันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ หรือวันวันสำคัญต่างๆ คนล้านนาก็จะนำพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ของทนสิทธิ์ต่างๆ
มาแช่ลงในน้ำส้มป่อย เพื่อเพิ่มความขลัง เพื่อความเป็นศิริมงคล ล้างอาถรรพ์ สิ่งอัปมงคลต่างๆ โดยนิยมทำสืบทอดกันมาช้านาน
บางคนที่ได้ไปกราบสักการะครูบาอาจารย์ ทางภาคเหนือ แล้วนำพระเครื่อง เครื่องรางต่างๆ ให้ครูบาอาจารย์ปลุกเสกเพิ่มให้
ครูบาอาจารย์ ก็มักจะนำไปแช่น้ำส้มป่อยก่อนที่จะทำการปลุกเสกเพิ่มให้
ในภาคเหนือ คนเล่นของ ห้อยพระเครื่องต่างๆ มักจำมีส้มป่อยติดบ้านไว้เสมอ
เพื่อใช้ทำน้ำสมป่อย ไว้แช่่พระเครื่องหรือเครื่องราง ของขลัง ของทนสิทธิ์ต่าง ๆ บางคนถือเคร่ง มักจะทำประมาณ 3 วัน หรือ 7 วันครั้ง เลยทีเดียว (ล้างสิ่งสกปรก เชื้อโรค ที่เกาะตามกรอบพระกันน้ำไปในตัว)
หรือหากทำตกไปในที่ต่ำ หรือกรอบพระเกิดมีฝุ่นสกปรก ก็จะนำมาล้างด้วยน้ำส้มป่อยเสมอ
ผู้ใดได้สระดำเป็นศรีสิริมงคล หากคนที่มีคาถาอาคม ถ้าคุณมนต์อาคม จ่ามนต์
พระยามนต์เสื่อมเนื่องจากลอดราวผ้าถุง ตกไปในที่ต่ำ ย่ำไปในที่สูง
ถูกถ่มน้ำลายคายน้ำหมากใส่ ลอดใต้ลานบวบห้างลานแตง ลอดเครือฝักแฝง
ลอดใต้ต้นกล้วยงำเครือ ก็เอาน้ำส้มป่อยเดือนห้านี้ชุบล้าง
คุณมนต์อาคมที่เสื่อมไปจักเริ่มฟื้นฟูกลับคืนมาเร็วขึ้น
คนเหนือ คนไต(ไทใหญ่) พม่า หรืออีสานบางพื้นที่หรือภากลางบางที่ ก็ใช้ส้มป่อยเหมือนกัน
ในส่วนความเชื่อนั้นส้มป่อยสมารถแก้ผิดครูได้ สมารถแก้ตู้ แก้จามได้(ถอนของถอนมนต์ที่เขาลอง) ล้างขึด
และอื่นๆ แต่ๆที่นิยมสุดๆคือขึด(ต้องธรณีสาร) ก็แก้ได้ บางคนจะนำมาพกติดตัวและเก็บไว้ในอาคาร บ้านเรือน เพื่อป้องกันสิ่งอัปมงคล
และเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเองและคนในครอบครัว
คนที่มีอาชีพค้าขายต่างๆ ในภาคเหนือ ก่อนเปิดร้านค้าในตอนเช้าทุกๆวัน มักนิยมทำน้ำส้มป่อย เพื่อประพรมหน้าร้าน หน้าบ้าน หรือพรมบนหลังคา เพื่อความเป็นศิริมงคล ขับไล่สเหนียดจังไร ภูติผีปีศาจ ที่จะมาบดบังหน้าร้าน ให้หม่นหมอง ให้ลูกค้าไม่อยากเข้าร้าน
หรือป้องกันสิ่งอัปมงคลต่างๆ ที่คู่แข่งทางการค้า อาจนำสิ่งสกปรก หรือคุณไสยของอัปมงคลต่าง มาโรยไว้หน้าร้านในขณะที่เราไม่เห็น หรือกำลังปิดร้าน เพื่อบดบังหน้าร้านของเราไว้ไม่ให้ลูกค้ามองไม่เห็นร้าน หรือไม่อยากเข้ามาซื้อของภายในร้าน
เป็นการเปิดที่ เปิดทาง ให้หน้าร้านสว่างไสว ป้องกันไสยดำ สิ่งไม่ดีต่างๆเข้ามาในร้านได้
=======================================
ตามตำนานเล่าว่า ส้มป่อยนั้นเป็นพืชศักสิทธิ์ ปู่ส้มป่อย ย่าส้มป่อย แต่เดิมอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า แต่ด้วยเหตุที่โลกมนุษย์มีแต่เรื่องเสนียดจัญไร มีแต่โรคภัยไข้เจ็บ
ปู่ย่าส้มป่อย จึงมาจุติที่โลกมนุษย์เพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจ ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อในปัจจุบันที่ว่า ส้มป่อยเป็นสมุนไพรมงคล ช่วยขับสิ่งชั่วร้าย
และคนไทย ก็นิยมใช้ส้มป่อยในพิธีกรรมหลายอย่าง เช่น ในงานบวชพระ ซึ่งเอาน้ำส้มป่อยมาชำระร่างล้างเนื้อตัวให้บริสุทธิ์ก่อนเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
โดยเฉพาะในเรื่องของการสะเดาะเคราะห์ ถ้าคนไหนมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ไม่สบายตัว ดวงตก โชคไม่ดี ควรนำน้ำส้มป่อย นำมาอาบ นำมาล้าง นำมารดหัว ให้สิ่งชั่วร้ายออกไป
-----------------------------------------
ส้มป่อย เดือน 5 ไม้มงคลศักดิ์สิทธิ์ 1 ปีมีครั้งเดียว พกติดตัวป้องกันสิ่งอัปมงคล
"ส้มป่อย" เรียกตามภาษาถิ่นว่า ส้มป่อย เป็นตัวแพ้ สิ่งจัญไร อัปมงคล ชั่วร้าย (แพ้ เป็นภาษาถิ่น เหนือ หมายถึง ชนะ) และคำว่า ป่อยหมายถึงปลดปล่อย สิ่งจัญไรทั้งหลายให้หลุดพ้นจากชีวิตคนเรา
ชาวบ้านจะเก็บ ฝักส้มป่อยในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน เรียกส้มป่อยที่เก็บใน เดือนนี้ว่า ส้มป่อยเดือน ๕ จะทำให้ได้ ส้มป่อยศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งขึ้น
ชาวล้านนานิยม ใช้ส้มป่อยมาตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเทศกาล สงกรานต์ สำหรับวิธีการใช้จะใช้ฝักแห้งของส้มป่อยปิ้งไฟให้ หอมแช่ลงในน้ำสะอาด ที่มีผงขมิ้นละลายเจืออยู่ เรียกน้ำนี้ ว่า "น้ำขมิ้นส้มป่อย" แต่ระยะหลังนี้ ไม่ค่อยปรากฏการใช้ ขมิ้นอีก แต่นิยมเติมน้ำอบน้ำหอมและเกสรแห้งของดอกไม้ หอม เช่นดอกสารภี ดอกคำฝอยเป็นต้น
น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ชำระสิ่งชั่วร้าย จากพระสงฆ์หรือปู่ อาจารย์ที่นับถือ นอกจากคาถาที่ร่ายเป่าลงไปแล้ว ในน้ำยังมี สิ่งสำคัญ ที่ก่อเกิดความเชื่อมั่นแก่ผู้ศรัทธา คือส้มป่อย เป็น ส่วนผสมหนึ่งด้วย
พิธีการสำนึกบุญคุณและขอขมาผู้ใหญ่ที่นับถือ หรือการดำหัวในเทศกาลปี๋ใหม่เมือง ผู้น้อยถือขันข้าวตอก ดอกไม้ ธูป เทียน สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ น้ำส้มป่อย ที่ผู้ใหญ่ใช้ ลูบหัวหลังเสร็จการให้พร แล้วสะบัดพรมให้ลูกหลาน เพื่อ เป็นสิริมงคลทั้งตนเองและผู้ที่รัก
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ เช่น พระพุทธรูป พระเครื่อง ชาวบ้านจะนำน้ำส้มป่อยใส่น้ำอบน้ำหอม เพื่อสรงน้ำพระ ในวันปี๋ใหม่เมือง เช่นกัน
ประเพณีงานบุญที่พ่อแม่ทุกคนต่างรอคอยโอกาส สร้างกุศลใหญ่ เพื่อปรารถนาให้ลูกชายพาไปพบชีวิตที่ดี ใน โลกหน้าคือการบวชลูกแก้ว (บวชพระหรือเณร) น้ำส้มป่อยก็ เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของการชำระล้างเนื้อตัว ให้บริสุทธิ์ก่อน เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ปฏิบัติธรรม
เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่อาจหลีกพ้นได้ คือ ความตาย น้ำส้มป่อยก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในงาน ใช้อาบน้ำศพ เพื่อ ให้ผู้จากไปได้พบสิ่งดีสู่สุคติ นำร่างไปเผาที่ป่าช้า กลับมา ผู้ที่ยังอยู่จะใช้น้ำส้มป่อยล้างมือ ลูบผมเพื่อป้องกัน สิ่งชั่วร้าย และไล่เสนียดจัญไรออกจากตัว ถ้าเป็นการเผาผีตายโหง ฝัก ส้มป่อยที่นำติดตัวสามารถล้างอาถรรพ์ จากผีไม่ให้ติดตามมาได้
การสืบชะตา สะเดาะเคราะห์ ประกอบพิธีไหว้ครู เช่น ครูซอ ครูหมอเมือง (หมอสมุนไพรพื้นบ้าน) หรืออื่นๆ ล้วน มีน้ำส้มป่อย เข้ามาช่วยให้ขลัง
ชาวบ้านยังมีความเชื่อว่า ถ้าใครไปทำสิ่งไม่ดีที่เรียกว่า ขึด ทำให้ตนเจอะเจอความชั่วร้าย ไม่เป็นมงคล สิ่งที่ช่วยให้ บรรเทาเบาบางลงคือ น้ำส้มป่อย
ครูอาจารย์ ผู้มีเวทมนตร์คาถา ที่นั่งผีปู่ย่า (คนทรง) เมื่อทำผิดข้อห้ามของครูอาจารย์ บรรพบุรุษ ที่เรียกกันว่า ผิดครู หรือบุคคลที่มีคาถาอาคมที่บังเอิญไปลอดราวตากผ้า หรือร้านบวบ (เชื่อว่าจะทำให้คาถาอาคมเสื่อม) น้ำส้มป่อยก็ ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น และมีของดีในตัวได้ดังเดิม
ส้มป่อย กับวิถีชีวิตชาวชนบทล้านนาเกี่ยวข้อง สัมพันธ์กันมาช้านาน เกือบจะทุกขั้นตอนในการดำเนินชีวิต ตั้งแต่เกิด มาจนกระทั่งหมดลมหายใจ
การเคารพความยิ่งใหญ่ในธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มองไม่เห็น ก่อให้เกิดพลังศรัทธากลายเป็น ความเชื่อมั่น นำไปสู่การปฏิบัติที่ได้ผล ดังนั้น ผู้คนจึงยกให้ส้มป่อย เป็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ควรคู่ชีวิตชาวล้านนา ตลอดไป
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ ดอยสะเก็ด เพชรแห่งล้านนา
====================================
วิธีทำน้ำส้มป่อย : เตรียมน้ำเปล่าสะอาด ใส่ในแก้ว หรือขันน้ำ
นำส้มป้อยหักเป็นท่อนประมาณข้อมือ (แก้วเล็กประมาณ 7 ข้อ) แช่ในน้ำประมาณ 5-10 นาที
จะได้น้ำที่มีสีเหลืองอมส้ม แล้วสามารถน้ำไปใช้ได้เลย
(ถ้าอยากให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น อาจใส่ดอกสารภี และดอกคำฝอยลงเล็กน้อย ไปพร้อมกันเพื่อเพิ่มความสวยงามและมีกลิ่นหอมมากขึ้น
หรืออาจเติมน้ำอบ น้ำปรุงลงไปด้วย เพื่อเพิ่มความหอมมากยิ่งขึ้นก็ได้)