จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 1 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | พระเกจิอาจารย์ ยุคปัจจุบัน |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
เหรียญพระอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ รุ่น๑ จ.พัทลุง ปี 2550
จัดสร้างโดยวัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ซึ่งพระอาจารย์ปานท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ทองเฒ่า
เหรียญพระอาจารย์ปานสร้างโดยมีชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์มากมายและมีพิธีพุทธาภิเษก เทวาภิเษก พร้อมกับจตุคามรามเทพ ณ วัดเขาอ้อ รวม 3 วัน 3 คืน
ซึ่งเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ของวัดเขาอ้อ โดยรวมพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อมาร่วมพิธี ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปจัดสร้างรูปเหมือนของเกจิอาจารย์วัดเขาอ้อ
อีกทั้งพัฒนาปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์วัดเขาอ้อและรวบรวมตำราวิชาไสยเวทย์ในสายเขาอ้อ เพื่อนำออกเผยแพร่ให้กับผู้ที่สนใจได้นำไปศึกษาต่อไป
พุทธคุณครอบจักรวาลครบทุกด้าน ทั้งเมตตาโชคลาภ ค้าขาย กันผี กันคุณไสยสิ่งอัปมงคล แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง
============================================
ทำความรู้จัก " พ่อท่านปาล" แห่ง "สำนักตักศิลาเขาอ้อ" เจ้าสำนักที่ต้องฉันเหล้า ยิ่งเมายิ่งขลัง ร่างกายเผาไม่ไหม้ เหตุสำเร็จวิชานิ้วเพชร
หากเอ่ยถึง สำนักตักศิลาเขาอ้อ หลายคนต้องมีภาพจำของ ขุนพันธรักษ์ราชเดช มือปราบจอมขมังเวทย์ ลอยขึ้นมา ในห้วงความคิด เพราะท่านก็เป็นหนึ่งในศิษย์สำนักนี้ ที่โดดเด่นและมีอาคมขลัง
พ่อท่านปาล นั้น เป็นศิษย์ของ พระอาจารย์ทองเฒ่า ชีวประวัติของท่าน ไม่มีระบุเป็นลายลักษณ์อักษรมากนัก ทราบแต่เพียงว่า พื้นเพพ่อท่านปาล บรรพบุรุษของท่นเป็นชาวระโนด จ.สงขลา แล้วอพยพมาตั้งรกรากที่ย่านเขาอ้อ จ.พัทลุง และว่ากันว่า มีความเกี่ยวข้องเป็นเครือญาติของ พระอาจารย์ทองเฒ่า เมื่ออายุพอจะเรียนเขียนได้ บิดามารดา จึงได้นำมาฝากหาความรู้เป็นศิษย์ของสำนักเขาอ้อ
และได้บรรพชาเป็นสามเณร เรียนรู้วิทยาคมต่าง ๆ ของสำนัก จนอายุครบบวช จึงอุปสมบท และได้ถ่ายทอดสรรพวิชาสำคัญทั้งหมดของเขาอ้อ และ พ่อท่านปาล ได้รับเลือกเป็นทายาทเพื่อเป็นเจ้าสำนักในอนาคต
เมื่อพระอาจารย์ทองเฒ่ามรณภาพ พ่อท่านปาล จึงได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักสืบต่อ
อย่างไรก็ดี มีเรื่องราวเรื่องเล่าอยู่หนึ่งเรื่องของ พ่อท่านปาล ที่หลายคนไม่เคยรู้ว่า พ่อท่านปาล นั้น ท่านฉันเหล้า ซึ่ง อ.เปลี่ยน หัถยานนท์ ฆาราสจอมขมังเวทย์ได้กล่าว่า ท่านนั้น ฉันเหล้า การไหว้บูชาทุกครั้งต้องมีเหล้ารู้จัก \"พ่อท่านปาล\" แห่ง \"สำนักตักศิลาเขาอ้อ\"
ทำให้เกิดความสงสัยว่า ทำไมพระภิกษุถึง ฉันเหล้าได้
เรื่องนี้มีเรื่องเล่าของท่านอยู่ว่า เมื่อ พ่อท่านปาล มีอายุได้ 44 ปี เกิดล้มป่วยหนัก ลูกศิษย์พยายามพาท่านไปหาหมอทั่วภาคใต้ แต่อาการไม่ดีขึ้น สุดท้ายก็พากลับมาวัดเขาอ้อรู้จัก \"พ่อท่านปาล\" แห่ง \"สำนักตักศิลาเขาอ้อ\"
วันหนึ่ง พ่อท่านปาล ได้ฝันเห็นเทวดาประจำเขาอ้อ มาบอกว่า ถ้าท่านจะหายจากอาการที่เป็น ต้องฉันเหล้า เมื่อตื่นขึ้น พ่อท่านปาล ได้ใช้ลูกศิษย์ให้ไปซื้อเหล้าขาวมาหนึ่งขวด
ลูกศิษย์ก็สงสัยว่า ท่านจะเอาไปทำอะไร จึงได้เรียนถาม พ่อท่านปาล ตอบว่า จะเอามาฉันให้หายจากอาการไข้ ลูกศิษย์ก็ไม่สบายใจว่าเป็นพระจะฉันเหล้าได้อย่างไร ท่านจึงบอกว่า จะไปซื้อเหล้ามาให้ฉัน หรือจะให้ตัวท่านมรณภาพ
จนสุดท้ายลูกศิษย์ต้องยอม เมื่อได้ฉันเหล้าแล้ว คงามแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น อาการอาพาธที่เป็นอยู่ ก็ได้หายไปหมด พ่อท่านปาล ก็ฉันเหล้าเรื่อยมา แม้จะถูกร้องเรียนไปยังเจ้าคณะหนใต้ จนต้องลงมาตรวจสอบ สุดท้ายพระผู้ใหญ่ก็ต้องกราบขอเป็นลูกศิษย์ พ่อท่านปาลรู้จัก \"พ่อท่านปาล\" แห่ง \"สำนักตักศิลาเขาอ้อ\"
การฉันเหล้าของ พ่อท่านปาล นั้นท่านฉันมาโดยตลอด แล้วว่ากันว่า ท่านนั้น ยิ่งเมายิ่งขลัง แต่สุดท้ายท่านหยุดฉันเหล้า เมื่ออายุได้ 77 ปี แม้ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช จะนำมาถวายท่านก็ไม่รับ
นอกเหนือจากความเข้มขลังในวิชาของตักศิลาศิลาเขาอ้อ แล้วนั้น ว่ากันว่า พ่อท่านปาล ได้สำเร็จวิชานิ้วเพชร ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาเอกของสำนักเขาอ้อด้วยเช่นกัน และตอนที่ท่านมรณภาพแล้วนิ้วชี้ข้างขวาของท่านไม่สามารถเผาไฟได้
แต่ปัจจุบันไม่ทราบว่า นิ้วชี้เพชร ดังกล่าวตกทอดไปถึงผู้ใดหรือที่ไหน
====================
“วัดเขาอ้อ พัทลุง” สุดยอดแหล่งวิทยาคมทางไสยศาสตร์แห่งแดนใต้ วัดที่ “ขุนพันธ์” เป็นลูกศิษย์
วัดเขาอ้อ เป็นแหล่งวิทยาคมทางไสยศาสตร์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มาแล้วตั้งแต่สมัยโบราณในแดนใต้ ชวนมารู้จักประวัติความเป็นมาของศาสนสถานแห่งนี้
วัดเขาอ้อ ตั้งอยู่ในตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1651 หรือ กว่า 900 ปีมาแล้ว จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญฉบับหนึ่ง ซึ่งทางวัดได้เก็บรักษาไว้ คือ "สานส์ตราของเจ้าพระยาเมืองนครศรีธรรมราช" ที่มีมาถึงพระยาแก้วโกรพพิชัยบดินทร์สุรินทรเดชอภัยพิริยะพาหะ เจ้าเมืองพัทลุง ลงวันเสาร์ เดือน 9 ขึ้น 8 ค่ำ ปีระกา จุลศักราช 1103 ตรงกับ พ.ศ. 2284 (สมัยแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา)
ในด้านความเชื่อไสยศาสตร์ มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ของเมืองพัทลุงที่ได้กล่าวถึงความสำคัญของวัดเขาอ้อ หรือสำนักเขาอ้อที่เกี่ยวกับวิชาไสยศาสตร์ความว่า เมื่อปี พ.ศ.2328 ครั้งที่พม่ายกทัพมาตีเมืองชุมพร เมืองไชยา เมืองนครศรีธรรมราช ได้เป็นผลสำเร็จแล้วยกทัพตีมาเรื่อยพระยาพัทลุง (ขุน) กับพระมหาช่วย วัดป่าเลไลย์ ชาวบ้านน้ำเลือด ซึ่งเป็นศิษย์อาจารย์วัดเขาอ้อมีความรู้เชี่ยวชาญในทางไสยเวทย์ได้ลงตะกรุด ผ้าประเจียดให้แก่ไพร่พลแล้วแต่งเป็นกองทัพยกไปคอยรับทัพพม่าอยู่ที่ตำบลท่าเสียด
ครั้นทัพพม่ายกกำลังมาถึงเห็นกองทัพไทยจากพัทลุงมีกำลังมากกว่าตนแต่ที่แท้จริงมีกำลังน้อยกว่ากองทัพพม่าหลายเท่า แต่ด้วยอำนาจพระเวทย์มนต์ตราและคาถาที่พระมหาช่วยนั่งบริกรรมภาวนาอยู่เบื้องหลัง ทำการผูกหุ่นพยนต์ขึ้นเป็นทหารสูงใหญ่ให้ข้าศึกมองเห็นเป็นคนจำนวนมากและมีกำลังร่างกายสูงใหญ่ ดุดันผิดปกติกองทัพพม่าจึงยกทัพกลับไป
วัดเขาอ้อแต่เดิมเรียกว่าวัด "ประดู่หอม" ได้เปลี่ยนนามมาเป็น "วัดเขาอ้อ" ในสมัยพระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต เป็นเจ้าอาวาส นับได้ว่าเป็นวัดที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดวัดหนึ่งในจังหวัดพัทลุง โดยตั้งอยู่ที่ริมทางรถไฟก่อนที่จะถึงสถานีรถไฟปากคลองเพียง 2 กิโลเมตรขึ้นอยู่ในเขตตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน วัดเขาอ้อเป็นวัดสำคัญและมีบทบาทวัดหนึ่งในสมัยอยุธยาแต่สมัยต่อมาขาดการดูแลจนกลายเป็นวัดร้าง
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2284 พระมหาอินทราชซึ่งเดินทางมาจากเมืองปัตตานีมาเป็นเจ้าอาวาสได้บูรณะปฎิสังขรณ์สิ่งปรักหักพังต่าง ๆ ที่มี เช่น พระพุทธรูปในถ้ำ 10 องค์ ตลอดถึงพระอุโบสถและเสนาสนะอื่น ๆ หลังจากนั้นพระมหาอินทราชได้มีหนังสือไปกรุงศรีอยุธยาเพื่อขอพระราชการกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระพุทธรูปหล่อด้วยสำริด 1 องค์ พระพุทธรูปหล่อด้วยเงิน 1 องค์ ให้แก่วัดเขาอ้อ ชาวบ้านเรียกพระพุทธรูปทั้งสอง ว่ารูปเจ้าฟ้าอิ่มและรูปเจ้าดอกมะเดื่อ
ต่อมาเมื่อท่านพระมหาอินทราชได้ออกจากวัดไปทำให้วัดก็มีสภาพเสื่อมโทรมอีกครั้ง ท่านปะขาวขุนแก้วเสนา และขุนศรีสมบัติพร้อมด้วยบรรดาชาวบ้านใกล้เคียง ได้ไปนิมนต์พระมหาคง จากวัดพนางตุงมาเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่นั้นมาวัดก็ค่อย ๆ เจริญขึ้นเรื่อยๆ
วัดเขาอ้อมีเจ้าอาวาสปกครองต่อกันมากมายหลายสิบรูป ล้วนแต่มีความเชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์ มีชื่อเสียงโดงดังไปทั่วภาคใต้ ชาวพัทลุงและใกล้เคียงเชื่อกันว่าเป็นวัดเขาอ้อมีความศักดิ์สิทธิ์และชื่อเสียงทางด้านไสยศาสตร์มาตั้งแต่โบราณกาล
ตำนานกล่าวว่าก่อนที่จะมาเป็นวัดเขาอ้อเป็นสำนักเขาอ้อมาก่อนเล่ากันว่าจุดกำเนิดของสำนักเขาอ้อนี้ แต่เดิมเป็นที่บำเพ็ญพรตของพราหมณ์มาหลายรุ่น อันเนื่องจากภายในถ้ำบนเขาอ้อนั้นเป็นทำเลที่ดีมาก ตัวเขาอ้อเองก็ตั้งอยู่บนเส้นทางสัญจรของชุมชนในอดีตเมืองที่เจริญในละแวกนั้นได้แก่ สทิงปุระ หรือสะทิงพาราณสีซึ่งก็คืออำเภอสทิงพระในปัจจุบัน
ประวัติของเมืองสทิงปุระนั้นเกี่ยวข้องกับพราหมณ์อยู่มาก แม้กระทั่งในสมัยศรีวิชัยที่ศาสนาพุทธแผ่อิทธิพลทั่วแหลมาลายู ในบริเวณสว่นนั้น (เขตเมืองพัทลุงในปัจจุบัน) ยังเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของพราหมณ์ หลักฐานทางประวัติศาสตร์บอกว่าเป็นเมืองที่มีชุมชนหนาแน่นที่สุดในขณะนั้น
ต่อมามีพราหมณ์ผู้ทรงวิทยาคุณ (ฤาษี) คณะหนึ่งได้ไปบำเพ็ญพรตอยู่ที่ถ้ำบนเขาอ้อบำเพ็ญพรตจนเกิดอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ ตามตำราอาถรรพเวท (พระเวทอันดับ 4 ของคัมภีร์พราหมณ์) แล้วได้ถ่ายทอดวิชานั้นต่อ ๆ กันมา พร้อมกันนั้นก็ได้จัดตั้งสำนักถ่ายทอดวิชาความรู้แก่ผู้สนใจ ซึ่งตามวรรณะแล้วพราหมณ์มีหน้าที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่เชื้อพระวงศ์ หรือวรรณะกษัตริย์และลูกหลานผู้นำ เพื่อจะให้นำไปเป็นความรู้ในการปกครองคนต่อไป
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
เหรียญพระอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ รุ่น๑ จ.พัทลุง ปี 2550
จัดสร้างโดยวัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ซึ่งพระอาจารย์ปานท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ทองเฒ่า
เหรียญพระอาจารย์ปานสร้างโดยมีชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์มากมายและมีพิธีพุทธาภิเษก เทวาภิเษก พร้อมกับจตุคามรามเทพ ณ วัดเขาอ้อ รวม 3 วัน 3 คืน
ซึ่งเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ของวัดเขาอ้อ โดยรวมพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อมาร่วมพิธี ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปจัดสร้างรูปเหมือนของเกจิอาจารย์วัดเขาอ้อ
อีกทั้งพัฒนาปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์วัดเขาอ้อและรวบรวมตำราวิชาไสยเวทย์ในสายเขาอ้อ เพื่อนำออกเผยแพร่ให้กับผู้ที่สนใจได้นำไปศึกษาต่อไป
พุทธคุณครอบจักรวาลครบทุกด้าน ทั้งเมตตาโชคลาภ ค้าขาย กันผี กันคุณไสยสิ่งอัปมงคล แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง
============================================
ทำความรู้จัก " พ่อท่านปาล" แห่ง "สำนักตักศิลาเขาอ้อ" เจ้าสำนักที่ต้องฉันเหล้า ยิ่งเมายิ่งขลัง ร่างกายเผาไม่ไหม้ เหตุสำเร็จวิชานิ้วเพชร
หากเอ่ยถึง สำนักตักศิลาเขาอ้อ หลายคนต้องมีภาพจำของ ขุนพันธรักษ์ราชเดช มือปราบจอมขมังเวทย์ ลอยขึ้นมา ในห้วงความคิด เพราะท่านก็เป็นหนึ่งในศิษย์สำนักนี้ ที่โดดเด่นและมีอาคมขลัง
พ่อท่านปาล นั้น เป็นศิษย์ของ พระอาจารย์ทองเฒ่า ชีวประวัติของท่าน ไม่มีระบุเป็นลายลักษณ์อักษรมากนัก ทราบแต่เพียงว่า พื้นเพพ่อท่านปาล บรรพบุรุษของท่นเป็นชาวระโนด จ.สงขลา แล้วอพยพมาตั้งรกรากที่ย่านเขาอ้อ จ.พัทลุง และว่ากันว่า มีความเกี่ยวข้องเป็นเครือญาติของ พระอาจารย์ทองเฒ่า เมื่ออายุพอจะเรียนเขียนได้ บิดามารดา จึงได้นำมาฝากหาความรู้เป็นศิษย์ของสำนักเขาอ้อ
และได้บรรพชาเป็นสามเณร เรียนรู้วิทยาคมต่าง ๆ ของสำนัก จนอายุครบบวช จึงอุปสมบท และได้ถ่ายทอดสรรพวิชาสำคัญทั้งหมดของเขาอ้อ และ พ่อท่านปาล ได้รับเลือกเป็นทายาทเพื่อเป็นเจ้าสำนักในอนาคต
เมื่อพระอาจารย์ทองเฒ่ามรณภาพ พ่อท่านปาล จึงได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักสืบต่อ
อย่างไรก็ดี มีเรื่องราวเรื่องเล่าอยู่หนึ่งเรื่องของ พ่อท่านปาล ที่หลายคนไม่เคยรู้ว่า พ่อท่านปาล นั้น ท่านฉันเหล้า ซึ่ง อ.เปลี่ยน หัถยานนท์ ฆาราสจอมขมังเวทย์ได้กล่าว่า ท่านนั้น ฉันเหล้า การไหว้บูชาทุกครั้งต้องมีเหล้ารู้จัก \"พ่อท่านปาล\" แห่ง \"สำนักตักศิลาเขาอ้อ\"
ทำให้เกิดความสงสัยว่า ทำไมพระภิกษุถึง ฉันเหล้าได้
เรื่องนี้มีเรื่องเล่าของท่านอยู่ว่า เมื่อ พ่อท่านปาล มีอายุได้ 44 ปี เกิดล้มป่วยหนัก ลูกศิษย์พยายามพาท่านไปหาหมอทั่วภาคใต้ แต่อาการไม่ดีขึ้น สุดท้ายก็พากลับมาวัดเขาอ้อรู้จัก \"พ่อท่านปาล\" แห่ง \"สำนักตักศิลาเขาอ้อ\"
วันหนึ่ง พ่อท่านปาล ได้ฝันเห็นเทวดาประจำเขาอ้อ มาบอกว่า ถ้าท่านจะหายจากอาการที่เป็น ต้องฉันเหล้า เมื่อตื่นขึ้น พ่อท่านปาล ได้ใช้ลูกศิษย์ให้ไปซื้อเหล้าขาวมาหนึ่งขวด
ลูกศิษย์ก็สงสัยว่า ท่านจะเอาไปทำอะไร จึงได้เรียนถาม พ่อท่านปาล ตอบว่า จะเอามาฉันให้หายจากอาการไข้ ลูกศิษย์ก็ไม่สบายใจว่าเป็นพระจะฉันเหล้าได้อย่างไร ท่านจึงบอกว่า จะไปซื้อเหล้ามาให้ฉัน หรือจะให้ตัวท่านมรณภาพ
จนสุดท้ายลูกศิษย์ต้องยอม เมื่อได้ฉันเหล้าแล้ว คงามแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น อาการอาพาธที่เป็นอยู่ ก็ได้หายไปหมด พ่อท่านปาล ก็ฉันเหล้าเรื่อยมา แม้จะถูกร้องเรียนไปยังเจ้าคณะหนใต้ จนต้องลงมาตรวจสอบ สุดท้ายพระผู้ใหญ่ก็ต้องกราบขอเป็นลูกศิษย์ พ่อท่านปาลรู้จัก \"พ่อท่านปาล\" แห่ง \"สำนักตักศิลาเขาอ้อ\"
การฉันเหล้าของ พ่อท่านปาล นั้นท่านฉันมาโดยตลอด แล้วว่ากันว่า ท่านนั้น ยิ่งเมายิ่งขลัง แต่สุดท้ายท่านหยุดฉันเหล้า เมื่ออายุได้ 77 ปี แม้ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช จะนำมาถวายท่านก็ไม่รับ
นอกเหนือจากความเข้มขลังในวิชาของตักศิลาศิลาเขาอ้อ แล้วนั้น ว่ากันว่า พ่อท่านปาล ได้สำเร็จวิชานิ้วเพชร ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาเอกของสำนักเขาอ้อด้วยเช่นกัน และตอนที่ท่านมรณภาพแล้วนิ้วชี้ข้างขวาของท่านไม่สามารถเผาไฟได้
แต่ปัจจุบันไม่ทราบว่า นิ้วชี้เพชร ดังกล่าวตกทอดไปถึงผู้ใดหรือที่ไหน
====================
“วัดเขาอ้อ พัทลุง” สุดยอดแหล่งวิทยาคมทางไสยศาสตร์แห่งแดนใต้ วัดที่ “ขุนพันธ์” เป็นลูกศิษย์
วัดเขาอ้อ เป็นแหล่งวิทยาคมทางไสยศาสตร์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มาแล้วตั้งแต่สมัยโบราณในแดนใต้ ชวนมารู้จักประวัติความเป็นมาของศาสนสถานแห่งนี้
วัดเขาอ้อ ตั้งอยู่ในตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1651 หรือ กว่า 900 ปีมาแล้ว จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญฉบับหนึ่ง ซึ่งทางวัดได้เก็บรักษาไว้ คือ "สานส์ตราของเจ้าพระยาเมืองนครศรีธรรมราช" ที่มีมาถึงพระยาแก้วโกรพพิชัยบดินทร์สุรินทรเดชอภัยพิริยะพาหะ เจ้าเมืองพัทลุง ลงวันเสาร์ เดือน 9 ขึ้น 8 ค่ำ ปีระกา จุลศักราช 1103 ตรงกับ พ.ศ. 2284 (สมัยแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา)
ในด้านความเชื่อไสยศาสตร์ มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ของเมืองพัทลุงที่ได้กล่าวถึงความสำคัญของวัดเขาอ้อ หรือสำนักเขาอ้อที่เกี่ยวกับวิชาไสยศาสตร์ความว่า เมื่อปี พ.ศ.2328 ครั้งที่พม่ายกทัพมาตีเมืองชุมพร เมืองไชยา เมืองนครศรีธรรมราช ได้เป็นผลสำเร็จแล้วยกทัพตีมาเรื่อยพระยาพัทลุง (ขุน) กับพระมหาช่วย วัดป่าเลไลย์ ชาวบ้านน้ำเลือด ซึ่งเป็นศิษย์อาจารย์วัดเขาอ้อมีความรู้เชี่ยวชาญในทางไสยเวทย์ได้ลงตะกรุด ผ้าประเจียดให้แก่ไพร่พลแล้วแต่งเป็นกองทัพยกไปคอยรับทัพพม่าอยู่ที่ตำบลท่าเสียด
ครั้นทัพพม่ายกกำลังมาถึงเห็นกองทัพไทยจากพัทลุงมีกำลังมากกว่าตนแต่ที่แท้จริงมีกำลังน้อยกว่ากองทัพพม่าหลายเท่า แต่ด้วยอำนาจพระเวทย์มนต์ตราและคาถาที่พระมหาช่วยนั่งบริกรรมภาวนาอยู่เบื้องหลัง ทำการผูกหุ่นพยนต์ขึ้นเป็นทหารสูงใหญ่ให้ข้าศึกมองเห็นเป็นคนจำนวนมากและมีกำลังร่างกายสูงใหญ่ ดุดันผิดปกติกองทัพพม่าจึงยกทัพกลับไป
วัดเขาอ้อแต่เดิมเรียกว่าวัด "ประดู่หอม" ได้เปลี่ยนนามมาเป็น "วัดเขาอ้อ" ในสมัยพระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต เป็นเจ้าอาวาส นับได้ว่าเป็นวัดที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดวัดหนึ่งในจังหวัดพัทลุง โดยตั้งอยู่ที่ริมทางรถไฟก่อนที่จะถึงสถานีรถไฟปากคลองเพียง 2 กิโลเมตรขึ้นอยู่ในเขตตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน วัดเขาอ้อเป็นวัดสำคัญและมีบทบาทวัดหนึ่งในสมัยอยุธยาแต่สมัยต่อมาขาดการดูแลจนกลายเป็นวัดร้าง
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2284 พระมหาอินทราชซึ่งเดินทางมาจากเมืองปัตตานีมาเป็นเจ้าอาวาสได้บูรณะปฎิสังขรณ์สิ่งปรักหักพังต่าง ๆ ที่มี เช่น พระพุทธรูปในถ้ำ 10 องค์ ตลอดถึงพระอุโบสถและเสนาสนะอื่น ๆ หลังจากนั้นพระมหาอินทราชได้มีหนังสือไปกรุงศรีอยุธยาเพื่อขอพระราชการกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระพุทธรูปหล่อด้วยสำริด 1 องค์ พระพุทธรูปหล่อด้วยเงิน 1 องค์ ให้แก่วัดเขาอ้อ ชาวบ้านเรียกพระพุทธรูปทั้งสอง ว่ารูปเจ้าฟ้าอิ่มและรูปเจ้าดอกมะเดื่อ
ต่อมาเมื่อท่านพระมหาอินทราชได้ออกจากวัดไปทำให้วัดก็มีสภาพเสื่อมโทรมอีกครั้ง ท่านปะขาวขุนแก้วเสนา และขุนศรีสมบัติพร้อมด้วยบรรดาชาวบ้านใกล้เคียง ได้ไปนิมนต์พระมหาคง จากวัดพนางตุงมาเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่นั้นมาวัดก็ค่อย ๆ เจริญขึ้นเรื่อยๆ
วัดเขาอ้อมีเจ้าอาวาสปกครองต่อกันมากมายหลายสิบรูป ล้วนแต่มีความเชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์ มีชื่อเสียงโดงดังไปทั่วภาคใต้ ชาวพัทลุงและใกล้เคียงเชื่อกันว่าเป็นวัดเขาอ้อมีความศักดิ์สิทธิ์และชื่อเสียงทางด้านไสยศาสตร์มาตั้งแต่โบราณกาล
ตำนานกล่าวว่าก่อนที่จะมาเป็นวัดเขาอ้อเป็นสำนักเขาอ้อมาก่อนเล่ากันว่าจุดกำเนิดของสำนักเขาอ้อนี้ แต่เดิมเป็นที่บำเพ็ญพรตของพราหมณ์มาหลายรุ่น อันเนื่องจากภายในถ้ำบนเขาอ้อนั้นเป็นทำเลที่ดีมาก ตัวเขาอ้อเองก็ตั้งอยู่บนเส้นทางสัญจรของชุมชนในอดีตเมืองที่เจริญในละแวกนั้นได้แก่ สทิงปุระ หรือสะทิงพาราณสีซึ่งก็คืออำเภอสทิงพระในปัจจุบัน
ประวัติของเมืองสทิงปุระนั้นเกี่ยวข้องกับพราหมณ์อยู่มาก แม้กระทั่งในสมัยศรีวิชัยที่ศาสนาพุทธแผ่อิทธิพลทั่วแหลมาลายู ในบริเวณสว่นนั้น (เขตเมืองพัทลุงในปัจจุบัน) ยังเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของพราหมณ์ หลักฐานทางประวัติศาสตร์บอกว่าเป็นเมืองที่มีชุมชนหนาแน่นที่สุดในขณะนั้น
ต่อมามีพราหมณ์ผู้ทรงวิทยาคุณ (ฤาษี) คณะหนึ่งได้ไปบำเพ็ญพรตอยู่ที่ถ้ำบนเขาอ้อบำเพ็ญพรตจนเกิดอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ ตามตำราอาถรรพเวท (พระเวทอันดับ 4 ของคัมภีร์พราหมณ์) แล้วได้ถ่ายทอดวิชานั้นต่อ ๆ กันมา พร้อมกันนั้นก็ได้จัดตั้งสำนักถ่ายทอดวิชาความรู้แก่ผู้สนใจ ซึ่งตามวรรณะแล้วพราหมณ์มีหน้าที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่เชื้อพระวงศ์ หรือวรรณะกษัตริย์และลูกหลานผู้นำ เพื่อจะให้นำไปเป็นความรู้ในการปกครองคนต่อไป
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |