จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 1 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | พระเกจิอาจารย์ ยุคปัจจุบัน |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
รูปหล่อปั๊มครูบาชุ่ม วัดวังมุย ปี 2520
รูปหล่อปั๊มครูบาชุ่มวัดวังมุย สร้างเมื่อ พ.ศ.2519
ปลูกเสกโดยครูบาชัยวงศ์ ของดีหายากของชาวลำพูน
รูปหล่อปั๊มรุ่นแรกของครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย ต.ประตูป่า จ.ลำพูน
พิมพ์ที่เห็นนี้สร้าง ภายหลังครูบาชุ่มได้มรณะภาพลงไปแล้ว คือในปี พ.ศ 2519
ในระหว่างที่สรีระสังขารของท่านรอการพระราชทานเพลิงศพ คณะศิษย์ได้มีการจัดสร้างรูปหล่อเหมือน
ขนาดเท่าองค์จริง ทั้งท่ายืนและท่านั่งสมาธิ อย่างละ 1 องค์ นอกจากนี้ก็มีการสร้างรูปหล่อขนาดบูชา 5 นิ้ว
และรูปหล่อปั๊มขนาดเล็กห้อยคอเนื้อทองแดงรมดำ ตามแบบที่เห็นนี้
ในพิธีพุทธาภิเษก วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2520 มีครูบาอาจารย์หลายท่านมาร่วมในงานพิธี
โดยมีครูบาชัยยะวงศาเป็นประธานพิธีในฝ่ายสงฆ์
พระมหาเถระ คณาจารย์ชื่อดังของภาคเหนืออีกหลายรูป
อาทิครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง เชียงใหม่
ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ลำพูน
ครูบาคำแสน วัดสวนดอก เชียงใหม่
ครูบาคำแสน วัดป่าดอนมูล สันกำแพง เชียงใหม่ ฯลฯ
โดยมีครูบาเจ้าชัยยะวงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน มาเป็นองค์เจิมเบิกพระเนตร รูปเหมือนครูบาชุ่ม และมีการสวดเจริญพุทธมนต์แบบล้านนาจากพระสงฆ์ตลอดทั้งคืน ถือว่าเป็นวัตถุมงคลครูบาชุ่มที่สมบูรณ์แบบอีกรุ่นหนึ่งทีเดียว ( และในพิธีนี้เอง ทำให้คุณหมอสมสุข และบรรดาชาวคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก เห็นการปลุกเสกพระแบบลืมตาของครูบาขันแก้ว ที่เหมือนหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน และหลังจากนั้นชื่อของครูบาขันแก้วก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ)
เป็นรูปหล่อที่มีประสบการณ์ในเรื่องคงกระพันเด่นเป็นพิเศษ
อีกทั้งเรื่องเมตตามหานิยมก็ไม่ธรรมดา พุทธคุณของพระเครื่องครูบาชุ่มในพื้นที่ต่างทราบกันดี
แม้ไม่ทันท่าน แต่ก็ผ่านพิธีที่พร้อมสมบูรณ์ในทุกด้าน
===============================
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เคยกล่าวกับศิษยานุศิษย์ของท่านว่า
“หลวงปู่ชุ่ม ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และเป็นพระน้อยองค์นักที่จะสามารถเข้านิโรธสมาบัติได้ทุกอิริยาบถ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน”
=================================
หลวงปู่ชุ่ม หรือ ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก เป็นพระผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ท่านปฏิบัติตามแนวทางกรรมฐาน 40 ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างอุกฤษฏ์ ชนิดยอมเอาชีวิตเข้าแลก จึงปรากฏว่าท่านเป็นที่เคารพบูชาของชาวล้านนา และบุคคลทั่วไปอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเมื่อ 30 ปีก่อน นามของท่านยิ่งขจรขจายฟุ้งไปอีก กับเรื่องราวที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติ
หลวงปู่ชุ่มเป็นพระที่รอบรู้และเคร่งครัดในพระธรรมวินัย บำเพ็ญบารมี 10 ประการ อันประเสริฐตลอดชีวิตสมณเพศ และมีความวิริยะอุตสาหะปฏิบัติเพื่อมรรคผลสูงสุดในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ด้วยพลังแห่งฌานสมาบัติที่แก่กล้า และพลังแห่งเมตตาจิต รวมทั้งสรรพวิชาที่ท่านได้เพียรศึกษาและสั่งสมมาตามคติครูบาอาจารย์ ทำให้กิตติศัพท์ความเก่งกล้าทางด้านวิชาพุทธาคมของหลวงปู่ชุ่ม เป็นที่เชื่อมั่นในหมู่ประชาชนยิ่งนัก โดยเฉพาะด้านคงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด
หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร วัดป่าดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ผู้เป็นสหธรรมมิกอาวุโสสูงกว่า เคยนิมนต์หลวงปู่ชุ่มไปเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง เพื่อหาทุนสร้างโรงเรียนและศาลาวัดป่าดอนมูล กล่าวว่า “หลวงปู่ชุ่มท่านเป็นพระภิกษุที่มีความชำนาญด้านการผูกอักขระเลขยันต์ต่างๆ รวมทั้งมีอำนาจฌานสมบัติที่แกกล้าและขลังมาก” หลวงปู่ชุ่มได้รับนิมนต์ให้ไปเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกหลายงาน ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง ได้แก่ พิธีพุทธาภิเษกอัฐิท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง จ.ลำพูน หลวงปู่ชุ่มเป็นองค์ประธานในพิธี มีพระอริยะเจ้าทั่วภาคเหนือเข้าร่วมในพิธีนี้ ซึ่งนับเป็นประวัติการณ์อันมิได้ปรากฏขึ้นโดยง่าย
ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาซึ่งเป็นพระอาจารย์ของครูบาเจ้าชุ่ม ท่านมรณภาพ ในปี พ.ศ.2481 วัดบ้านปางเก็บรักษาสังขารของท่านไว้ระยะหนึ่ง จากนั้นได้เคลื่อนย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่ วัดจามเทวี จ.ลำพูน อีก 8 ปีต่อมา คือ พ.ศ. 2489 จึงได้รับพระราชทานเพลิงศพ หลังจากงานพระราชทานเพลิงศพเสร็จสิ้น จึงได้มีพิธีพุทธาภิเษก และจัดแบ่งอัฐิของนักบุญแห่งล้านนาไปบรรจุไว้ที่ต่างๆ
แล้วในวันที่ 27 ตุลาคม ปี พ.ศ.2517 หลวงปู่ชุ่มยังได้ไปเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกเหรียญครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่งจัดสร้างขึ้นใหม่ ณ วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน อีกด้วย นับว่าหลวงปู่ชุ่มท่านได้แสดงมุทิตาจิตต่อพระอาจารย์ของตนเป็นอย่างดียิ่ง ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงปู่ชุ่มยิ่งขจรไกล ความเลื่องลือเกี่ยวกับวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นด้วย บางครั้งเหล่าผู้มีจิตศรัทธาสร้างขึ้น และนำมาให้ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่องทั้งประเภทเนื้อโลหะ และประเภทเนื้อผง
เมื่อผู้เลื่อมใสศรัทธานำไปพกพาติดตัว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ต่างประสบเหตุการณ์ มีอภินิหารต่างๆ นานา ทั้งด้านเมตตามหานิยม มหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน ส่งผลให้ชาวจังหวัดลำพูน และชาวจังหวัดใกล้เคียงในยุคนั้น ต่างแวะเวียนมากราบนมัสการท่าน เพื่อขอของดีกันไม่ขาดสาย ท่านจึงมักเมตตาทำวัตถุมงคลแต่ละชนิดให้แต่ละคนตามวาสนาที่แตกต่างกัน โดยที่หลวงปู่ชุ่มไม่เคยตั้งราคาวัตถุมงคลที่ท่านแจกเลย ทั้งนี้ผู้มีจิตศรัทธาจะทำบุญกับท่านตามกำลังทรัพย์ที่พึงมี ปัจจัยทั้งหลายที่มีผู้ทำบุญถวายแด่ท่าน ล้วนถูกนำไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ และการศาสนาทั้งสิ้น
วัตถุมงคลของท่านในยุคเริ่มแรกจะเป็น ผ้ายันต์ ตะกรุด ล็อกเกตรูปถ่ายของท่าน และพระผงที่จัดสร้างเพื่อนำไปบรรจุตามพระเจดีย์ต่างๆ ที่ท่านไปนั่งหนักเป็นประธานสร้าง หรือบูรณปฏิสังขรณ์ไว้นั่นเอง
===============================
ประวัติครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย จ.ลำพูน
ครูบาชุ่ม โพธิโก ท่านเกิด ณ.บ้านวังมุย ต.ประตูป่า อ.เมือง จ.ลำพูน วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2442 ปีกุน โยมบิดาท่านชื่อ พ่อบุญ โยมมารดาท่านชื่อแม่ลุน นามสกุล นันตละ ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน
ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 12 ปี โดยมีครูบาอินตา วัดพระขาวลำพูนเป็นพระอุปัชฌาย์ท่านได้เล่าเรียนหนังสือกับ ท่านเจ้าอาวาสวังมุย จนอ่านออกเขียนได้ จึงได้มุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อศึกษาเล่าเรียนไม่ว่าจะเป็น วัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวง และสำนักต่างๆ ที่มีพระอาจารย์ เก่งๆ ประจำอยู่
เมื่ออายุม่านย่างเข้า 20 ปี ท่านได้เดินทางกลับวัดวังมุยเพื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีครูบาอินตาเป็น พระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์หมื่นเป็น พระกรรมวาจาจารย์พระอาจารย์ หลวงจ้อยเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า "โพธิโก" ท่านได้ออกเดินทางไปศึกษาหาความรู้ด้านวิปัสนา กัมมัฎฐานนอกจากนั้นหลวงพ่อได้สนใจที่จะศึกษาเล่าเรียนทางด้านวิชาอาคม และการพิชัยสงครามอีกด้วย ท่ายได้เดินทางไปศึกษากับครูบาสุริยะวัดท้าวบุญเรือง ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้ศึกษาศาสตร์สนธิทั้งแปดมรรคแปดอรรคคาถาบาลี มูลกัจจาย จนท่านสามารถแปล และผูกพระคาถาได้
เมื่อท่านศึกษาจนจบแล้ว ท่านได้ไปศึกษากับพระครูบาศรีวิชัย (คนละคนกับครูบาศรีวิชัยที่เป็นตนบุญล้านนา) วัดร้องแหย่ ต.หนองแก๋ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ผู้เป็นพระอาจารย์ทางด้านวิปัสนากัมมัฎฐาน และเป็นพระนักปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ท่านครูบาองค์นี้มีอายุถึง 70 ปี แต่ยังแข็งแรง มีผิวพรรณสดใสและเป็นพระผู้มีปฏิปทามากผู้หนึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดอาคมไสยเวทย์ และการฝึกกระแสจิตควบคู่กันไป
ในขณะที่ท่านอยู่ที่วัดร้องแหย่งนั้น ท่านครูบาศรีวิชัยแห่งวัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน ก็ได้มาเยี่ยมเยียนสัการะท่าน ครูบาศรีวิชัย วัดร้องแหย่งเสมอ และบางครั้งท่านได้อยู่จำวัดและร่วมสวดมนต์ทำวัตรและปฎิบัติกัมมัฎฐานด้วย และเห็นว่าท่านครูบาศรีวิชัย วัดบ้านปางท่านมีความเคารพนับถือท่านครูบาศรีวิชัยวัดร้องแหย่งมาก ต่อมากท่านได้ไปศึกษากับ ครูบาแสนวัดหนองหมู จ.ลำพูน เป็นเวลา 2 ปี ท่านได้เดินทางกลับวัดวังมุย
ต่อมาท่านได้ออกธุดงค์ไปยัง ต.บ้านก้อ อ.ลี้ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงจนมีสานุศิษย์มากมายต่อจากนั้นท่านได้เดินทางไปถึงพระบรมธาตุดอยเกิ้ง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพระธาตุเก่าแก่มีประวัติเล่าขาลกันตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ตอนนั้นพระธาตุดอยเกิ้งนั้นมีสภาพทรุดโทรมมาก ท่านจึงมีความตั้งใจที่จะบูรณะองค์พระธาตุโดยมีชาวบ้าน ชาวเขามาร่วมในการครั้งนั้นมากมาย กินเวลา 45 วัน จึงแล้วเสร็จ หลังจากนั้นท่านได้เดินทางต่อไปจนถึง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง และอยู่บูรณะวัดห้างฉัตรเป็นเวลาถึง 3 พรรษา และท่านได้สร้างสะพานต่างๆ มากมายเช่นสะพาน ต.ยุหว่า, สะพาน ต.สันทราย, สะพานป่าเดื่อ, สะพานวัดชัยชนะ ฯลฯ
ในปีพ.ศ.2478 ท่านครูบาศรีวิชัยได้สร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ขณะนั้นหลวงพ่อมีอายุได้ 37 ปี ได้เข้าร่วมในการสร้าทางท่านได้มีโอกาสรับใช้อย่างใกล้ชิด คราวท่านครูบาศรีวิชัยถูกเรียกตัวเข้ากรุงเทพหลวงพ่อได้รับหน้าที่ดูแลรักษาวัด รับแขกที่มาทำบุญแทนท่านครูบาฯ ท่านได้ร่วมบูรณะวัดวาอารามต่างๆ กับท่านครูบาศรีวิชัยมากมายขณะที่ครูบาศรีวิชัยป่วยอยู่ที่วัดจามเทวี ท่านได้ไปเฝ้าพยาบาล และท่านได้ร่วมกับครูบาธรรมชัยวัดประตูป่า ให้ช่างมาปั้นรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยเนื้อปูนปั้นและนำไปหาท่านครูบาที่วัดจามเทวี เมื่อครูบาท่านเห็นรูปของท่านแล้ว น้ำตาได้เอ่อคลอเบ้าตาและท่านได้เอามือลูบไล้รูปเหมือนของท่าน และได้มอบพัดหางนกยูงและไม้เท้าของท่านให้ครูบาชุ่มและได้สั่งเสียว่า ให้ท่านรักษาให้ดีให้ถือปฏิบัติเหมือนตัวแทนของท่าน
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
รูปหล่อปั๊ม ครูบาชุ่ม วัดวังมุย ปี 2519
รูปหล่อปั๊ม ครูบาชุ่มวัดวังมุย สร้างเมื่อ พ.ศ.2519 ปลูกเสกโดยครูบาชัยวงศ์ ของดีหายากของชาวลำพูน
รูปหล่อปั๊มรุ่นแรกของครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย ต.ประตูป่า จ.ลำพูน
พิมพ์ที่เห็นนี้สร้าง ภายหลังครูบาชุ่มได้มรณะภาพลงไปแล้ว คือในปี พ.ศ 2519
ในระหว่างที่สรีระสังขารของท่านรอการพระราชทานเพลิงศพ คณะศิษย์ได้มีการจัดสร้างรูปหล่อเหมือน
ขนาดเท่าองค์จริง ทั้งท่ายืนและท่านั่งสมาธิ อย่างละ 1 องค์ นอกจากนี้ก็มีการสร้างรูปหล่อขนาดบูชา 5 นิ้ว
และรูปหล่อปั๊มขนาดเล็กห้อยคอเนื้อทองแดงรมดำ ตามแบบที่เห็นนี้
ในพิธีพุทธาภิเษก วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2520 มีครูบาอาจารย์หลายท่านมาร่วมในงานพิธี
โดยมีครูบาชัยยะวงศาเป็นประธานพิธีในฝ่ายสงฆ์
พระมหาเถระ คณาจารย์ชื่อดังของภาคเหนืออีกหลายรูป
อาทิครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง เชียงใหม่
ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ลำพูน
ครูบาคำแสน วัดสวนดอก เชียงใหม่
ครูบาคำแสน วัดป่าดอนมูล สันกำแพง เชียงใหม่ ฯลฯ
เป็นรูปหล่อที่มีประสบการณ์ในเรื่องคงกระพันเด่นเป็นพิเศษ
อีกทั้งเรื่องเมตตามหานิยมก็ไม่ธรรมดา พุทธคุณของพระเครื่องครูบาชุ่มในพื้นที่ต่างทราบกันดี
แม้ไม่ทันท่าน แต่ก็ผ่านพิธีที่พร้อมสมบูรณ์ในทุกด้าน
===============================
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เคยกล่าวกับศิษยานุศิษย์ของท่านว่า
“หลวงปู่ชุ่ม ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และเป็นพระน้อยองค์นักที่จะสามารถเข้านิโรธสมาบัติได้ทุกอิริยาบถ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน”
=================================
หลวงปู่ชุ่ม หรือ ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก เป็นพระผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ท่านปฏิบัติตามแนวทางกรรมฐาน 40 ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างอุกฤษฏ์ ชนิดยอมเอาชีวิตเข้าแลก จึงปรากฏว่าท่านเป็นที่เคารพบูชาของชาวล้านนา และบุคคลทั่วไปอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเมื่อ 30 ปีก่อน นามของท่านยิ่งขจรขจายฟุ้งไปอีก กับเรื่องราวที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติ
หลวงปู่ชุ่มเป็นพระที่รอบรู้และเคร่งครัดในพระธรรมวินัย บำเพ็ญบารมี 10 ประการ อันประเสริฐตลอดชีวิตสมณเพศ และมีความวิริยะอุตสาหะปฏิบัติเพื่อมรรคผลสูงสุดในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ด้วยพลังแห่งฌานสมาบัติที่แก่กล้า และพลังแห่งเมตตาจิต รวมทั้งสรรพวิชาที่ท่านได้เพียรศึกษาและสั่งสมมาตามคติครูบาอาจารย์ ทำให้กิตติศัพท์ความเก่งกล้าทางด้านวิชาพุทธาคมของหลวงปู่ชุ่ม เป็นที่เชื่อมั่นในหมู่ประชาชนยิ่งนัก โดยเฉพาะด้านคงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด
หลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร วัดป่าดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ผู้เป็นสหธรรมมิกอาวุโสสูงกว่า เคยนิมนต์หลวงปู่ชุ่มไปเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่อง เพื่อหาทุนสร้างโรงเรียนและศาลาวัดป่าดอนมูล กล่าวว่า “หลวงปู่ชุ่มท่านเป็นพระภิกษุที่มีความชำนาญด้านการผูกอักขระเลขยันต์ต่างๆ รวมทั้งมีอำนาจฌานสมบัติที่แกกล้าและขลังมาก” หลวงปู่ชุ่มได้รับนิมนต์ให้ไปเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกหลายงาน ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง ได้แก่ พิธีพุทธาภิเษกอัฐิท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง จ.ลำพูน หลวงปู่ชุ่มเป็นองค์ประธานในพิธี มีพระอริยะเจ้าทั่วภาคเหนือเข้าร่วมในพิธีนี้ ซึ่งนับเป็นประวัติการณ์อันมิได้ปรากฏขึ้นโดยง่าย
ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาซึ่งเป็นพระอาจารย์ของครูบาเจ้าชุ่ม ท่านมรณภาพ ในปี พ.ศ.2481 วัดบ้านปางเก็บรักษาสังขารของท่านไว้ระยะหนึ่ง จากนั้นได้เคลื่อนย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่ วัดจามเทวี จ.ลำพูน อีก 8 ปีต่อมา คือ พ.ศ. 2489 จึงได้รับพระราชทานเพลิงศพ หลังจากงานพระราชทานเพลิงศพเสร็จสิ้น จึงได้มีพิธีพุทธาภิเษก และจัดแบ่งอัฐิของนักบุญแห่งล้านนาไปบรรจุไว้ที่ต่างๆ
แล้วในวันที่ 27 ตุลาคม ปี พ.ศ.2517 หลวงปู่ชุ่มยังได้ไปเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกเหรียญครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่งจัดสร้างขึ้นใหม่ ณ วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน อีกด้วย นับว่าหลวงปู่ชุ่มท่านได้แสดงมุทิตาจิตต่อพระอาจารย์ของตนเป็นอย่างดียิ่ง ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงปู่ชุ่มยิ่งขจรไกล ความเลื่องลือเกี่ยวกับวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นด้วย บางครั้งเหล่าผู้มีจิตศรัทธาสร้างขึ้น และนำมาให้ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่องทั้งประเภทเนื้อโลหะ และประเภทเนื้อผง
เมื่อผู้เลื่อมใสศรัทธานำไปพกพาติดตัว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ต่างประสบเหตุการณ์ มีอภินิหารต่างๆ นานา ทั้งด้านเมตตามหานิยม มหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน ส่งผลให้ชาวจังหวัดลำพูน และชาวจังหวัดใกล้เคียงในยุคนั้น ต่างแวะเวียนมากราบนมัสการท่าน เพื่อขอของดีกันไม่ขาดสาย ท่านจึงมักเมตตาทำวัตถุมงคลแต่ละชนิดให้แต่ละคนตามวาสนาที่แตกต่างกัน โดยที่หลวงปู่ชุ่มไม่เคยตั้งราคาวัตถุมงคลที่ท่านแจกเลย ทั้งนี้ผู้มีจิตศรัทธาจะทำบุญกับท่านตามกำลังทรัพย์ที่พึงมี ปัจจัยทั้งหลายที่มีผู้ทำบุญถวายแด่ท่าน ล้วนถูกนำไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ และการศาสนาทั้งสิ้น
วัตถุมงคลของท่านในยุคเริ่มแรกจะเป็น ผ้ายันต์ ตะกรุด ล็อกเกตรูปถ่ายของท่าน และพระผงที่จัดสร้างเพื่อนำไปบรรจุตามพระเจดีย์ต่างๆ ที่ท่านไปนั่งหนักเป็นประธานสร้าง หรือบูรณปฏิสังขรณ์ไว้นั่นเอง
===============================
ประวัติครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย จ.ลำพูน
ครูบาชุ่ม โพธิโก ท่านเกิด ณ.บ้านวังมุย ต.ประตูป่า อ.เมือง จ.ลำพูน วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2442 ปีกุน โยมบิดาท่านชื่อ พ่อบุญ โยมมารดาท่านชื่อแม่ลุน นามสกุล นันตละ ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน
ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 12 ปี โดยมีครูบาอินตา วัดพระขาวลำพูนเป็นพระอุปัชฌาย์ท่านได้เล่าเรียนหนังสือกับ ท่านเจ้าอาวาสวังมุย จนอ่านออกเขียนได้ จึงได้มุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อศึกษาเล่าเรียนไม่ว่าจะเป็น วัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวง และสำนักต่างๆ ที่มีพระอาจารย์ เก่งๆ ประจำอยู่
เมื่ออายุม่านย่างเข้า 20 ปี ท่านได้เดินทางกลับวัดวังมุยเพื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีครูบาอินตาเป็น พระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์หมื่นเป็น พระกรรมวาจาจารย์พระอาจารย์ หลวงจ้อยเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า "โพธิโก" ท่านได้ออกเดินทางไปศึกษาหาความรู้ด้านวิปัสนา กัมมัฎฐานนอกจากนั้นหลวงพ่อได้สนใจที่จะศึกษาเล่าเรียนทางด้านวิชาอาคม และการพิชัยสงครามอีกด้วย ท่ายได้เดินทางไปศึกษากับครูบาสุริยะวัดท้าวบุญเรือง ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้ศึกษาศาสตร์สนธิทั้งแปดมรรคแปดอรรคคาถาบาลี มูลกัจจาย จนท่านสามารถแปล และผูกพระคาถาได้
เมื่อท่านศึกษาจนจบแล้ว ท่านได้ไปศึกษากับพระครูบาศรีวิชัย (คนละคนกับครูบาศรีวิชัยที่เป็นตนบุญล้านนา) วัดร้องแหย่ ต.หนองแก๋ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ผู้เป็นพระอาจารย์ทางด้านวิปัสนากัมมัฎฐาน และเป็นพระนักปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ท่านครูบาองค์นี้มีอายุถึง 70 ปี แต่ยังแข็งแรง มีผิวพรรณสดใสและเป็นพระผู้มีปฏิปทามากผู้หนึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดอาคมไสยเวทย์ และการฝึกกระแสจิตควบคู่กันไป
ในขณะที่ท่านอยู่ที่วัดร้องแหย่งนั้น ท่านครูบาศรีวิชัยแห่งวัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน ก็ได้มาเยี่ยมเยียนสัการะท่าน ครูบาศรีวิชัย วัดร้องแหย่งเสมอ และบางครั้งท่านได้อยู่จำวัดและร่วมสวดมนต์ทำวัตรและปฎิบัติกัมมัฎฐานด้วย และเห็นว่าท่านครูบาศรีวิชัย วัดบ้านปางท่านมีความเคารพนับถือท่านครูบาศรีวิชัยวัดร้องแหย่งมาก ต่อมากท่านได้ไปศึกษากับ ครูบาแสนวัดหนองหมู จ.ลำพูน เป็นเวลา 2 ปี ท่านได้เดินทางกลับวัดวังมุย
ต่อมาท่านได้ออกธุดงค์ไปยัง ต.บ้านก้อ อ.ลี้ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงจนมีสานุศิษย์มากมายต่อจากนั้นท่านได้เดินทางไปถึงพระบรมธาตุดอยเกิ้ง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพระธาตุเก่าแก่มีประวัติเล่าขาลกันตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ตอนนั้นพระธาตุดอยเกิ้งนั้นมีสภาพทรุดโทรมมาก ท่านจึงมีความตั้งใจที่จะบูรณะองค์พระธาตุโดยมีชาวบ้าน ชาวเขามาร่วมในการครั้งนั้นมากมาย กินเวลา 45 วัน จึงแล้วเสร็จ หลังจากนั้นท่านได้เดินทางต่อไปจนถึง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง และอยู่บูรณะวัดห้างฉัตรเป็นเวลาถึง 3 พรรษา และท่านได้สร้างสะพานต่างๆ มากมายเช่นสะพาน ต.ยุหว่า, สะพาน ต.สันทราย, สะพานป่าเดื่อ, สะพานวัดชัยชนะ ฯลฯ
ในปีพ.ศ.2478 ท่านครูบาศรีวิชัยได้สร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ขณะนั้นหลวงพ่อมีอายุได้ 37 ปี ได้เข้าร่วมในการสร้าทางท่านได้มีโอกาสรับใช้อย่างใกล้ชิด คราวท่านครูบาศรีวิชัยถูกเรียกตัวเข้ากรุงเทพหลวงพ่อได้รับหน้าที่ดูแลรักษาวัด รับแขกที่มาทำบุญแทนท่านครูบาฯ ท่านได้ร่วมบูรณะวัดวาอารามต่างๆ กับท่านครูบาศรีวิชัยมากมายขณะที่ครูบาศรีวิชัยป่วยอยู่ที่วัดจามเทวี ท่านได้ไปเฝ้าพยาบาล และท่านได้ร่วมกับครูบาธรรมชัยวัดประตูป่า ให้ช่างมาปั้นรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยเนื้อปูนปั้นและนำไปหาท่านครูบาที่วัดจามเทวี เมื่อครูบาท่านเห็นรูปของท่านแล้ว น้ำตาได้เอ่อคลอเบ้าตาและท่านได้เอามือลูบไล้รูปเหมือนของท่าน และได้มอบพัดหางนกยูงและไม้เท้าของท่านให้ครูบาชุ่มและได้สั่งเสียว่า ให้ท่านรักษาให้ดีให้ถือปฏิบัติเหมือนตัวแทนของท่าน
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |