จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ไม่จำกัด ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | วัวธนู เสือ สิงห์ คชสีห์ พญามอม |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
วัวธนูปั้นมือ ฝังตะกรุด รุ่น 2 พระมหาวารินทร์ วัดสันต้นหมื้อ จ.เชียงใหม่
วัวธนูเนื้อดิน 7 ป่าช้า ปั้นมือ ฝังตะกรุดใต้ท้องทุกตัว
พุทธคุณเมตตามหานิยม ทำมาค้าขึ้น ป้องกันภยันตราย ป้องกันผีและคุณไสยต่างๆ ลมเพ ลมพัด
พิธีปลุกเสกวัวธนู เริ่มโดยการอ่านโองการอัญเชิญเทพเทวดา และครูบาอาจารย์ทั้งหมดของพระมหาวารินทร์ วัดสันต้นหมื้อ มาช่วยปลุกเสก จนครบ 7 จบ ต่อจากนั้นกำหนดจิตนิมิตถึง วัวที่ปลุกเสก ทำการตั้งธาตุสี่ เสกอาการ 32 ทำการเรียกสูตรเรียกนามเรียกจิต วัวลงในหุ่นที่เตรียมไว้ ให้มีอิทธิฤทธิ์และพละกำลังมหาศาล เสกต่อจนเกิดนิมิต ว่าวัวธนูสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ ดุจดั่งมีชีวิตจริงๆ จากนั้นได้เสกด้วยคาถาเมตตา คาถามหาลาภ คาถาป้องกันภยันตราย คากันผีและคุณไสยต่างๆ ลมเพ ลมพัด ตามตำราล้านนาที่ท่านได้รับสืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ จนครบตามตำรา จนมั่นใจ จึงออกให้ญาติโยมได้บูชา
-----------------------------------
วัวธนู เป็นเครื่องรางตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ สะท้อนให้เห็นระบบความเชื่อทางไสยศาสตร์ของสังคมเกษตรกรรม อันมีความผูกพันกับวัฒนธรรมข้าว ซึ่งเลี้ยงวัวควายไว้ใช้งานในด้านการเกษตร วิชาเหล่านี้เป็นการทำหุ่นพยนต์รูปแบบหนึ่ง หุ่นพยนต์สามารถทำได้ทั้งรูปคนและสัตว์ ที่นิยมมีทั้งวัวธนูและควายธนู สามารถสร้างได้หลายวิธี เช่น สานจากไม้ไผ่ ปั้นด้วยดินผสมมวลสาร ปั้นจากขี้ผึ้ง ไปจนถึงหล่อขึ้นด้วยโลหะอาถรรพ์ เช่น ตะปูโลงศพเจ็ดป่าช้า ,เหล็กขนันผีพราย ,เหล็กยอดเจดีย์ เป็นต้น เอามาหลอมรวมกันหล่อเป็นรูปควาย บางสำนักใช้โครงเป็นไม้ไผ่แล้วพอกด้วยครั่งที่ได้จากต้นพุททรา เมื่อทำสำเร็จแล้วต้องปลุกเสกตามพิธีกรรม แล้วเลี้ยงไว้ให้ดี ต้องหาหญ้าและน้ำเลี้ยงเสมอ
เชื่อว่าสามารถใช้ให้เฝ้าบ้านหรือไร่นา ใช้งานได้ตามความประสงค์ ทั้งป้องกันภูตผีและโจรผู้ร้าย
++++++++++++++++++++++++++++++++
#การนำวัวเข้าบ้าน
การนำวัวเข้าบ้าน ให้จุดธูป 9 ดอก บอกเจ้าที่เจ้าทาง และ 1 ดอกบอกผีบ้านผีเรือน 3 ดอกบอกพระบูชาในบ้านครับ เมื่อนำเข้ามาแล้ว ให้บอกวัวธนูว่าบุคคลในบ้านมีใครบ้าง และจุดประสงค์ที่ต้องการให้วัวช่วยเช่นเฝ้าบ้านเฝ้าทรัพย์สินเงินทอง
#เตรียมที่เลี้ยง
เมื่อได้วัวธนูที่สร้างอย่างถูกต้องมาแล้ว ให้หาพานเอาผ้าขาวที่ยังไม่ได้ใช้รองพื้นไว้ก็จะดีเป็นโฉลกมงคล ถ้าเลี้ยงไว้หลายตัวก็ควรนำไม้มาต่อเป็นคอกเล็กๆเพื่อเลี้ยง
***ที่เลี้ยงห้ามไว้เหนือพระเด็ดขาดนะครับ ควรวางแยกกับหิ้งพระบูชา***“แต่ถ้าคุณเอาวัวธนูไว้ในคอก กรุณาอย่าปิดคอกนะครับ โบราณเขาถือเวลามีเหตุอะไรถ้าปิดคอกไว้วัวจะออกมาช่วยไม่ได้ครับ” แต่ถ้าคุณคิดว่าจะนำวัวธนูติดตัวไปไหนต่อไหน ก็ให้หาผ้าขาวมาห่อและใส่กระปำเสื้อไป เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วก็ให้นำเขาไปวางไว้ในที่ครับ
#หญ้าของวัวธนู
ให้ใช้หญ้าใส่ลงในแจกันครับ ในแจกันให้ใส่น้ำไว้ครึ่งนึงด้วยจะดีมาก
#ของเซ่นวัวธนู
เมื่อเตรียมหิ้งสำหรับเลี้ยงและหญ้าเสร็จแล้ว ก็ให้นำถ้วยเล็กๆใส่น้ำไว้หนึ่งใบ แจกันใส่หญ้าอีกหนึ่งใบ แจกันใส่หญ้าก็ให้ใส่น้ำไว้ครึ่งหนึ่งด้วยครับ เอาไว้เลี้ยงวัวธนู
***หญ้าที่นำมาเลี้ยงควรเป็นหญ้าคานะครับ ถ้าหาไม่ได้ก็ให้ใช้ใบอ้อยแทน แต่ถ้าจนด้วยเกล้าจริงๆหาไม่ได้เลยทั้งหญ้าคาและใบอ้อยก็เอาหญ้าธรรมดาก็ได้แต่ให้เลือกเอาตรงที่ที่ไม่มีคนเหยียบย่ำบ่อยๆ
***ที่สำคัญถ้าคุณไม่มีวิชาอาคมกรุณาอย่าเอาเหล้าและของคาวบูชาวัวธนูเด็ดขาดครับ วิธีนี้ผู้ที่ทำต้องมีความรู้มากถึงสามารถนำเหล้าและข้าวเส้นได้เพื่อเพิ่มพลังให้วัวแรงขึ้นครับ อย่างเราๆท่านๆทำอาจเกิดอันตรายได้เนื่องจากเวลาวัวเมาแล้วเราไม่มีวิชากำกับวัวก็อาจทำร้ายเราได้
วิธีบูชา "วัวธนู" จุดเทียน 1 คู่ ธูป 4 ดอก น้อมรำลึกถึงครูบาอาจารย์ แล้วให้ภาวนาคาถากำกับว่า
"เวทาสากุกุ ทาสาเวทา ยัสสะตะถะสาสา ทิกุกุทิสาสา กุตะกุภูตะภุโค โหตุเต ชัยยะมังคะลานิ"
....................................................................
ประวัติโดยย่อ พระอาจารย์มหาวารินทร์ นรินโท
วัดสันต้นหมื้อ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
ท่านเกิดวันพฤหัสบดี ที่ 10 มกราคม 2517 บิดาชื่อ ศรีทน นิภา(เสียชีวิตแล้ว) มารดาชื่อ นางขันคำ นิภา ท่านมีเชื้อชาติและสัญชาติไทย เป็นคนเชียงใหม่แต่กำเนิด
-ท่านบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2531 ณ.วัดท่าตอน พระอารามหลวง โดยมี พระครูวิมลกิตติสาร (ปัจจุบัน ได้รับพระราชทานทินนามเป็น พระเทพมังคลาจารย์) เจ้าอาวาสวัดท่าตอน พระอารามหลวงเป็นพระอุปัชฌาย์
-อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2539 ณ.วัดท่าตอน พระอารามหลวง โดยมีพระครูวิมลกิตติสาร ปริยเมธี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูศรีสิทธิฌาณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีพระบุญเลิศ ธีรานนฺโท (ปัจจุบันได้รับพระราชทานทินที่พระวิมลญาณมุนี)วัดท่าตอน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
-มีอาจารย์พ่อหนานประพันธ์ วงศาฟู เป็นอาจารย์ฝ่ายฆารวาส พ่อหนานประพันธ์ ท่านเป็นคนบ้านป่าบงงามต.บ้านด้าย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และเป็นอาจารย์ของครูบาเหนือชัย และเป็นศิษย์ผู้พี่ครูบาอิ่นแก้ว วัดสันลิดไม้เกจิหลายๆองค์ที่ไม่ได้เอ่ยนามพ่อหนานประพันธ์ท่านเก่งศาตร์ทุกแขนง
-การศึกษา ปี 2531 จบประถมศึกษาปีที่6จากโรงเรียนบ้านป่าแดง ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ปี 2533 จบประโยคนักธรรมชั้นเอก จากสำนักเรียนวัดท่าตอน พระอารามหลวง ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ปี 2538 จบเปรียญธรรม 6 ประโยค จากสำนักเรียนวัดท่าตอน พระอารามหลวง ศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช
-การทำงาน(2533-2537) เป็นครูสอนโรงเรียนพุทธศานาวันอาทิตย์ วัดท่าตอน พระอารามหลวง (2535-2538) เป็นครูสอนนักธรรม วัดท่าตอน พระอารามหลวง(2538-2546)เป็นครูสอนภาษาบาลีโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดท่าตอน (2539-ปัจจุบัน)เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมวัดท่าตอน (2546-ปัจจุบัน)เป็นวิทยากรอบรมค่ายคุณธรรม-จริยธรรม ของวัดท่าตอน (2549-ปัจจุบัน)ปัจจุบันรับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลสันต้นหมื้อและเจ้าอาวาสวัดสันต้นหมื้อ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
วัวธนูปั้นมือ ฝังตะกรุด รุ่น 2 พระมหาวารินทร์ วัดสันต้นหมื้อ จ.เชียงใหม่
วัวธนูเนื้อดิน 7 ป่าช้า ปั้นมือ ฝังตะกรุดใต้ท้องทุกตัว
พุทธคุณเมตตามหานิยม ทำมาค้าขึ้น ป้องกันภยันตราย ป้องกันผีและคุณไสยต่างๆ ลมเพ ลมพัด
พิธีปลุกเสกวัวธนู เริ่มโดยการอ่านโองการอัญเชิญเทพเทวดา และครูบาอาจารย์ทั้งหมดของพระมหาวารินทร์ วัดสันต้นหมื้อ มาช่วยปลุกเสก จนครบ 7 จบ ต่อจากนั้นกำหนดจิตนิมิตถึง วัวที่ปลุกเสก ทำการตั้งธาตุสี่ เสกอาการ 32 ทำการเรียกสูตรเรียกนามเรียกจิต วัวลงในหุ่นที่เตรียมไว้ ให้มีอิทธิฤทธิ์และพละกำลังมหาศาล เสกต่อจนเกิดนิมิต ว่าวัวธนูสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ ดุจดั่งมีชีวิตจริงๆ จากนั้นได้เสกด้วยคาถาเมตตา คาถามหาลาภ คาถาป้องกันภยันตราย คากันผีและคุณไสยต่างๆ ลมเพ ลมพัด ตามตำราล้านนาที่ท่านได้รับสืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ จนครบตามตำรา จนมั่นใจ จึงออกให้ญาติโยมได้บูชา
-----------------------------------
วัวธนู เป็นเครื่องรางตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ สะท้อนให้เห็นระบบความเชื่อทางไสยศาสตร์ของสังคมเกษตรกรรม อันมีความผูกพันกับวัฒนธรรมข้าว ซึ่งเลี้ยงวัวควายไว้ใช้งานในด้านการเกษตร วิชาเหล่านี้เป็นการทำหุ่นพยนต์รูปแบบหนึ่ง หุ่นพยนต์สามารถทำได้ทั้งรูปคนและสัตว์ ที่นิยมมีทั้งวัวธนูและควายธนู สามารถสร้างได้หลายวิธี เช่น สานจากไม้ไผ่ ปั้นด้วยดินผสมมวลสาร ปั้นจากขี้ผึ้ง ไปจนถึงหล่อขึ้นด้วยโลหะอาถรรพ์ เช่น ตะปูโลงศพเจ็ดป่าช้า ,เหล็กขนันผีพราย ,เหล็กยอดเจดีย์ เป็นต้น เอามาหลอมรวมกันหล่อเป็นรูปควาย บางสำนักใช้โครงเป็นไม้ไผ่แล้วพอกด้วยครั่งที่ได้จากต้นพุททรา เมื่อทำสำเร็จแล้วต้องปลุกเสกตามพิธีกรรม แล้วเลี้ยงไว้ให้ดี ต้องหาหญ้าและน้ำเลี้ยงเสมอ
เชื่อว่าสามารถใช้ให้เฝ้าบ้านหรือไร่นา ใช้งานได้ตามความประสงค์ ทั้งป้องกันภูตผีและโจรผู้ร้าย
++++++++++++++++++++++++++++++++
#การนำวัวเข้าบ้าน
การนำวัวเข้าบ้าน ให้จุดธูป 9 ดอก บอกเจ้าที่เจ้าทาง และ 1 ดอกบอกผีบ้านผีเรือน 3 ดอกบอกพระบูชาในบ้านครับ เมื่อนำเข้ามาแล้ว ให้บอกวัวธนูว่าบุคคลในบ้านมีใครบ้าง และจุดประสงค์ที่ต้องการให้วัวช่วยเช่นเฝ้าบ้านเฝ้าทรัพย์สินเงินทอง
#เตรียมที่เลี้ยง
เมื่อได้วัวธนูที่สร้างอย่างถูกต้องมาแล้ว ให้หาพานเอาผ้าขาวที่ยังไม่ได้ใช้รองพื้นไว้ก็จะดีเป็นโฉลกมงคล ถ้าเลี้ยงไว้หลายตัวก็ควรนำไม้มาต่อเป็นคอกเล็กๆเพื่อเลี้ยง
***ที่เลี้ยงห้ามไว้เหนือพระเด็ดขาดนะครับ ควรวางแยกกับหิ้งพระบูชา***“แต่ถ้าคุณเอาวัวธนูไว้ในคอก กรุณาอย่าปิดคอกนะครับ โบราณเขาถือเวลามีเหตุอะไรถ้าปิดคอกไว้วัวจะออกมาช่วยไม่ได้ครับ” แต่ถ้าคุณคิดว่าจะนำวัวธนูติดตัวไปไหนต่อไหน ก็ให้หาผ้าขาวมาห่อและใส่กระปำเสื้อไป เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วก็ให้นำเขาไปวางไว้ในที่ครับ
#หญ้าของวัวธนู
ให้ใช้หญ้าใส่ลงในแจกันครับ ในแจกันให้ใส่น้ำไว้ครึ่งนึงด้วยจะดีมาก
#ของเซ่นวัวธนู
เมื่อเตรียมหิ้งสำหรับเลี้ยงและหญ้าเสร็จแล้ว ก็ให้นำถ้วยเล็กๆใส่น้ำไว้หนึ่งใบ แจกันใส่หญ้าอีกหนึ่งใบ แจกันใส่หญ้าก็ให้ใส่น้ำไว้ครึ่งหนึ่งด้วยครับ เอาไว้เลี้ยงวัวธนู
***หญ้าที่นำมาเลี้ยงควรเป็นหญ้าคานะครับ ถ้าหาไม่ได้ก็ให้ใช้ใบอ้อยแทน แต่ถ้าจนด้วยเกล้าจริงๆหาไม่ได้เลยทั้งหญ้าคาและใบอ้อยก็เอาหญ้าธรรมดาก็ได้แต่ให้เลือกเอาตรงที่ที่ไม่มีคนเหยียบย่ำบ่อยๆ
***ที่สำคัญถ้าคุณไม่มีวิชาอาคมกรุณาอย่าเอาเหล้าและของคาวบูชาวัวธนูเด็ดขาดครับ วิธีนี้ผู้ที่ทำต้องมีความรู้มากถึงสามารถนำเหล้าและข้าวเส้นได้เพื่อเพิ่มพลังให้วัวแรงขึ้นครับ อย่างเราๆท่านๆทำอาจเกิดอันตรายได้เนื่องจากเวลาวัวเมาแล้วเราไม่มีวิชากำกับวัวก็อาจทำร้ายเราได้
วิธีบูชา "วัวธนู" จุดเทียน 1 คู่ ธูป 4 ดอก น้อมรำลึกถึงครูบาอาจารย์ แล้วให้ภาวนาคาถากำกับว่า
"เวทาสากุกุ ทาสาเวทา ยัสสะตะถะสาสา ทิกุกุทิสาสา กุตะกุภูตะภุโค โหตุเต ชัยยะมังคะลานิ"
....................................................................
ประวัติโดยย่อ พระอาจารย์มหาวารินทร์ นรินโท
วัดสันต้นหมื้อ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
ท่านเกิดวันพฤหัสบดี ที่ 10 มกราคม 2517 บิดาชื่อ ศรีทน นิภา(เสียชีวิตแล้ว) มารดาชื่อ นางขันคำ นิภา ท่านมีเชื้อชาติและสัญชาติไทย เป็นคนเชียงใหม่แต่กำเนิด
-ท่านบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2531 ณ.วัดท่าตอน พระอารามหลวง โดยมี พระครูวิมลกิตติสาร (ปัจจุบัน ได้รับพระราชทานทินนามเป็น พระเทพมังคลาจารย์) เจ้าอาวาสวัดท่าตอน พระอารามหลวงเป็นพระอุปัชฌาย์
-อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2539 ณ.วัดท่าตอน พระอารามหลวง โดยมีพระครูวิมลกิตติสาร ปริยเมธี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูศรีสิทธิฌาณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีพระบุญเลิศ ธีรานนฺโท (ปัจจุบันได้รับพระราชทานทินที่พระวิมลญาณมุนี)วัดท่าตอน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
-มีอาจารย์พ่อหนานประพันธ์ วงศาฟู เป็นอาจารย์ฝ่ายฆารวาส พ่อหนานประพันธ์ ท่านเป็นคนบ้านป่าบงงามต.บ้านด้าย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และเป็นอาจารย์ของครูบาเหนือชัย และเป็นศิษย์ผู้พี่ครูบาอิ่นแก้ว วัดสันลิดไม้เกจิหลายๆองค์ที่ไม่ได้เอ่ยนามพ่อหนานประพันธ์ท่านเก่งศาตร์ทุกแขนง
-การศึกษา ปี 2531 จบประถมศึกษาปีที่6จากโรงเรียนบ้านป่าแดง ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ปี 2533 จบประโยคนักธรรมชั้นเอก จากสำนักเรียนวัดท่าตอน พระอารามหลวง ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ปี 2538 จบเปรียญธรรม 6 ประโยค จากสำนักเรียนวัดท่าตอน พระอารามหลวง ศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช
-การทำงาน(2533-2537) เป็นครูสอนโรงเรียนพุทธศานาวันอาทิตย์ วัดท่าตอน พระอารามหลวง (2535-2538) เป็นครูสอนนักธรรม วัดท่าตอน พระอารามหลวง(2538-2546)เป็นครูสอนภาษาบาลีโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดท่าตอน (2539-ปัจจุบัน)เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมวัดท่าตอน (2546-ปัจจุบัน)เป็นวิทยากรอบรมค่ายคุณธรรม-จริยธรรม ของวัดท่าตอน (2549-ปัจจุบัน)ปัจจุบันรับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลสันต้นหมื้อและเจ้าอาวาสวัดสันต้นหมื้อ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |