จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ไม่จำกัด ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | พระเกจิอาจารย์ ยุคปัจจุบัน |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
🔸เหรียญครูบาศรีวิชัย🔸
ออกเป็นที่ระลึก เชียงใหม่ 700 ปี
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติครูบาศรีวิชัย เดิมชื่อฟ้าฮ้อง ( ฟ้าร้อง ) เกิดวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2421 ที่ บ้านปาง ต. แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน เป็นบุตรนายควายกับนางอุสาห์ อาชีพทำนาทำไร่ ปี พ.ศ. 2442 อุปสมบท ณ วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน มีครูบาสมณะ วัดบ้านโฮ่งหลวงเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า ศิริวิชโย เป็นศิษย์ครูบาขัติ วัดบ้านปาง / ครูบาอุปละ วัดดอยแต มรณภาพวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2481 ที่วัดบ้านปาง สิริอายุได้ 60 ปี และได้รับพระราชทานเพลิงศพวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2489 เมื่องานเสร็จสิ้นได้แบ่งอัฐิของท่านไปบรรจุไว้ตามที่ต่าง ๆ เช่น ที่วัดจามเทวี ลำพูน วัดสวนดอก เชียงใหม่ วัดพระแก้วดอนเต้า ลำปาง วัดศรีโคมคำ พะเยา วัดพระธาตุช่อแฮ แพร่ และที่วัดบ้านปาง ลำพูนอันเป็นวัดดั้งเดิมของท่าน เป็นต้น
🔹(( ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ))🔹
หากเอ่ยชื่อของครูบาเจ้าศรีวิชัย เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักท่าน เนื่องด้วยท่านเป็นพระที่สร้างคุณูปการณ์มากมายไว้ในใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนาและแผ่นดินล้านนา ครูบาศรีวิชัยถือได้ว่าเป็นแบบอย่างของพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่เกจิรุ่นหลังเดินตามรอยพระศาสนา
พระศรีวิชัยได้ศึกษาไสยศาสตร์เวทมนต์คาถาจากครูแข้งแขะ โดยได้ยึดมั่นว่าเป็นของดีของวิเศษที่จะนำความสุขความเจริญมาให้ ท่านยังได้สักหมึกดำที่ขาทั้งสองข้างตามความเชื่อของลูกผู้ชายชาวล้านนาว่าจะช่วยให้อยู่ยงคงกระพัน ต่อมาครูบาสม สมฺโณ ได้แนะนำให้พระศรีวิชัยไปนมัสการครูบาอุปละที่วัดดอยแต อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ครูบาอุปละได้เมตตาถ่ายทอดครองวัตรปฏิบัติวิชชาอาคมให้พระศรีวิชัยสมควรแก่ภูมิธรรมเป็นเวลา 1 พรรษา จากนั้นจึงได้กราบลาครูอุปละไปศึกษาต่อกับครูบาวัดดอยคำและกลับมาศึกษาต่อกับครูบาสม สมฺโณ ที่วัดบ้านโฮ่งหลวง การได้ศึกษากับพระอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยภูมิรู้และวัตรปฏิบัติ ทำให้ท่านเกิดความเข้าใจในพุทธศาสนาที่ถูกต้อง มีความมุ่งมั่นปฏิบัติในด้านกัมมัฏฐาน โดยละเลิกความสนใจทางด้านไสยศาสตร์ ด้วยเล็งเห็นว่ามิใช่หนทางแห่งความหลุดพ้น พระศรีวิชัยกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านปางอีกครั้งและปลีกตัวเองไปอยู่ในเขตอรัญญาวาส บำเพ็ญสมาธิภาวนาด้วยความสงบ ฉันอาหารมื้อเดียว ละเว้นจากการฉันเนื้อสัตว์และเว้นจากของเสพติดเช่น หมาก พลู บุหรี่ เมี่ยง บางครั้งท่านไม่ฉันข้าวนานถึง 5 เดือน ฉันแต่ผักผลไม้ ทำให้ชาวบ้านตลอดจนชาวเขาหลายเผ่าที่อยู่ในแถบนั้นพากันเคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน
พระศรีวิชัย ได้ชื่อว่าเป็นพระนักพัฒนาโดยแท้ ท่านเป็นผู้นำพัฒนาวัดบ้านปางเป็นแห่งแรก ก่อสร้างปฏิสังขรณ์กุฏิ วิหาร โบสถ์ และให้ชื่ออารามใหม่นี้ว่า "วัดจอมศะหรีทรายมูลบุญเรือง" แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงเรียกว่า "วัดบ้านปาง" นอกจากนั้นท่านยังได้ปลูกสร้างปฏิสังขรณ์วัดวาอารามและถาวรวัตถุทางศาสนาอีกหลายสิบวัดในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น วัดพระธาตุหริภุญชัยลำพูน, วัดเชียงยืน, วัดพระพุทธบาทตากผ้า, วัดจามเทวี, วัดพระสิงห์, วัดสวนดอก, วัดศรีโสดา, วัดพระแก้วดอนเต้าลำปาง เป็นต้น
ผลงานด้านการพัฒนาของท่านเป็นที่รู้จักและยังคงกล่าวขวัญถึงยุคปัจจุบันก็คือ ถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่สมัยนั้นถือได้ว่าเป็นการร่วมแรงร่วมใจของผู้คนจากทั่วภาคเหนือที่พร้อมใจกันมาสร้างถนนก็ว่าได้ ในสมัยก่อนการจะเดินทางขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพต้องเดินเท้าขึ้นไปด้วยความลำบาก ใช้เวลาไม่ต่ำ 4 - 5 ชั่วโมง และการที่จะสร้างถนนขึ้นไปเป็นเรื่องที่ยากเกินจะเป็นไปได้ เพราะต้องใช้ทั้งแรงงานมากมาย เวลาและเงินตรามหาศาล ทั้งสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องจักรที่ทันสมัย รัฐบาลในสมัยนั้นซึ่งมีพลเรือตรีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ทราบเรื่องจากหลวงศรีประกาศ (ฉันท์ วิชยาภัย) จึงได้ส่งนายช่างขึ้นมาทำการสำรวจเส้นทาง ระยะทางทั้งหมด 11.530 กิโลเมตร วันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 เวลา 10.00 น. ท่ามกลางเสียงพระสงฆ์สวดชยันโต เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเจ้าเชียงใหม่เป็นผู้ลงจอบแรก เริ่มฤกษ์ของการทำงานโดยมีครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นเสาหลักด้านจิตใจในการทำงาน ช่วง 2 เดือนแรกเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวชาวบ้านจึงมาช่วยงานน้อย แต่เมื่อผ่านไป 2 เดือนชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวในนาเสร็จแล้ว ก็พากันมาร่วมแรงกันสร้างถนน โดยเดินทางมาจากหลายจังหวัดในภาคเหนือ นอกจากนี้ยังมีชาวเขาหลายเผ่ามาร่วมแรงสร้างทางในครั้งนี้ด้วย ใช้เวลาในการสร้างทั้งหมด 5 เดือน 22 วัน แล้วเสร็จในวันที่ 30 เมษายน 2478 ความมีชื่อเสียง ความสำเร็จผลในด้านการเป็นพระนักพัฒนา ดูเหมือนว่าการบำเพ็ญบารมีธรรมในชีวิตของครูบาศรีวิชัยจะก้าวไปพร้อมกันกับอุปสรรค์แสนเข็ญ ด้วยคณะสงฆ์ผู้ใหญ่ในล้านนาไม่พอใจในตัวท่าน จนถึงขนาดมีการกล่าวหาเอาผิดท่านถึง 3 ครั้ง โดยกล่าวหาว่าท่านทำตัวเป็น "ผีบุญ" อวดอิทธิฤทธิ์ ซ่องสุมกำลังผู้คน คิดขบถต่อบ้านเมือง และนำท่านไปจำไว้ที่ลำพูนและวัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ จากนั้นจึงได้ส่งตัวท่านไปไต่สวนที่กรุงเทพ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ตั้งกรรมการชำระคดีครูบาศรีวิชัย ผลปรากฏว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีความผิด วันที่ 22 มีนาคม 2481 ขณะที่อายุได้ 60 ปีเศษ ครูบาศรีวิชัยได้ถึงแก่กาลมรณภาพที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มีพิธีพระราชทานเพลิงศพที่วัดจามเทวี เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2489 ตามแบบประเพณีล้านนาไทยครูบาศรีวิชัย จึงนับเป็นแบบอย่างของพระพัฒนาที่สร้างคุณูปการต่อจังหวัดเชียงใหม่และล้านนาไทยเป็นอย่างมาก แม้วันนี้ครูบาศรีวิชัย หรือ พระศีลธรรม จะมรณภาพมานานกว่า 60 ปี ทว่าชื่อเสียงของท่านยังคงอยู่ในศรัทธาของชาวเชียงใหม่และใกล้เคียงไม่เสื่อมคลาย
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
🔸เหรียญครูบาศรีวิชัย🔸
ออกเป็นที่ระลึก เชียงใหม่ 700 ปี
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติครูบาศรีวิชัย เดิมชื่อฟ้าฮ้อง ( ฟ้าร้อง ) เกิดวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2421 ที่ บ้านปาง ต. แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน เป็นบุตรนายควายกับนางอุสาห์ อาชีพทำนาทำไร่ ปี พ.ศ. 2442 อุปสมบท ณ วัดบ้านปาง อ.ลี้ จ.ลำพูน มีครูบาสมณะ วัดบ้านโฮ่งหลวงเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า ศิริวิชโย เป็นศิษย์ครูบาขัติ วัดบ้านปาง / ครูบาอุปละ วัดดอยแต มรณภาพวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2481 ที่วัดบ้านปาง สิริอายุได้ 60 ปี และได้รับพระราชทานเพลิงศพวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2489 เมื่องานเสร็จสิ้นได้แบ่งอัฐิของท่านไปบรรจุไว้ตามที่ต่าง ๆ เช่น ที่วัดจามเทวี ลำพูน วัดสวนดอก เชียงใหม่ วัดพระแก้วดอนเต้า ลำปาง วัดศรีโคมคำ พะเยา วัดพระธาตุช่อแฮ แพร่ และที่วัดบ้านปาง ลำพูนอันเป็นวัดดั้งเดิมของท่าน เป็นต้น
🔹(( ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ))🔹
หากเอ่ยชื่อของครูบาเจ้าศรีวิชัย เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักท่าน เนื่องด้วยท่านเป็นพระที่สร้างคุณูปการณ์มากมายไว้ในใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนาและแผ่นดินล้านนา ครูบาศรีวิชัยถือได้ว่าเป็นแบบอย่างของพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่เกจิรุ่นหลังเดินตามรอยพระศาสนา
พระศรีวิชัยได้ศึกษาไสยศาสตร์เวทมนต์คาถาจากครูแข้งแขะ โดยได้ยึดมั่นว่าเป็นของดีของวิเศษที่จะนำความสุขความเจริญมาให้ ท่านยังได้สักหมึกดำที่ขาทั้งสองข้างตามความเชื่อของลูกผู้ชายชาวล้านนาว่าจะช่วยให้อยู่ยงคงกระพัน ต่อมาครูบาสม สมฺโณ ได้แนะนำให้พระศรีวิชัยไปนมัสการครูบาอุปละที่วัดดอยแต อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ครูบาอุปละได้เมตตาถ่ายทอดครองวัตรปฏิบัติวิชชาอาคมให้พระศรีวิชัยสมควรแก่ภูมิธรรมเป็นเวลา 1 พรรษา จากนั้นจึงได้กราบลาครูอุปละไปศึกษาต่อกับครูบาวัดดอยคำและกลับมาศึกษาต่อกับครูบาสม สมฺโณ ที่วัดบ้านโฮ่งหลวง การได้ศึกษากับพระอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยภูมิรู้และวัตรปฏิบัติ ทำให้ท่านเกิดความเข้าใจในพุทธศาสนาที่ถูกต้อง มีความมุ่งมั่นปฏิบัติในด้านกัมมัฏฐาน โดยละเลิกความสนใจทางด้านไสยศาสตร์ ด้วยเล็งเห็นว่ามิใช่หนทางแห่งความหลุดพ้น พระศรีวิชัยกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านปางอีกครั้งและปลีกตัวเองไปอยู่ในเขตอรัญญาวาส บำเพ็ญสมาธิภาวนาด้วยความสงบ ฉันอาหารมื้อเดียว ละเว้นจากการฉันเนื้อสัตว์และเว้นจากของเสพติดเช่น หมาก พลู บุหรี่ เมี่ยง บางครั้งท่านไม่ฉันข้าวนานถึง 5 เดือน ฉันแต่ผักผลไม้ ทำให้ชาวบ้านตลอดจนชาวเขาหลายเผ่าที่อยู่ในแถบนั้นพากันเคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน
พระศรีวิชัย ได้ชื่อว่าเป็นพระนักพัฒนาโดยแท้ ท่านเป็นผู้นำพัฒนาวัดบ้านปางเป็นแห่งแรก ก่อสร้างปฏิสังขรณ์กุฏิ วิหาร โบสถ์ และให้ชื่ออารามใหม่นี้ว่า "วัดจอมศะหรีทรายมูลบุญเรือง" แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงเรียกว่า "วัดบ้านปาง" นอกจากนั้นท่านยังได้ปลูกสร้างปฏิสังขรณ์วัดวาอารามและถาวรวัตถุทางศาสนาอีกหลายสิบวัดในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น วัดพระธาตุหริภุญชัยลำพูน, วัดเชียงยืน, วัดพระพุทธบาทตากผ้า, วัดจามเทวี, วัดพระสิงห์, วัดสวนดอก, วัดศรีโสดา, วัดพระแก้วดอนเต้าลำปาง เป็นต้น
ผลงานด้านการพัฒนาของท่านเป็นที่รู้จักและยังคงกล่าวขวัญถึงยุคปัจจุบันก็คือ ถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่สมัยนั้นถือได้ว่าเป็นการร่วมแรงร่วมใจของผู้คนจากทั่วภาคเหนือที่พร้อมใจกันมาสร้างถนนก็ว่าได้ ในสมัยก่อนการจะเดินทางขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพต้องเดินเท้าขึ้นไปด้วยความลำบาก ใช้เวลาไม่ต่ำ 4 - 5 ชั่วโมง และการที่จะสร้างถนนขึ้นไปเป็นเรื่องที่ยากเกินจะเป็นไปได้ เพราะต้องใช้ทั้งแรงงานมากมาย เวลาและเงินตรามหาศาล ทั้งสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องจักรที่ทันสมัย รัฐบาลในสมัยนั้นซึ่งมีพลเรือตรีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ทราบเรื่องจากหลวงศรีประกาศ (ฉันท์ วิชยาภัย) จึงได้ส่งนายช่างขึ้นมาทำการสำรวจเส้นทาง ระยะทางทั้งหมด 11.530 กิโลเมตร วันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 เวลา 10.00 น. ท่ามกลางเสียงพระสงฆ์สวดชยันโต เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเจ้าเชียงใหม่เป็นผู้ลงจอบแรก เริ่มฤกษ์ของการทำงานโดยมีครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นเสาหลักด้านจิตใจในการทำงาน ช่วง 2 เดือนแรกเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวชาวบ้านจึงมาช่วยงานน้อย แต่เมื่อผ่านไป 2 เดือนชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวในนาเสร็จแล้ว ก็พากันมาร่วมแรงกันสร้างถนน โดยเดินทางมาจากหลายจังหวัดในภาคเหนือ นอกจากนี้ยังมีชาวเขาหลายเผ่ามาร่วมแรงสร้างทางในครั้งนี้ด้วย ใช้เวลาในการสร้างทั้งหมด 5 เดือน 22 วัน แล้วเสร็จในวันที่ 30 เมษายน 2478 ความมีชื่อเสียง ความสำเร็จผลในด้านการเป็นพระนักพัฒนา ดูเหมือนว่าการบำเพ็ญบารมีธรรมในชีวิตของครูบาศรีวิชัยจะก้าวไปพร้อมกันกับอุปสรรค์แสนเข็ญ ด้วยคณะสงฆ์ผู้ใหญ่ในล้านนาไม่พอใจในตัวท่าน จนถึงขนาดมีการกล่าวหาเอาผิดท่านถึง 3 ครั้ง โดยกล่าวหาว่าท่านทำตัวเป็น "ผีบุญ" อวดอิทธิฤทธิ์ ซ่องสุมกำลังผู้คน คิดขบถต่อบ้านเมือง และนำท่านไปจำไว้ที่ลำพูนและวัดศรีดอนไชย เชียงใหม่ จากนั้นจึงได้ส่งตัวท่านไปไต่สวนที่กรุงเทพ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ตั้งกรรมการชำระคดีครูบาศรีวิชัย ผลปรากฏว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีความผิด วันที่ 22 มีนาคม 2481 ขณะที่อายุได้ 60 ปีเศษ ครูบาศรีวิชัยได้ถึงแก่กาลมรณภาพที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มีพิธีพระราชทานเพลิงศพที่วัดจามเทวี เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2489 ตามแบบประเพณีล้านนาไทยครูบาศรีวิชัย จึงนับเป็นแบบอย่างของพระพัฒนาที่สร้างคุณูปการต่อจังหวัดเชียงใหม่และล้านนาไทยเป็นอย่างมาก แม้วันนี้ครูบาศรีวิชัย หรือ พระศีลธรรม จะมรณภาพมานานกว่า 60 ปี ทว่าชื่อเสียงของท่านยังคงอยู่ในศรัทธาของชาวเชียงใหม่และใกล้เคียงไม่เสื่อมคลาย ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |