ไฮไลท์
เหรียญชนะมาร เนื้ออัลปาก้า หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ปี 2538 (ซองเดิม) มีบัตรรับรองพระแท้
❇ ซีลเดิม
❇ พระดีพุทธคุณสุดยอด
❇ มีบัตรรับรองพระแท้ให้ด้วยค่ะ
จากคำบอกกล่าวในอดีต "พระพิชิตมาร(พระพุทธชนะมาร.)" ผู้ที่มีไว้กราบไหว้บูชาเป็นประจำ ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง มีโชคมีลาภ มีความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา และชนะมาร ชนะอุปสรรค ชนะศัตรูคู่แข่ง ชนะวิบากกรรม ทำให้เรื่องที่ร้ายๆกลับกลายเป็นดีขึ้น
🔸มีวัตถุประสงค์ ..เพื่อเป็นพุทธานุสสติ หนึ่งในกรรมฐาน 40 กอง
ตามพุทธฎีกาและเป็นมหากุศล สืบต่ออายุพระพุทธศาสนาต่อไปในอนาคตและเพื่อสมนาคุณแก่ผู้ร่วมทำบุญ “กองทุนพัฒนาสถานีอนามัยจังหวัดสมุทรสงคราม”
❇ พุทธลักษณะ เป็นเหรียญรูปไข่
❇ กว้าง 2.2 ซม. สูง 3.2 ซม.
❇ ด้านหน้า เป็นรูปจำลองพระพุทธรูปปางสมาธิ ประทับนั่งรัตนบัลลังก์ เหนือแม่พระธรณี
ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์
❇ ด้านหลัง เป็นยันต์เกราะเพชร (อิติปิโสเกราะเพชร) ของท่านพระครูวิมลคุณากร
(หลวงปู่ศุข) วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และ หมายเลข 2538 คือปีที่สร้าง และ
“นกวายุภักต์” อันเป็นเครื่องหมายของกษาปณ์กรมธนารักษ์
ได้ผ่านการบรรจุพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณการปลุกเสก เป็นการปลุกเสกเดี่ยว โดย หลวงพ่อเกษม เขมโก หลวงพ่อคูณ หลวงปู่คำพันธ์ หลวงพ่อเปิ่น หลวงพ่อแพ พ่อท่านนอง (วัดทรายขาว) ครูบาอิน ครูบาชัยยะวงศ์ และเกจิอาจารย์ในสมัยนั้น รวม 68 ท่าน
การบรรจุพุทธานุภาพ…ได้ผ่านการบรรจุพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
และอานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เป็นขั้นตอนดังนี้…
พิธีมหาพุทธาภิเษก…
1. วัดเลา กรุงเทพฯ พิธี “พระกริ่งอุดมมงคลสุข” 19 พฤศจิกายน 2538
2.วัดบวรนิเวศนวิหาร กรุงเทพฯ “พิธีพระนาคปรก 40 พรรษา” 25 พฤศจิกายน 2538
3.วัดช้างเผือก สมุทรสงคราม พิธี “เหรียญหลวงพ่อหรุ่น” 13 กุมภาพันธ์ 2539
4. วัดเพชรสมุทร สมุทรสงคราม พิธี “เหรียญใบสาเก” 23 มีนาคม 2539
5. วัดนางพญา พิษณุโลก พิธี “พระนางพญา” 25 มิถุนายน 2539
6. วัดบวรนิเวศนวิหาร กรุงเทพฯ พิธี “เหรียญจับโป้ยหล่ออึ่น” 27 พฤศจิกายน 2539
7. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ พิธี “รูปหล่อสมเด็จย่า”17 ธันวาคม 2539
8. วัดเลา กรุงเทพฯ พิธี “พระพุทธพิทักษ์ชน” 21 กุมภาพันธ์ 2540
9. วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีพระพุทธชินราชย้อนยุค 17-18-19 เมษายน 2540
…การปลุกเสก และอธิษฐานจิตเดี่ยว…
1.หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง 12 สิงหาคม 2538
2. หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ นครราชสีมา 28 พฤศจิกายน 2538
3. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครปฐม 28 พฤศจิกายน 2538, 13 มกราคม 2539, 4 มีนาคม 2539
4. หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ สมุทรสงคราม 10-21 มีนาคม 2539
5. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี 6 เมษายน 2539, 12 เมษายน 2540
6.พระครูสุวรรณวิสุทธิ์ วัดธัญญวารี สุพรรณบุรี 6 เมษายน 2539, 12 เมษายน 2540
7. หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง อยุธยา 6 เมษายน 2539
8. หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย อยุธยา 6 เมษายน 2539
9. หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง สระบุรี 5 พฤษภาคม 2539, 2 พฤษภาคม 2540
10. หลวงพ่อหรุ่ม วัดบางจักร อ่างทอง 5 พฤษภาคม 2539, 2 พฤษภาคม 2540
11. หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย นนทบุรี 5 พฤษภาคม 2539
12. หลวงพ่อแปลก วัดลำน้ำ ราชบุรี 18-30 พฤษภาคม 2539
13. หลวงพ่อบุญธรรม วัดหลักสี่ สมุทรสาคร 1-12 มิถุนายน 2539
14. หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม นครปฐม 22 มิถุนายน 2539
15. หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร 25 มิถุนายน 2539
16. หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางุ นครสวรรค์ 25 มิถุนายน 2539
17. หลวงพ่อนิตย์ วัดกำแพงแลง เพชรบุรี 16 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2539
18. หลวงปู่ทอง วัดป่ากอสุวรรณาราม สงขลา 8 สิงหาคม 2539
19. หลวงปู่สุข วัดมุจลินทรวาปี ปัตตานี 8 สิงหาคม 2539
20. หลวงพ่อกลั่น วัดเขาอ้อ พัทลุง 9 สิงหาคม 2539
21.พระครูกาชาด (บุญทอง) วัดดอนศาลา พัทลุง 9 สิงหาคม 2539
22. พ่อท่านศรีเงิน วัดดอนศาลา พัทลุง 9 สิงหาคม 2539
23. พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง พัทลุง 10 สิงหาคม 2539
24. พ่อท่านสังข์ วัดเทพมงคล นครศรีธรรมราช 10 สิงหาคม 2539
25. พ่อท่านนอง วัดทรายขาว ปัตตานี 10 สิงหาคม 2539
26. หลวงปู่แร่ วัดเชิดสำราญ ชลบุรี 24 สิงหาคม 2539
27. หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก ชลบุรี 24 สิงหาคม 2539
28. หลวงพ่อชื่น วัดตึกมหาชยาราม สมุรทรสาคร 24 สิงหาคม – 3 กันยายน 2539
29. หลวงพ่ออุตตมะ วังวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี 5 กันยายน 2539
30. หลวงพ่อเบี่ยง วัดทุ่งสมอ กาญจนบุรี 6 กันยายน 2539
31. หลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ ลพบุรี 16 พฤศจิกายน 2539
32. หลวงพ่อทวน วัดหนองพังตรุ กาญจนบุรี 18 พฤศจิกายน 2539
33. หลวงพ่อแสง วัดวรรณาราม นครราชสีมา 5 ธันวาคม 2539
34. หลวงพ่อคง วัดตะคร้อ นคราชสีมา 5 ธันวาคม 2539
35. พระมหาโส กสสโป วัดป่าคีรีวัน ขอนแก่น 6 ธันวาคม 2539
36. หลวงปู่คำพอง วัดถ้ำกกดู่ อุดรธานี 7 ธันวาคม 2539
37. หลวงปู่แสน ปัญญาธโร วัดราษฎร์สงเคราะห์ อุดรธานี 7 ธันวาคม 2539
38. หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโม วัดประชาชุมพล อุดรธานี 7 ธันวาคม 2539
39. หลวงปู่หนูอินทร์ วัดพุทธมงคล กาฬสินธุ์ 8 ธันวาคม 2539
40. หลวงปู่นนท์ วัดเหนือวน ราชบุรี 24 ธันวาคม 2539
41. หลวงพ่อแม้น วัดพิชิตปิตยราม ปทุมธานี 29 ธันวาคม 2539
42. หลวงพ่อชม วัดนางในธัมมิการาม อ่างทอง 29 ธันวาคม 2539
43. หลวงพ่อใส สติปัญโญ วัดคานหาม อยุธยา 29 ธันวาคม 2539
44. หลวงพ่อพัฒน์ วัดแสนเกษม กรุงเทพฯ 29 ธันวาคม 2539
45. หลวงพ่อเหล็ง วัดโคกเพลาะ ชลบุรี 12 มกราคม 2540
46. หลวงพ่อเย็น วัดดอนสีนนท์ ฉะเชิงเทรา 12 มกราคม 2540
47. หลวงพ่อสง่า วัดใหม่เจริญราษฎร์ กรุงเทพฯ 12 มกราคม 2540
ยังมีอีกหลายองค์ ซึ่งผู้สร้างมาเข้าพิธีเพิ่มเติมอีก อาทิเช่น ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา , หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า , ครูบาอิน , หลวงปู่คำพันธ์,หลวงพ่อทองคำ วัดท่าทอง ,ครูบาเทือง และที่สำคัญคือการได้รับการอธิษฐานพรจากหลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม จ. จันทบุรี ถึง ”3 เดือน ” เต็มๆ และยังได้รับเมตตาให้นำเหรียญไปวางไว้ข้าง ” หัวนอน ”
ของท่านด้วย และในการปลุกเศกของหลวงพ่อชม วัดนางใน ก็ได้เห็นการเสกที่สามารถเปลี่ยนนัยน์ตาเป็นสีฟ้าได้ซึ่งการเสกแบบนี้ในอดีตที่ตัวคุณสุธันย์เคยเห็น ก็มีแต่ครูบาพรหมจักรสังวรณ์
วัดพระพุทธบาทตากผ้าองค์เดียวเท่านั้นเอง….
..........................................................................................
หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นโดยแท้จริง ท่านเป็นพระ มหานิกาย แต่ท่านปฏิบัติธุดงค์วัตรอย่างอุกฤษฏ์
ยากที่จะมีใครทำได้อย่างท่านในปัจจุบัน อันจริยาวัตรของท่านหลายอย่างยังคงเป็นคำกล่าวขวัญกันอยู่ อย่างเช่น
ท่านอาศัยอยู่ป่าช้าจนชั่วชีวิต นอนหลังไม่แตะพื้น นั่งหมอบหลับ ปกติหลวงพ่อเกษม ท่านจะพูดน้อย คือพูดค่อยๆ เชิงกระซิบ โดยท่านให้เหตุผลว่า
“ถ้าต้องพูดกับคนทุกคนแล้ว ท่านคงไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมแน่ๆ”
การขบฉันของท่าน ท่านก็ฉันแต่น้อย สองสามวันท่านจะฉันเพียงมื้อเดียวโดยท่านฉันรวม คือของคาวและของหวานเทรวมกัน
บางครั้งท่านยังฉันข้าวบูดอีก ท่านนั่งบริกรรมกลางแดดในฤดูร้อนที่ร้อนระอุได้นานทั้งวัน จนผิวหนังไหม้ ท่านนั่งบริกรรมท่ามกลางสายฝนในหน้าฝน
สายฝนกระหน่ำ และในยามที่อากาศหนาวสุดขั้วของภาคเหนือ ตลอด ๓ เดือนเต็ม (นั่งบริกรรมกลางแจ้งโดยไม่เข้าร่มเลย) ท่านจะนั่งสมาธิกลางแจ้งโดยไม่ห่มจีวร
ท่านเคยอดอาหารได้นานถึง 49 วัน อย่างนี้เป็นต้น
เคยมีผู้สอบถามหลวงพ่อถึงสาเหตุที่ท่านนั่งบริกรรมกลางแจ้ง ท่านก็ตอบว่า " เพื่อให้รู้เหตุของทุกข์ จะได้รู้จักการหลุดพ้นทุกข์ "
ซึ่งท่านเคยพูดอยู่เสมอๆ ว่า “การปฏิบัติอย่างนี้ ต้องแยกกายและจิตให้ออกจากกัน”
และที่น่าแปลกอีกอย่างก็คือ ระยะเวลาใน ๑ ปี หลวงพ่อจะอาบน้ำเพียงครั้งเดียว และนับจากปี ๒๕๑๔ เป็นต้นมาท่านก็มิได้อาบน้ำอีกเลย
แต่ท่านกลับไม่มีกลิ่นตัว ไม่มีเหงื่อ แม้ว่าท่านจะออกนั่งภาวนาตากแดดก็ตามที เท่าที่ดูแล้วหลวงพ่อท่านกลับมีผิวพรรณผ่องใส
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย แห่งวัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า
“ถ้าบุคคลใด ปฏิบัติมาได้ขั้นนี้แล้ว จะเป็นผู้มีกำลังจิตที่แก่กล้ามาก อาการเช่นนี้ ถ้าจะมีใครยกเราหย่อนลงไปในน้ำก็สามารถอยู่ได้ ไม่มีอันตรายเลย
และไม่มีอะไรอีกด้วย ว่าเย็นหนาว และถ้าเขาจะจับศีรษะบิดจนรอบก็ไม่มีความรู้สึกอะไร จะนั่งอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
บุคคลเช่นนี้มีอำนาจจิตที่แก่กล้าแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ได้ทุกเมื่อเลยทีเดียว”
หลวงปู่ศรี มหาวีโร แห่งวัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ท่านเคยเมตตาอธิบายว่า
“การเจริญสมาธิภาวนาแบบอุกฤษฏ์ทรมานตนนี้ เป็นการสร้าง “มหาสติ” อีกแบบหนึ่ง ผู้ทำสำเร็จจะมีพลังแก่กล้ามาก เป็นความจริงในเรื่องนี้”
หลวงพ่อเกษมกับหลวงปู่ดู่ วัดสะแก
หลวงพ่อเกษม ท่านไม่ได้เดินทางออกจากป่าช้าที่ลำปาง แต่ท่านสามารถไปปรากฏกายที่ วัดสะแก อยุธยา เพื่อสนทนาธรรมกับหลวงปู่ดู่ได้
เป็นเรื่องแปลกที่ท่านทั้งสองนั้น ไม่เคยเดินทางออกไปไหนเหมือนกัน แต่รู้จักกันได้ และหลวงพ่อเกษมเคยมา สนทนากับหลวงปู่ดู่ด้วยกายเนื้อ ที่วัดสะแกได้
นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ ที่มิอาจเข้าใจในโลกของจิต ที่กว้างไกล แต่สำหรับพระที่สำเร็จทางจิตท่านสามารถ ติดต่อสื่อสารกันได้โดยง่าย และไปมาหาสู่กันได้
โดยเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับท่านเหล่านั้น หากเราอยากจะรู้และเข้าใจในเรื่องแบบนี้ ทางเดียวที่จะพิสูจน์ได้ คือต้องพากเพียรฝึกจิตให้เข้าถึงในคุณธรรมที่จะสามารถ รับรู้เรื่องเหล่านี้ได้นั่นเอง
เทศนาปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก
หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สำนักปฏิบัติธรรมสุสานไตรลักษณ์ ประตูม้า จังหวัดลำปาง
การแสดงพระธรรมเทศนาของหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก ในวันวิสาขบูชา ปีพ.ศ. ๒๕๓๕ (๑๖ พฤษภาคม ๒๕๓๕) นับว่าเป็น เทศนาโดยแท้ โดยหลวงปู่เทศนาเป็นใจความว่า
“การสวดพระปริตร เช่น โมรปริตรนั้นได้ผลทางสะเดาะเคราะห์การช่วยชีวิต การแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทุกชนิด แต่ถ้าคนหรือสัตว์นั้น ถึงคราวชะตาขาด เพราะกรรมหนักมาส่งผลแล้ว พระปริตรก็ช่วยไม่ได้
“อานุภาพ” ของสิ่งต่างๆ อันเป็นของศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่จริง ก็ช่วยใครต่อใคร ยกเว้นแต่ถึงคราว “ชะตาขาด” ก็ช่วยไม่ได้ ????
ถ้าใครพูดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยอะไรใครไม่ได้ เป็นของไม่มีจริง อย่างนี้ถือว่าพูดผิด เพราะยังไม่รู้จริง”
หลวงปู่เทศน์ว่า….
“ความศักดิ์สิทธิ์มีอยู่จริง ดุจดังพ่อและแม่รักลูก และป้องกันลูกน้อย มิให้มีภัยมาเบียดเบียน แต่เมื่อลูกโตขึ้นเป็นหนุ่ม ประพฤติพาลเกเร ปล้นสะดมฆ่าคนตาย และถูกจับประหารชีวิตอย่างนี้พ่อแม่ก็ช่วยไม่ได้”
เทศนาของหลวงปู่ครั้งนี้ดีแท้ ย่อมเป็นอุทาหรณ์เป็นอย่างดีแก่วงการพระเครื่องและเครื่องมงคลต่างๆ และได้คำตอบที่ชัดแจ้ง
ขอขอบพระคุณและโมทนาบุญอย่างสูงสำหรับข้อมูลจาก :
หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก โลกลี้ลับ ๙๗ ปีที่ ๑๐ ประจำเดือนมกราคม ๒๕๓๖ : เจดีย์ทอง เรียบเรียง. หน้า ๒๘-๒๙
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า

เหรียญชนะมาร เนื้ออัลปาก้า หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ปี 2538 (ซองเดิม) มีบัตรรับรองพระแท้ ❇ ซีลเดิม ❇ พระดีพุทธคุณสุดยอด ❇ มีบัตรรับรองพระแท้ให้ด้วยค่ะ จากคำบอกกล่าวในอดีต "พระพิชิตมาร(พระพุทธชนะมาร.)" ผู้ที่มีไว้กราบไหว้บูชาเป็นประจำ ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง มีโชคมีลาภ มีความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา และชนะมาร ชนะอุปสรรค ชนะศัตรูคู่แข่ง ชนะวิบากกรรม ทำให้เรื่องที่ร้ายๆกลับกลายเป็นดีขึ้น 🔸มีวัตถุประสงค์ ..เพื่อเป็นพุทธานุสสติ หนึ่งในกรรมฐาน 40 กอง ตามพุทธฎีกาและเป็นมหากุศล สืบต่ออายุพระพุทธศาสนาต่อไปในอนาคตและเพื่อสมนาคุณแก่ผู้ร่วมทำบุญ “กองทุนพัฒนาสถานีอนามัยจังหวัดสมุทรสงคราม” ❇ พุทธลักษณะ เป็นเหรียญรูปไข่ ❇ กว้าง 2.2 ซม. สูง 3.2 ซม. ❇ ด้านหน้า เป็นรูปจำลองพระพุทธรูปปางสมาธิ ประทับนั่งรัตนบัลลังก์ เหนือแม่พระธรณี ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ❇ ด้านหลัง เป็นยันต์เกราะเพชร (อิติปิโสเกราะเพชร) ของท่านพระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข) วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และ หมายเลข 2538 คือปีที่สร้าง และ “นกวายุภักต์” อันเป็นเครื่องหมายของกษาปณ์กรมธนารักษ์ ได้ผ่านการบรรจุพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณการปลุกเสก เป็นการปลุกเสกเดี่ยว โดย หลวงพ่อเกษม เขมโก หลวงพ่อคูณ หลวงปู่คำพันธ์ หลวงพ่อเปิ่น หลวงพ่อแพ พ่อท่านนอง (วัดทรายขาว) ครูบาอิน ครูบาชัยยะวงศ์ และเกจิอาจารย์ในสมัยนั้น รวม 68 ท่าน การบรรจุพุทธานุภาพ…ได้ผ่านการบรรจุพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และอานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เป็นขั้นตอนดังนี้… พิธีมหาพุทธาภิเษก… 1. วัดเลา กรุงเทพฯ พิธี “พระกริ่งอุดมมงคลสุข” 19 พฤศจิกายน 2538 2.วัดบวรนิเวศนวิหาร กรุงเทพฯ “พิธีพระนาคปรก 40 พรรษา” 25 พฤศจิกายน 2538 3.วัดช้างเผือก สมุทรสงคราม พิธี “เหรียญหลวงพ่อหรุ่น” 13 กุมภาพันธ์ 2539 4. วัดเพชรสมุทร สมุทรสงคราม พิธี “เหรียญใบสาเก” 23 มีนาคม 2539 5. วัดนางพญา พิษณุโลก พิธี “พระนางพญา” 25 มิถุนายน 2539 6. วัดบวรนิเวศนวิหาร กรุงเทพฯ พิธี “เหรียญจับโป้ยหล่ออึ่น” 27 พฤศจิกายน 2539 7. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ พิธี “รูปหล่อสมเด็จย่า”17 ธันวาคม 2539 8. วัดเลา กรุงเทพฯ พิธี “พระพุทธพิทักษ์ชน” 21 กุมภาพันธ์ 2540 9. วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีพระพุทธชินราชย้อนยุค 17-18-19 เมษายน 2540 …การปลุกเสก และอธิษฐานจิตเดี่ยว… 1.หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง 12 สิงหาคม 2538 2. หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ นครราชสีมา 28 พฤศจิกายน 2538 3. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครปฐม 28 พฤศจิกายน 2538, 13 มกราคม 2539, 4 มีนาคม 2539 4. หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ สมุทรสงคราม 10-21 มีนาคม 2539 5. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี 6 เมษายน 2539, 12 เมษายน 2540 6.พระครูสุวรรณวิสุทธิ์ วัดธัญญวารี สุพรรณบุรี 6 เมษายน 2539, 12 เมษายน 2540 7. หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง อยุธยา 6 เมษายน 2539 8. หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย อยุธยา 6 เมษายน 2539 9. หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง สระบุรี 5 พฤษภาคม 2539, 2 พฤษภาคม 2540 10. หลวงพ่อหรุ่ม วัดบางจักร อ่างทอง 5 พฤษภาคม 2539, 2 พฤษภาคม 2540 11. หลวงพ่อประสิทธิ์ วัดไทรน้อย นนทบุรี 5 พฤษภาคม 2539 12. หลวงพ่อแปลก วัดลำน้ำ ราชบุรี 18-30 พฤษภาคม 2539 13. หลวงพ่อบุญธรรม วัดหลักสี่ สมุทรสาคร 1-12 มิถุนายน 2539 14. หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม นครปฐม 22 มิถุนายน 2539 15. หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร 25 มิถุนายน 2539 16. หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางุ นครสวรรค์ 25 มิถุนายน 2539 17. หลวงพ่อนิตย์ วัดกำแพงแลง เพชรบุรี 16 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2539 18. หลวงปู่ทอง วัดป่ากอสุวรรณาราม สงขลา 8 สิงหาคม 2539 19. หลวงปู่สุข วัดมุจลินทรวาปี ปัตตานี 8 สิงหาคม 2539 20. หลวงพ่อกลั่น วัดเขาอ้อ พัทลุง 9 สิงหาคม 2539 21.พระครูกาชาด (บุญทอง) วัดดอนศาลา พัทลุง 9 สิงหาคม 2539 22. พ่อท่านศรีเงิน วัดดอนศาลา พัทลุง 9 สิงหาคม 2539 23. พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง พัทลุง 10 สิงหาคม 2539 24. พ่อท่านสังข์ วัดเทพมงคล นครศรีธรรมราช 10 สิงหาคม 2539 25. พ่อท่านนอง วัดทรายขาว ปัตตานี 10 สิงหาคม 2539 26. หลวงปู่แร่ วัดเชิดสำราญ ชลบุรี 24 สิงหาคม 2539 27. หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก ชลบุรี 24 สิงหาคม 2539 28. หลวงพ่อชื่น วัดตึกมหาชยาราม สมุรทรสาคร 24 สิงหาคม – 3 กันยายน 2539 29. หลวงพ่ออุตตมะ วังวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี 5 กันยายน 2539 30. หลวงพ่อเบี่ยง วัดทุ่งสมอ กาญจนบุรี 6 กันยายน 2539 31. หลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ ลพบุรี 16 พฤศจิกายน 2539 32. หลวงพ่อทวน วัดหนองพังตรุ กาญจนบุรี 18 พฤศจิกายน 2539 33. หลวงพ่อแสง วัดวรรณาราม นครราชสีมา 5 ธันวาคม 2539 34. หลวงพ่อคง วัดตะคร้อ นคราชสีมา 5 ธันวาคม 2539 35. พระมหาโส กสสโป วัดป่าคีรีวัน ขอนแก่น 6 ธันวาคม 2539 36. หลวงปู่คำพอง วัดถ้ำกกดู่ อุดรธานี 7 ธันวาคม 2539 37. หลวงปู่แสน ปัญญาธโร วัดราษฎร์สงเคราะห์ อุดรธานี 7 ธันวาคม 2539 38. หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโม วัดประชาชุมพล อุดรธานี 7 ธันวาคม 2539 39. หลวงปู่หนูอินทร์ วัดพุทธมงคล กาฬสินธุ์ 8 ธันวาคม 2539 40. หลวงปู่นนท์ วัดเหนือวน ราชบุรี 24 ธันวาคม 2539 41. หลวงพ่อแม้น วัดพิชิตปิตยราม ปทุมธานี 29 ธันวาคม 2539 42. หลวงพ่อชม วัดนางในธัมมิการาม อ่างทอง 29 ธันวาคม 2539 43. หลวงพ่อใส สติปัญโญ วัดคานหาม อยุธยา 29 ธันวาคม 2539 44. หลวงพ่อพัฒน์ วัดแสนเกษม กรุงเทพฯ 29 ธันวาคม 2539 45. หลวงพ่อเหล็ง วัดโคกเพลาะ ชลบุรี 12 มกราคม 2540 46. หลวงพ่อเย็น วัดดอนสีนนท์ ฉะเชิงเทรา 12 มกราคม 2540 47. หลวงพ่อสง่า วัดใหม่เจริญราษฎร์ กรุงเทพฯ 12 มกราคม 2540 ยังมีอีกหลายองค์ ซึ่งผู้สร้างมาเข้าพิธีเพิ่มเติมอีก อาทิเช่น ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา , หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า , ครูบาอิน , หลวงปู่คำพันธ์,หลวงพ่อทองคำ วัดท่าทอง ,ครูบาเทือง และที่สำคัญคือการได้รับการอธิษฐานพรจากหลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม จ. จันทบุรี ถึง ”3 เดือน ” เต็มๆ และยังได้รับเมตตาให้นำเหรียญไปวางไว้ข้าง ” หัวนอน ” ของท่านด้วย และในการปลุกเศกของหลวงพ่อชม วัดนางใน ก็ได้เห็นการเสกที่สามารถเปลี่ยนนัยน์ตาเป็นสีฟ้าได้ซึ่งการเสกแบบนี้ในอดีตที่ตัวคุณสุธันย์เคยเห็น ก็มีแต่ครูบาพรหมจักรสังวรณ์ วัดพระพุทธบาทตากผ้าองค์เดียวเท่านั้นเอง…. .......................................................................................... หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นโดยแท้จริง ท่านเป็นพระ มหานิกาย แต่ท่านปฏิบัติธุดงค์วัตรอย่างอุกฤษฏ์ ยากที่จะมีใครทำได้อย่างท่านในปัจจุบัน อันจริยาวัตรของท่านหลายอย่างยังคงเป็นคำกล่าวขวัญกันอยู่ อย่างเช่น ท่านอาศัยอยู่ป่าช้าจนชั่วชีวิต นอนหลังไม่แตะพื้น นั่งหมอบหลับ ปกติหลวงพ่อเกษม ท่านจะพูดน้อย คือพูดค่อยๆ เชิงกระซิบ โดยท่านให้เหตุผลว่า “ถ้าต้องพูดกับคนทุกคนแล้ว ท่านคงไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมแน่ๆ” การขบฉันของท่าน ท่านก็ฉันแต่น้อย สองสามวันท่านจะฉันเพียงมื้อเดียวโดยท่านฉันรวม คือของคาวและของหวานเทรวมกัน บางครั้งท่านยังฉันข้าวบูดอีก ท่านนั่งบริกรรมกลางแดดในฤดูร้อนที่ร้อนระอุได้นานทั้งวัน จนผิวหนังไหม้ ท่านนั่งบริกรรมท่ามกลางสายฝนในหน้าฝน สายฝนกระหน่ำ และในยามที่อากาศหนาวสุดขั้วของภาคเหนือ ตลอด ๓ เดือนเต็ม (นั่งบริกรรมกลางแจ้งโดยไม่เข้าร่มเลย) ท่านจะนั่งสมาธิกลางแจ้งโดยไม่ห่มจีวร ท่านเคยอดอาหารได้นานถึง 49 วัน อย่างนี้เป็นต้น เคยมีผู้สอบถามหลวงพ่อถึงสาเหตุที่ท่านนั่งบริกรรมกลางแจ้ง ท่านก็ตอบว่า " เพื่อให้รู้เหตุของทุกข์ จะได้รู้จักการหลุดพ้นทุกข์ " ซึ่งท่านเคยพูดอยู่เสมอๆ ว่า “การปฏิบัติอย่างนี้ ต้องแยกกายและจิตให้ออกจากกัน” และที่น่าแปลกอีกอย่างก็คือ ระยะเวลาใน ๑ ปี หลวงพ่อจะอาบน้ำเพียงครั้งเดียว และนับจากปี ๒๕๑๔ เป็นต้นมาท่านก็มิได้อาบน้ำอีกเลย แต่ท่านกลับไม่มีกลิ่นตัว ไม่มีเหงื่อ แม้ว่าท่านจะออกนั่งภาวนาตากแดดก็ตามที เท่าที่ดูแล้วหลวงพ่อท่านกลับมีผิวพรรณผ่องใส หลวงพ่อพุธ ฐานิโย แห่งวัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า “ถ้าบุคคลใด ปฏิบัติมาได้ขั้นนี้แล้ว จะเป็นผู้มีกำลังจิตที่แก่กล้ามาก อาการเช่นนี้ ถ้าจะมีใครยกเราหย่อนลงไปในน้ำก็สามารถอยู่ได้ ไม่มีอันตรายเลย และไม่มีอะไรอีกด้วย ว่าเย็นหนาว และถ้าเขาจะจับศีรษะบิดจนรอบก็ไม่มีความรู้สึกอะไร จะนั่งอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง บุคคลเช่นนี้มีอำนาจจิตที่แก่กล้าแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ได้ทุกเมื่อเลยทีเดียว” หลวงปู่ศรี มหาวีโร แห่งวัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ท่านเคยเมตตาอธิบายว่า “การเจริญสมาธิภาวนาแบบอุกฤษฏ์ทรมานตนนี้ เป็นการสร้าง “มหาสติ” อีกแบบหนึ่ง ผู้ทำสำเร็จจะมีพลังแก่กล้ามาก เป็นความจริงในเรื่องนี้” หลวงพ่อเกษมกับหลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงพ่อเกษม ท่านไม่ได้เดินทางออกจากป่าช้าที่ลำปาง แต่ท่านสามารถไปปรากฏกายที่ วัดสะแก อยุธยา เพื่อสนทนาธรรมกับหลวงปู่ดู่ได้ เป็นเรื่องแปลกที่ท่านทั้งสองนั้น ไม่เคยเดินทางออกไปไหนเหมือนกัน แต่รู้จักกันได้ และหลวงพ่อเกษมเคยมา สนทนากับหลวงปู่ดู่ด้วยกายเนื้อ ที่วัดสะแกได้ นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ ที่มิอาจเข้าใจในโลกของจิต ที่กว้างไกล แต่สำหรับพระที่สำเร็จทางจิตท่านสามารถ ติดต่อสื่อสารกันได้โดยง่าย และไปมาหาสู่กันได้ โดยเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับท่านเหล่านั้น หากเราอยากจะรู้และเข้าใจในเรื่องแบบนี้ ทางเดียวที่จะพิสูจน์ได้ คือต้องพากเพียรฝึกจิตให้เข้าถึงในคุณธรรมที่จะสามารถ รับรู้เรื่องเหล่านี้ได้นั่นเอง เทศนาปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สำนักปฏิบัติธรรมสุสานไตรลักษณ์ ประตูม้า จังหวัดลำปาง การแสดงพระธรรมเทศนาของหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก ในวันวิสาขบูชา ปีพ.ศ. ๒๕๓๕ (๑๖ พฤษภาคม ๒๕๓๕) นับว่าเป็น เทศนาโดยแท้ โดยหลวงปู่เทศนาเป็นใจความว่า “การสวดพระปริตร เช่น โมรปริตรนั้นได้ผลทางสะเดาะเคราะห์การช่วยชีวิต การแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทุกชนิด แต่ถ้าคนหรือสัตว์นั้น ถึงคราวชะตาขาด เพราะกรรมหนักมาส่งผลแล้ว พระปริตรก็ช่วยไม่ได้ “อานุภาพ” ของสิ่งต่างๆ อันเป็นของศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่จริง ก็ช่วยใครต่อใคร ยกเว้นแต่ถึงคราว “ชะตาขาด” ก็ช่วยไม่ได้ ???? ถ้าใครพูดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยอะไรใครไม่ได้ เป็นของไม่มีจริง อย่างนี้ถือว่าพูดผิด เพราะยังไม่รู้จริง” หลวงปู่เทศน์ว่า…. “ความศักดิ์สิทธิ์มีอยู่จริง ดุจดังพ่อและแม่รักลูก และป้องกันลูกน้อย มิให้มีภัยมาเบียดเบียน แต่เมื่อลูกโตขึ้นเป็นหนุ่ม ประพฤติพาลเกเร ปล้นสะดมฆ่าคนตาย และถูกจับประหารชีวิตอย่างนี้พ่อแม่ก็ช่วยไม่ได้” เทศนาของหลวงปู่ครั้งนี้ดีแท้ ย่อมเป็นอุทาหรณ์เป็นอย่างดีแก่วงการพระเครื่องและเครื่องมงคลต่างๆ และได้คำตอบที่ชัดแจ้ง ขอขอบพระคุณและโมทนาบุญอย่างสูงสำหรับข้อมูลจาก : หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก โลกลี้ลับ ๙๗ ปีที่ ๑๐ ประจำเดือนมกราคม ๒๕๓๖ : เจดีย์ทอง เรียบเรียง. หน้า ๒๘-๒๙

เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาหน้าโรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านธัญทิพย์ อมูเลท
ธัญทิพย์ อมูเลท
บริการให้เช่า พระเครื่อง และเครื่องรางของมงคล ทั่วไทย
เบอร์โทร : 0629966394
อีเมล : thanyatip4289@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม